รีวิว "ROG Phone 8 Pro Edition" ที่สุดของความแรงจากมือถือ Gaming Smart Phone
กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้งในรอบนี้สำหรับคนที่รอคอยมือถือที่ใช้คำว่า “บ้าพลัง” ที่สุดของปี 2024 มันมาแล้วครับกับ ROG Phone 8 Pro Edition ที่ได้ RAM เยอะที่สุดในตลาด พร้อมแล้วเรามาพิสูจน์ความแรงกันเลยกับรีวิวชุดนี้
รายละเอียดสเปกของ ROG Phone 8 Pro
- ขนาดตัวเครื่อง 163.8 x 76.8 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 225 กรัม
- มาตรฐานกันน้ำ IP68
- ถาดใส่ซิม : Dual Nano SIM
- หน้าจอ : ขนาด 6.78 นิ้ว LTPO AMOLED ความละเอียด 1080 x 2448 พิกเซล ความสว่างสูงสุด 2500 nits Refresh Rate 165Hz
- กระจกหน้าจอ : Gorilla Glass Victus 2
- ระบบปฏิบัติการ Android 14
- ขุมพลัง (CPU) : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3
- กราฟิก (GPU ) : Adreno 750
- RAM : 12GB / 16GB / 24GB
- ความจำภายใน : 256GB / 512GB / 1TB
- การเชื่อมต่อ : 5G, 4G, Wi-Fi 7 (802.11 a/b/g/n/ac/6e/7) Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS พร้อมระบบขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียม
- กล้องหน้า 1 ตัว
- ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล PDAF
- รองรับการถ่ายวิดีโอ : 1080p@30fps
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว
- ตัวหลัก : 50 ล้านพิกเซล (Sony IMX890) F/1.9 รองรับ PDAF, Laser Focus, OIS Gimbal
- กล้องตัวที 2: Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ระยะ Optical Zoom 3 เท่า รองรับ PDAF + OIS
- กล้องตัวที่ 3 : Ultra Wide ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา PDAF
- วิดีโอ : 8K@24fps, 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120/240fps, 720p@480fps; gyro-EIS, HDR10+
- LED Flash
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า / สแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ : 5500 mAh
- ระบบชาร์จไฟสาย : 65W แบบ PD
- ระบบชาร์จไฟไร้สาย : 15W
- ระบบจ่ายไฟกลับ (Reverse Charge) : รองรับแบบไร้สายกำลัง 10W
- สีสัน : Phantom Black และ Strom Gray
แกะกล่องของ ROG Phone 8 Pro Edition
ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง ROG Phone 8 Pro / Pro Edition
- ชุดพัดลม ROG AeroActive X
- กระเป๋าใส่พัดลม
- เคสแบบแข็ง
- คู่มือ / ใบรับประกัน
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- Adapter 65W
- สาย USB-C to USB-C
ทั้งนี้รุ่นธรรมดาจะต่างกันที่พัดลม AeroActive X เท่านั้น
รูปร่างหน้าตาของ ROG Phone 8 Pro / 8 Pro Edition
