โนเกีย จัดแสดงเครือข่ายศักยภาพสูงที่งาน ‘Amplify Thailand’ เร่งขยายขีดความสามารถหนุนประเทศไทย

โนเกีย จัดแสดงไฮไลต์เทคโนโลยีพร้อมกลยุทธ์ของบริษัทภายหลังปรับภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจระยะยาวของบริษัทเพื่อขับเคลื่อนและเร่งการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่งาน ‘Amplify Thailand’ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ วันนี้  โดยกลยุทธ์ล่าสุดนี้จะช่วยผลักดันให้โนเกียขึ้นสู่แถวหน้าด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีเครือข่ายทั่วประเทศ  ในขณะเดียวกันนำเสนอโซลูชันเครือข่ายรุ่นใหม่ และนวัตกรรมเทคโนโลยีสำหรับ B2B ที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการเครือข่าย (CSP) สามารถสนับสนุนให้ประเทศไทยปลดล็อกศักยภาพด้านดิจิทัลและสร้างโอกาสด้านดิจิทัลไลเซชั่นได้เต็มศักยภาพยิ่งขึ้น

ภายในงาน นายอาร์เจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา ได้เผยให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวและกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีล่าสุดของบริษัท รวมถึงข้อมูลการดำเนินกิจการในปัจจุบันของโนเกีย (ประเทศไทย)  ต่อด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจจากนายเทเรนซ์ แมคเคบ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท โนเกีย ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น ที่มาเผยถึงภาพรวมเกี่ยวกับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี รวมทั้งนวัตกรรมและโซลูชันทางเทคโนโลยีล่าสุดของโนเกีย

นอกจากนี้ได้เผยถึงบทบาทของบริษัทในการผลักดันด้านดิจิทัลไลเซชั่นในประเทศไทย และหนทางที่จะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มลูกค้าของโนเกียสามารถเปลี่ยนผ่านและเตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู่โลกดิจิทัลที่สมจริง เชื่อมต่อถึงกัน และไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถทำให้สำเร็จได้ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันล่าสุดจากโนเกีย ที่จะพลิกโฉมอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทยสู่ความเป็นดิจิทัล ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมเหล่านั้นสามารถเพิ่มขีดความสามารถด้านผลิตภาพที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นดังกล่าว โนเกีย ได้จัดซีรีย์งานแสดงผลงานทางเทคโนโลยีขึ้นมากมายเพื่อเผยให้เห็นสุดยอดนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีทั้งหมดสำหรับองค์กรธุรกิจ รวมทั้งเครือข่ายเคลื่อนที่ เครือข่ายคลาวด์ และเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยมีไฮไลต์สำคัญที่คัดสรรมาเป็นพิเศษกับผลงานที่โนเกียได้นำไปจัดแสดงในงานระดับโลกอย่าง Mobile World Congress 2023 ที่ผ่านมา สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าโนเกียมีจุดยืนที่ชัดเจนกับการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมในประเทศไทย และผลักดันความก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจสังคมโดยการช่วยสนับสนุนผู้ให้บริการเครือข่ายและองค์กรในประเทศไทยตลอดเส้นทางของ 5G และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

