พาชมเครื่องจริง OPPO Reno 11 Series และ Reno 11F 5G มือถือที่ถ่ายคนสวยสุดๆ ในงบเอื้อมถึง

เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ OPPO Reno 11 Series มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของ OPPO ที่ในที่สุดก็ทำขายในระดับโลกซึ่งในประเทศไทยและหลายประเทศเลือกที่จะเปิดตัวพร้อมกันในวันที่ 23 มกราคม ก่อนจะส่งมอบในช่วงปลายเดือนนี้สำหรับ OPPO Reno 11 และ Reno 11 Pro 5G ขอบอกว่ารอบนี้อ่านให้ครบเพราะมีเซอร์ไพรส์ที่แทรกอยู่มาดูกันครับ

แรกเห็นรูปลักษณ์ดีไซน์

oppo reno 11 pro 5g

ดีไซน์ของ Reno 11 Series จะมาพร้อมกับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติโดยเฉพาะท้องทะเล กับหน้าจอมีขนาด 6.7 นิ้ว AMOLED พร้อมกับ Refresh Rate 120Hz และยังมาพร้อมกับความละเอียด FHD+ และขอบหน้าจอโค้งทั้งหมด 4 มุมด้วยกัน

OPPO Reno 11 Pro 5G
OPPO Reno 11 Pro 5G

ตัวเครื่องบางเฉียบและยังมาพร้อมกับความบางระดับไม่ถึง 8 มิลลิเมตร โดยปุ่มกดที่อยู่ทางขวามือเท่านั้น ส่วนบนจะมาพร้อมกับ IR Blaster, ไมโครโฟน ด้านล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด, USB-C, ลำโพงตัวเครื่อง

OPPO Reno 11 5G

พลิกด้านหลังจะมาพร้อมกับสีสันให้เลือกทั้งที่ครบเครื่องอยู่เพราะตัวหลัก 50 MP, มุมกว้าง 12 MP, Telephoto 32 MP  ที่เก็บรายละเอียดได้ดี และสีสันของเครื่องนั้นมีความโดดเด่นแบ่งออกเป็น แต่รุ่น Pro ได้เซ็นเซอร์ IMX890 ที่ดีกว่า แต่ว่า Reno 11 5G จะได้ LYT 600 ตัใหม่จาก Sony

สีสัน OPPO Reno 11 5G

• สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ (Wave Green) และสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey)

สีสัน OPPO Reno 11 Pro 5G

• สีขาวไข่มุกจุกทรัพย์ (Pearl White) และสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey) 

OPPO Reno 11F 5G

สำหรับ OPPO Reno 11 F 5G พร้อมกับดีไซน์ของเครื่องที่โดดเด่น 6.7 นิ้ว AMOLED ความละเอียด FHD+ และ Refresh Rate 120Hz เกรดต่างๆ ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นบนแต่ขอบจะเหลี่ยมแบบชัดเจน และยังมา สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นคือกันน้ำแบบ IP65 และมีกล้องหลักติดตั้งตรงกลางพร้อมกับสีสันให้เลือกมากกว่าถึง 3 สี

• สีฟ้าน้ำทะเลโดนเปย์ไม่อั้น (Ocean Blue) ที่มาในลวดลายคลื่นน้ำทะเลสีฟ้าใสทอประกายระยิบระยับยามต้องกับแสงพระอาทิตย์ โดดเด่นทุกมุมมอง
• พร้อมตัวเลือกสีม่วงฉ่ำนำเทรนด์ (Purple Coral)
• สีเขียวดำนำโชค (Palm Green) 

ส่วนกล้องนั้นจะไม่มี Telephoto ในรุ่นนี้แต่มี Macro 2MP มาให้ที่เหลือการซูมใช้วิธี Crop Sensor เอาครับ

ความโดดเด่นของ OPPO Reno 11 Series 5G

OPPO Reno 11 Series ที่จะมาพร้อมกับ Color OS 14 ที่ทำงานได้ลื่นและมีลูกเล่นต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ใครอยากทดลองสามารถ กดอัปเดตได้เร็วๆ นี้

ด้านสเปกของเครื่อง OPPO Reno 11 Series จะมาพร้อมกับขุมพลัง Dimensity 7050 พร้อมกับ RAM 8GB / ความจำ 256GB ในรุ่น Reno 11 5G และ 11 F 5G แต่รุ่น Reno 11 Pro 5G จะได้ Dimensity 8200 มาพร้อมกับ RAM 12GB รวมได้สูงสุด 24GB และความจำ 512GB และในรุ่น Reno 11 5G และ Reno 11 Pro 5G มีการออกแบบอากาศใหม่ที่ช่วยให้จับสัญญาณดีขึ้น ที่มีชื่อว่า LinksBoost นั่นเอง

และทั้ง 3 รุ่นมีเทคโนโลยี Clear Voice ที่ช่วยทำให้เวลาคุยสายนั้นชัดเจนมากขึ้น

OPPO Reno 11 Series 5G และ Reno 11F 5G จะมีเทคโนโลยีในเรื่องกล้องมากมายทำให้การถ่ายภาพที่โดดเด่นเช่น

• กล้องหลักเซ็นเซอร์ขนาด 50MP (Reno11 F 5G จะเป็น 64 MP)
• กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
• กล้อง Telephoto 32MP ให้ระยะ Optical 2x และยังสามารถละลายหลัง (Portrait Mode)
• ตัวเครื่องจะมีระบบ การปรับแต่ง Portrait Mode จริงๆ ช่วยแก้บุคคลลบริ้วรอยอัตโนมัติ

(ภาพตัวอย่างเบื้องต้น สามารถดูได้จาก Gallery ด้านล่างได้)

แม้ว่าแบตเตอรี่จะมีขนาดเท่ากันหมดที่ 5000  mAh แต่ว่าระบบชาร์จไฟรุ่นนี้มาพร้อมกับกำลัง 67W ในรุ่น Reno 11F 5G และ Reno 11 5G และ 80W ในรุ่น Reno 11 Pro 5G

ราคาของ OPPO Reno 11 Series

• OPPO Reno 11F 5G = 11,999 บาท >> วางจำหน่าย 13 กุมภาพันธ์ นี้
• OPPO Reno 11 5G = 14,999 บาท 
• OPPO Reno 11 Pro 5G = 19,999 บาท 
• ซื้อกับผู้ให้บริการลดสูงสุด 7,100 บาท
• ของแถมมูลค่าเกือบ 13,000 บาท เฉพาะคน Pre-Order

รุ่นไหนเหมาะกับใคร

• OPPO Reno 11F 5G จะเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มค่าเพราะมือถือรุ่นนี้มีราคาไม่แรงและได้สเปกที่ดีกันน้ำและยังให้เสียงที่ดังดี
• OPPO Reno 11 5G จะเหมาะกับคนที่เรื่องเนื่องคุณภาพของกล้องที่มีประสิทธิภาพ และเน้นความจำเยอะระดับหนึ่ง จะทำให้น่าเลือกอยู่
• OPPO Reno 11 Pro 5G จะเหมาะกับคนต้องการความสมบูรณ์แบบกับมือถืองบไม่เกิน 2 หมื่นเพราะสเปกมาแบบครบเครื่อง