เริ่มจากหน้าตาของ ROG Phone 8 Series รอบนี้ด้านหน้าของเครื่องจะเป็นแบบเรียบง่ายและดูซ่อนรูป ถ้าไม่บอกว่ามันคือมถือเล่นเกม ก็คงจะคิดว่าเป็นมือถือทั่วไปเพราะตำแหน่งของลำโพงเครื่องด้านบนนั้นถูกย่อเก็บเข้าไปและมีกล้อง ซ่อนในหน้าจอ แต่ไม่ได้เป็นแบบซ่อนเมื่อเปิดหน้าจอ และยังเอาลำโพงไปเก็บด้านบนดูแล้วลงตัว
หน้าจอก็ยังคงมีขนาด 6.78 นิ้ว แบบ LTPO AMOLED แต่เปลี่ยน Panel ใหม่เป็นของ Samsung E6 AMOLED ความสว่าง 2,500 nits, LTPO Touch Sampling Rate 720Hz, Refresh Rate Max 165Hz, Adaptive 1 – 120Hz และส่วนล่างของหน้าจอจะเป็นปุ่มความคุมอย่างเดียว
รอบตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียม โดยมีช่องเสียบ USB-C ทางฝั่งซ้ายมือ เพื่อเสียบกับพัดลม AeroActive X รุ่นใหม่
ฝั่งขวาจะมีปุ่ม Air Trigger ไว้แตะสั่งงานได้คำสั่งยังคงเหมือนเดิม พร้อมกับปุ่ม Power และ ปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง วิธีการ Capture หน้าจอ กดปุ่ม Power + ลดเสียงหรือใช้ 3 นิ้วลากจากด้านบนหน้าจอลงมาล่างก็ได้เช่นกัน
ส่วนบนรอบนี้จะมีแค่ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ส่วนล่างมีช่องเสียบหูฟังอยู่ขวามือ, ช่องเสียบ USB-C อยู่ทางซ้ายมือ. ลำโพงเครื่องไว้ตรงกลาง และ ถาดใส่ซิมอยู่ข้างๆ ช่อง USB-C
พลิกมาด้านหลังเป็นที่อยู่ของกล้อง ตัวเครื่องทั้ง 2 รุ่นคือ ROG Phone 8 และ ROG Phone 8 Pro จะมีกล้องที่คล้ายกัน แต่จะต่างกันที่ผิวสัมผัสของเครื่อง
- ROG Phone 8 จะเป็นผิวแบบเงา พร้อมกับไฟ RGB มีให้เลือก 2 สี Storm Gray | Phantom Black
- ROG Phone 8 Pro จะเป็นผิวด้าน (Matte) พร้อมกับไฟ Dot Matrix (Anime Vision) จำนวนเม็ดไฟ Mini LED 341 ดวง มีแค่สีเดียวคือ Phamtom Black
ที่สำคัญคือรุ่นนี้รองรับระบบ Wireless Charging แล้วถือว่าเป็นครั้งแรกของ ROG Phone ที่สามารถชาร์จไฟไร้สายได้แต่ตำแหน่งของมันค่อนข้างสูงเหลือเกิน
น้ำหนัก / การจับถือ
ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมีน้ำหนัก 225 กรัม ถือว่าเยอะอยู่ การออกแบบที่สมดุลทั้งด้านหน้าและหลังทำให้เครื่องถือแล้วไม่ปวดมือและยังออกแบบได้สวยงามลงตัวอีกด้วยครับ ดังนั้นถ้าใครอยากได้มือถือเล่นเกมที่ถือคล่องๆ นี่เป็นอีกรุ่นที่แนะนำอยู่ครับ แถมข่าวดี รุ่นนี้รองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 แล้ว แต่ไม่ได้รองรับมาตรฐานกันตกนะ
AeroActive X
สำหรับพัดลมระบายอากาศรอบนี้จะมีขนาด 36 x 38 มิลลิเมตร มี Thermoelectic 2.6x ความเร็ว 1x ลดความร้อนได้ 36 องศา มีไฟ Aura RGB ขนาดเล็กลง 29% เบาลง 10% เหลือปุ่มกด แค่ 2 ปุ่มเท่านั้น และมี Build in Kick Stand + ช่องเสียบหูฟังและ USB-C สำหรับชาร์จไฟ ให้เฉพาะ 8 Pro Edition ที่ให้มาในกล่อง