นวัตกรรมที่นำมาจัดแสดงในงาน ประกอบด้วย

  • MX Industrial Edge
    • Nokia MX Industrial Edge คือ โซลูชัน Edge สำหรับองค์กรที่พร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งสามารถเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของเทคโนโลยีด้านปฏิบัติการ (OT) ที่เป็นการผสานความรวดเร็วเข้ากับความง่ายในการใช้งานของโมเดล edge-as-a-service เข้ากับสถาปัตยกรรมเอดจ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ยืดหยุ่น และปลอดภัย โซลูชันนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในภารกิจที่สำคัญสำหรับสภาพแวดล้อมทางอุตสาหกรรมที่เน้นความสำคัญในสินทรัพย์
    • Nokia MX Industrial Edge ที่เอื้อต่อกรณีการใช้งานด้านธุรกิจที่สำคัญสำหรับองค์กร เช่น การติดตามแบบเรียลไทม์ของสัญญาณวิดีโอและการแจ้งเตือน รวมทั้งโซลูชันการวิเคราะห์วิดีโอขั้นสูงสำหรับการใช้งานในภารกิจสำคัญ อาทิ การรับรองคุณภาพและความปลอดภัย
  • NetGuard Cybersecurity Dome
    • NetGuard Cybersecurity Dome คือ โซลูชันด้านความปลอดภัยระบบ Orchestration ระดับรางวัล ที่มาพร้อมกับกรณีใช้งาน 5G ที่ติดตั้งล่วงหน้าสำหรับการรับรองความปลอดภัยเครือข่าย ทีมดูแลด้านความปลอดภัยผ่านระบบ Orchestration สามารถเลือกกรณีใช้งาน 5G ได้จากแคตตาล็อกแบบครบวงจร (Comprehensive catalogue) ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งหมด ตั้งแต่สถานีฐาน (RAN) จนถึงโครงข่ายขนส่ง (Transport) และโครงข่ายหลัก (Core)
    • บริการเหล่านี้อยู่บนพื้นฐานความสามารถของระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบตรวจหาและตรวจสอบแบบขยาย หรือ XDR (Extended Detection and Response) ที่เก็บข้อมูล รวบรวม วิเคราะห์ และเทียบเคียงความสัมพันธ์ของข้อมูลความปลอดภัยจากแหล่งข้อมูลจากหลากหลายที่มา และทำให้สมบูรณ์ขึ้นด้วยบริบทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่จะช่วยให้ทีมฝ่ายปฏิบัติการด้านความปลอดภัยเข้าถึงความเสี่ยงทางธุรกิจ ปรับปรุงพัฒนาการตัดสินใจ รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น
  • กลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันเครือข่ายออปติคอล (Nokia Optical Product Solutions Portfolio)
    • ผลิตภัณฑ์และโซลูชันเครือข่ายออปติคอลของโนเกีย ช่วยให้สามารถใช้งานเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไม่จำกัด เพื่อเปิดใช้งานการเชื่อมต่อพื้นฐานสำหรับการสื่อสารแบบเครือข่าย โซลูชันของโนเกียที่เพิ่มความสามารถของเครือข่ายนับจากเครือข่ายเอดจ์ (Edge) และข้ามไปถึงระบบการเชื่อมต่อสัญญาณข้อมูลแบบระยะไกล/ แกนหลัก (long-haul/core) และใต้ทะเล ไปพร้อมกับการลดความซับซ้อนในการทำงานของเครือข่ายให้มีความฉลาดและเป็นอัตโนมัติยิ่งขึ้น เพื่อส่งมอบบริการที่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและลดค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าของเครือข่าย (TCO)
    • โซลูชันเครือข่ายอัตโนมัติ (Network Automation) ของโนเกียจะช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการ Webscale และองค์กรขนาดใหญ่สามารถเพิ่มผลประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโนเกียที่ขับเคลื่อนผ่านการพัฒนาชิปเซ็ตขึ้นเอง
    • ชิปเซ็ต ReefShark ของโนเกีย มาเพื่อเสริมพอร์ตเครือข่าย 5G แบบครบวงจรให้โนเกีย เป็นการเพิ่มความชาญฉลาดและประสิทธิภาพให้กับเสาอากาศ MIMO ขนาดใหญ่ และโมดูลระบบ AirScale สำหรับชิปเซ็ตที่โนเกียได้พัฒนาขึ้นและนำไปต่อยอดเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่เพิ่มขึ้นนี้มาพร้อมกับซิลิคอนดีไซน์ เช่นเดียวกับความชำนาญของบริษัทในการพัฒนาเสาอากาศสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่และนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์จาก Nokia Bell Labs ที่ทำให้โซลูชันที่มีสมรรถนะสูงและประสิทธิภาพสูงเกิดขึ้นจริงได้