สำหรับรุ่น ROG Phone 8 สามารถซื้อได้และไม่สามารถใช้ของเดิมมาใสได้นะครับ การทำงานคือถ้าเครื่องไม่เสียบปลั๊กเราจะเลือกความแรงได้ 3 โหมด ถ้าอยากให้แรงสุดต้องเสียบปลั๊กจะทำงานในโหมดที่เย็นสุดได้ครับ
การแสดงผลของหน้าจอ / ระบบเสียง
อย่างที่บอกไปว่าหน้าจอ ROG Phone 8 Pro จะใช้ Panel ของ Samsung E6 AMOLED นอกจากให้ความสว่าง 2,500 nits และยังมาพร้อมกับสีสันที่ตอบสนองได้ดีเลยครับ
ส่วนในเรื่องของระบบเสียงแม้ว่าตำแหน่งลำโพงจะเปลี่ยนไปแต่ยังให้คุณภาพเสียงที่ดังและมี Smart Amplifier และรอบนี้สามารถใช้งาน Hi-Res Audio ได้ทั้งสายและหูฟังด้วย มาให้ด้วยครับ และมอเตอร์สั่นใหม่เก็บรายละเอียดได้ดี แถมไมโครโฟน 3 จุดลด Noise ลงได้เยอะมากเลยด้วย
ประสิทธิภาพ / ฟีเจอร์การเล่นเกม / ระบบปฏิบัติการ
คะแนน Benchmark สูงสุด + AeroActive X
คะแนน Benchmark X-Mode ไม่มี AeroActive X
ไม่ต้องพูดถึงขุมพลังว่า Snapdragon 8 Gen 3 ตัวนี้แรงแค่ไหน เพราะได้รับการปรับจูนจาก ROG พร้อมกับระบบระบายความร้อนขั้นเทพอย่าง GameCool 8 ประกอบด้วย
- ใช้ Graphite Sheet, Baron Biron Nitride ขยายใหญ่,
- แยกแบตเตอรี่หัวท้าย และ Vapor Chamber
- ติดตั้ง Head Sink (Ripid-Cooling Conductor)
ทั้งหมดช่วยให้เครื่องลดความร้อนลงได้ 20% เลยครับ
แต่ถ้ายังไม่สุด ยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง AeroActive X ใหม่ ที่มาพร้อมกับ ขนาด 36 x 38 มิลลิเมตร มี Thermoelectic 2.6x ความเร็ว 1.1x ลดความร้อนได้ 36 องศา มีไฟ Aura RGB ขนาดเล็กลง 29% เบาลง 10% เหลือปุ่มกด แค่ 2 ปุ่มเท่านั้น และมี Build in Kick Stand + ช่องเสียบหูฟังและ USB-C สำหรับชาร์จไฟ ให้เฉพาะ 8 Pro Edition
ฟีเจอร์การเล่นเกมสำหรับรุ่นนี้ก็จะมี X-Mode ที่ต้องเปิดจาก Amony Crate คุณสามารถปรับโหมดประสิทธิภาพผ่าน X-Mode / X-Mode+ ที่นอกจากบูสต์พลังแบบแรงเหมือนสายน้ำที่ตกอย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถเร่งกับเกมในโหมด Gaming Mode, Hardcore Mode ที่ทำให้ดึงศักยภาพของเกมเข้ามาได้แบบเต็มที่ ส่วนคนทั่วไปก็จะมี Dynamic, Ultra Durable และ Advance ในหัวข้อสุดท้ายคือสามารถปรับค่าได้เองทั้งหมด
ในระหว่างเล่นเกมก็จะมี Game Genie ที่ปัดทางด้านข้างบนมุมขวาหรือซ้ายก็ได้ ช่วยให้การเล่นเกมสนุก โดยสามารถปรับได้ตั้งแต่
- การล็อคความสว่างหน้าจอ
- การแสดงผลความร้อนและการทำงาน CPU
- การปรับฟีเจอร์ทั้ง Crosshair ศูนย์เล็งที่ปรับได้หลากหลายแบบสีสัน
- ฟีเจอร์ตั้งค่าการกดทั้ง Ultrasonic Button, Motion Sensor เพิ่มเข้ามาคือ Touch Sensor หรือ การสัมผัสด้านหลัง และ ปุ่มกดที่พัดลม หรือ Cooler Button เช่นเดียวกัน
- การบันทึกหน้าจอ, ปิดการแจ้งเตือน บล็อกการโทร เป็นต้น
- X Sense 2.0 ใหม่เพิ่มฟีเจอร์ที่จะมีฟีเจอร์ในเรื่องการรองรับเกมต่างๆ เพิ่มขึ้นมาเช่น
- Auto Pickup เก็บของอัตโนมัติ
- Running Lock กดวิ่งค้างแทนมือเรา
- Fast Forward เวลาข้ามบนสนทนา
- AI Grabber ใช้ AI ให้เครื่องช่วยจับคำของเกม และใช้งานค้นหาผ่าน Browser
การเชื่อมต่อไร้สายจริงๆ แล้ว ROG Phone 8 Series รองรับ Wi-Fi 7 แล้วแต่สเปกไทยยังถูก Software ล็อคเหลือแค่ Wi-Fi 6e ตามมาตรฐานของ Wi-Fi ในเมืองไทย ที่เหลือรองรับ 5G, Bluetooth 5.3 GPS, A-GPS การจับแผนที่รวดเร็วมากพอตัว
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ROG Phone 8 Series ทั้งหมดจะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 14 ที่ไม่ได้ปรับหน้าจอหลักอะไรมากมายแต่จริงๆ แล้วในตัวเครื่องมีฝั่งระบบ AI ต่างๆ มากมายเช่น
AI Semantic Search สามารถที่จะหาได้และตั้งค่าเมนูให้มัน Match กัน รองรับการหาเกี่ยวกับ Keyboard ผ่านทาง Apps และใช้ค้นหารูปได้ (รองรับ อังกฤษ, จีน ส่วนไทยรองรับในอนาคต)
Armoury Crate
ตัวช่วยในกาปรับประสิทธิภาพของเครื่องรอบนี้สำหรับตัวเครื่อง ROG Phone 8 Series จะมีการปรับเพิ่มเติมดังนี้
- การแสดงผลหน้าจอ สามารถเลือกเต็มจอ, ปิดการแสดงผลของกล้อง, ปิดการแสดงผลด้านหลังหรือเหลือไว้กึ่งกลาง
- ปรับแต่งไฟ Dot Matrix (เฉพาะรุ่น Pro / Pro Edition) ด้านหลังที่สามารถเลือกได้ตามใจ
- กำหนดข้อความของคุณเอง
- กำหนดลายเป็นการวาด
- อัปโหลด GIF Animation
- ตั้งแสดงผลเวลา / แบตเตอรี่
- นับถอยหลังการถ่ายภาพ / ถ่ายวิดีโอ
- แสดงเมื่อมีคนโทรเข้า / มีสายไม่ได้รับ
- แสดงปริมาณแบตเตอรี่
- ถ้าเป็นรุ่นธรรมดาสามารถเลือกเปิด/ปิดไฟ RGB ทางด้านหลังได้
ฟีเจอร์ทั่วไป
- ค่าความไวของการทัชสกรีน
- ปรับประสิทธิภาพของเครื่องที่ได้เล่าไปตั้งแต่ช่วงประสิทธิภาพ
- การกำหนดความลื่นไหลของการสไลด์
- ป้องกันการกดขอบเวลาที่เราเผลอไปกดด้านข้าง
- การปรับค่า Refresh Rate หรือการกระพริบของหน้าจอ และยังมีการตั้งค่าเกี่ยวกับ การควบคุมทั้ง ท่าทาง / Ultrasonic Button / ปุ่มด้านหลังเครื่อง / ปุ่มที่ Aero Active Cooler 6 โดยทำงานร่วมกับการตั้งค่าก่อนเล่นเกมผ่าน Armoury Crate และตั้งค่าระหว่างเล่นเกมผ่าน Game Genie มีตัวอย่างการตั้งค่าดังนี้
Motion Sensor
- การขยับเครื่อง ซ้ายขวา, เคลื่อนไปข้างหน้า (Move Left / Right / Forward)
- ขยับเครื่องลงไปทางซ้ายหรือขวา (Tilt Left / Tilt Right)
- เลี้ยวซ้ายหรือขวา (Turn Left / Turn Right)
- ขยับเครื่องหรือลง (Tilt Forward / Tilt Backward)
- เขย่าเครื่องเล็กน้อย ไปทางขึ้นลง (Shake Vertically)
- สามารถเลือกว่าเราต้องการใช้กับ Option อะไรในเกม โดยสามารถสั่งงานได้ 6 ท่าทางทั้ง กดไปเฉยๆ, แตะเบาๆ, สไลด์, การกดลงไปคู่พร้อมกัน