    • แพลตฟอร์มที่เปิดใช้งานชิป PSE-6s ของโนเกีย ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเครือข่ายมั่นใจในเครือข่ายการส่งข้อมูลออปติคอลว่าสามารถปรับขนาดสัญญาณให้สอดคล้องกับความต้องการความจุที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ เพื่อส่งมอบบริการคลื่นความถี่แบบไฮสปีดสูงด้วยประสิทธิภาพที่รวมถึง400GE และ 800GE ขณะเดียวกันยังช่วยลดการใช้พลังงานในเครือข่ายลงอีกด้วย
    • ชิปเซ็ต Quillion รองรับโมดูล GPON, XGS-PON, NG-PON2 และ Multi-PON (เช่น GPON+XGS-PON) ของโนเกีย มาพร้อมความหนาแน่นของพอร์ตในระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม และความสามารถในการไม่ปิดกั้นแบบเต็มขั้น และยังประหยัดพลังงานได้ถึง 50% ช่วยเพิ่มคุณสมบัติทางการแข่งขัน รวมถึงการนำเสนอนวัตกรรมและสิ่งที่แตกต่างในเวลาที่เหมาะสม โนเกียได้ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถในการออกแบบ ASIC การประมวลผลเครือข่ายประสิทธิภาพสูงที่เป็นที่ยอมรับ และพัฒนาชิปเซ็ต Quillion ขึ้นมา
    • ซิลิคอนประมวลผลเครือข่าย FP5 ของโนเกีย กับคุณสมบัติที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดของเครือข่าย IP อันทรงประสิทธิภาพ ที่ยังมาพร้อมคุณสมบัติใหม่ที่ช่วยปกป้องการรับส่งข้อมูลบนเครือข่ายจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยอีกด้วย ชิปเซ็ต FP5 คือ ซิลิคอนรูตติ้งที่มาพร้อมการเข้ารหัสแบบ Integrated Line Rate Encryption สำหรับบริการเครือข่ายแบบ L2, L2.5 และ L3 ที่ความเร็วสูงสุดได้ถึง6 Tb/s โดยชิปเซ็ต FP5 ได้สร้างนิยามใหม่ด้านความยั่งยืนให้กับการวางเส้นทางเครือข่าย IP โดยช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้ถึง 75% เมื่อเทียบกับชิปเซ็ตรุ่นก่อน
  • ชาร์จพลังเครือข่ายแบบซูเปอร์ผ่าน NPO
    • ระบบการวางแผนและเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย (Network Planning and Optimization (NPO)) ที่ดีที่สุดในพอร์ตดิจิทัลของโนเกีย ซึ่งช่วยในการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับธุรกิจเครือข่ายเคลื่อนที่ โดยระบบนี้จะช่วยเสริมประสิทธิภาพให้กับลูกค้าในแง่ของการส่งมอบพอร์ตฟอลิโอ เครื่องมือ และกระบวนการที่เป็นนวัตกรรมใหม่
    • พอร์ตฟอลิโอ Automation and Digitalization ของโนเกียที่กำหนดประสิทธิภาพเครือข่ายไว้ที่จุดศูนย์กลาง ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยผลักดันวิวัฒนาการพอร์ตฟอลิโอให้รองรับกับเทคโนโลยีใหม่สำหรับการแยกข้อมูลของโครงข่ายสถานีฐาน (RAN disaggregation) ด้วย O-RAN และ vRAN นำมาซึ่งความยั่งยืนเชิงสภาพแวดล้อมผ่านการออกแบบของเครือข่ายเคลื่อนที่และการส่งมอบบริการ NPO

นายอาร์เจย์ ชาร์มา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทยและกัมพูชา กล่าวว่า “เรายังคงยึดมั่นในการสนับสนุนประเทศไทยให้เดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเทคโนโลยีของเราสามารถช่วยในการผลักดันการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลในทุกภาคอุตสาหกรรม เราเชื่อว่าอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากผลิตภาพที่เพิ่มขึ้น โซลูชันเพื่อความยั่งยืนที่ได้รับการส่งเสริม และการเข้าถึงที่มากขึ้นผ่านการบริหารจัดการโซลูชันดิจิทัล โนเกียได้ทุ่มเทอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การสนับสนุนแก่คู่ค้าและลูกค้าของเราตลอดเส้นทางนี้ และเราหวังที่จะได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาประเทศได้อย่างต่อเนื่องต่อไป”

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.