ส่วนพัดลม AreoActive X มีการปรับปรุงในเรื่องของขนาดพัดลมใหญ่ตัว Sub-Woofer ตัดออกไป ขยายแผนใหญ่ขึ้นและตั้งค่าแสดงผลของไฟได้เช่นเคย
นอกนั้นยังมีฟีเจอร์ทั่วไปได้แก่ เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, สมุดจด, เข็มทิศ และสามารถอัดหน้าจอได้ และระบบความปลอดภัยคือสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ / ระบบสแกนใบหน้า
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
- สเปกกล้อง ROG Phone 8 Pro / Pro Edition
- กล้องหลัก IMX890 ความละเอียด 50 MP ติดตั้ง OIS แบบ 6 แกน (Hybrid Gimbal Stabilization 3.0) Lossless Zoom 2x รองรับ HDR + AI Camera เป็นการทำงานปรับรูปแบบได้ และ Close Up
- Telephoto 32 MP Optical Zoom 3x และ Max Zoom 10x (เฉพาะ ROG Phone 8 Pro)
- Ultra Wide 13 MP มุมกว้าง 120 องศา
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K 24FPS, 4K 30/60 FPS, FHD 30/60/120/240 FPS
- กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล มุมกว่า 120 องศา
ฟีเจอร์ของกล้อง
มีการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นแต่ภาพรวมก็ยังคล้ายกับ ROG Phone 7 อยู่ แต่ออกแบบให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น โดยมีการปรับแต่งให้โมหดอื่นๆ มาอยู่ในหน้าจอหลักด้านด้วย เมื่อเป็นรุ่น Pro ก็จะซูมภาพนิ่งได้เยอะขึ้นที่ 30x แต่การถ่ายภาพสนุกขึ้นและใช้งานได้คล่องมือมากขึ้น
การ ถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และ 8K / 30 FPS เลยทีเดียว พร้อมกับลูกเล่นทั้ง Timelaps, Slo-mo ได้ช้าสุดที่ HD 480 FPS และ Motion Tracking จับการเคลื่อนไหววัตถุได้ และ Pro Video ที่ทำได้เหมือนมือถือราคาแพงในระดับเดียวกัน และยังมีฟีเจอร์ตัดเสียงลม, ฟีเจอร์เลือกใช้ไมโครโฟนฯ การซูมวิดีโอที่ 10x
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก ROG Phone 8 Pro Edition
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สุดท้ายกับเรื่องแบตเตอรี่ของ ROG Phone 8 Series ให้ขนาด 5500 mAh ลดลงจากเดิมเล็กน้อย แต่ด้วยขุมพลังที่แรงจัดและสามารถประหยัดไฟได้หากจำเป็น ทำให้ ROG Phone 8 Pro Edition ที่ได้ RAM 24GB ตัวนี้ ผ่านการทดจาก PCMark ที 7:30 ชั่วโมง และใช้งานจริงเปิดหน้าจอนานสุด 5 ชั่วโมงกว่า ถ้าใช้โหดแนะนำว่าต้องชาร์จไฟระหว่างวัน
ส่วนระบบชาร์จไฟของ ROG Phone 8 Series เป็นแบบ USB-C เท่านั้นรองรับกำลังสูงสุด 65W ในแบบ Hyper Charge หรือจะใช้ที่ชาร์จกำลัง 65W ก็สามารถชาร์จไฟได้ ซึ่งที่ชาร์จยังติดตั้งให้ในกล่องอยู่ และรอบนี้ ROG Phone 8 รองรับ Wireless Charge กำลัง 15W แล้วด้วย
นอกจากนี้ ROG Phone 8 ยังมีระบบดูแลแบตเตอรี่ที่สามารถทำได้ตั้งแต่การเสียบไฟตรงโดยไม่จ่ายไฟเข้าไปในเครื่อง, เสียบชาร์จไฟไปและใช้งานไป หรือจะเป็นระบบปรับอัตโนมัติ และยังล็อคไม่ให้ชาร์จไฟเต็มได้ หากพบว่าเครื่องร้อนเกินไป หรือจะล็อคให้ชาร์จไฟแค่ 85% อย่างเดียวก็ได้
สรุปหลังจากได้ทดลองใช้ ROG Phone 8 Pro Edition สักพักหนึ่ง
กลายเป็นมือถือ Gaming ที่ดูเรียบร้อยและเน้นกล้องที่สำคัญกล้องนั้นมีระบบ Gimbal มาให้เก็บภาพได้ดี แต่ยังไม่ละจากความเป็นที่สุดของมือถือเล่นอัดทุกสิ่งมาให้แบบครบและเป็นมือถือไม่กี่รุ่นในประเทศไทยที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ที่ได้ RAM 24GB ตัวแรกๆ ขายในประเทศไทย ที่ใช้คำว่าถ้าคุณมีจุดประสงค์เพื่อจะเล่นเกมมากเกินครึ่งซื้อได้เลย
ราคาของ ROG Phone 8 Series มีดังนี้
- ROG Phone 8 12/256GB (Phantom Black/Storm Grey): 29,990 บาท
- ROG Phone 8 Pro 16/512 (Phantom Black): 37,990 บาท
- ROG Phone 8 Pro Edition 24GB/1TB (Phantom Black) with AeroActive Cooler X in box: 47,990 บาท
โปรโมชั่นผู้ให้บริการ
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G ROG Phone 8 ราคาเริ่มต้นที่ 25,690.-*, ROG Phone 8 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 33,690.-* และ ROG Phone 8 Pro Edition ราคาเริ่มต้นที่ 43,690.-* *เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
“พบกับโปรโมชันเปิดตัว ROG Phone 8 – Early Bird ซื้อก่อน คุ้มกว่า
คุ้มแรก :
ครั้งแรกกับการ Trade-in ‘เก่าแลกใหม่’ ที่สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเป็นส่วนลดได้ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก 3,000 บาท จากราคาประเมิน
เฉพาะร้านตัวแทนจำหน่ายสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
เฉพาะวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2567
คุ้มที่สอง :
ซื้อตอนนี้ รับเลย
1) DevilCase for ROG Phone 8 มูลค่า 1,490 บาท
2) Glass Screen Protector for ROG Phone 8 มูลค่า 590 บาท
ของแถมจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย
คุ้มที่สาม :
สแกน QR Code เพื่อลงทะเบียน รับกระเป๋า ROG Slash Sling Bag 2.0 มูลค่า 1,990 บาท
สำหรับเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรุ่น ROG Phone 8 (12/256) ทั้งสีเทา/สีดำ และ ROG Phone 8 Pro (16/512)
โดยโปรโมชันนี้เฉพาะวันที่ 1 – 18 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น”
จุดเด่น
- ดีไซน์เป็นมิตรมากขึ้น
- แรงกว่าเดิม
- ได้ Android 14 จากกล้อง
- กล้องดีขึ้น โดยเฉพาะมี Telephoto
- ไมโครโฟนเก่งรอบด้าน
- ฟีเจอร์เอาใจสายเกมโดยแท้
ข้อสังเกต
- พัดลมถูกสงวนให้แค่ตัวท็อปสุด
- ความร้อนก็ยังสูงในเวลาเล่นเกมนานๆ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.