คุยกับ Topeople ฝาแฝดผู้ถูกมองเป็นหลุมดำของวงการ และ “ยืนหยัด” จะไม่เล่นเพลงคนอื่น

ท่ามกลางศิลปินร็อคเดี่ยว และวง 2 ฝาแฝด นิค ชยากร และ แนต-ชยนันต์ สิริสมพร ที่ทำผลงานในนาม Topeople เป็นวงอินดี้ที่มาพร้อมภาพลักษณ์ที่แตกต่าง ทั้งความเป็นดูโอ้ ไปจนถึงการทำเพลงที่ไร้กรอบดนตรี และเอ็มวีที่มีมู้ดโทนเป็นเอกลักษณ์และไม่ค่อยเผยหน้าพวกเขา จนกระทั่งถึงเพลง "อดใจไม่ได้" ที่เป็นครั้งแรกที่มีกับเอ็มวีสีกว่างานก่อนและเผยภาพพวกเขามากกว่างานอื่น แต่ก็ยังคงคอนเทนต์ความเจ็บอยู่

และในโอกาสที่ Sanook Music ได้พบกับ Topeople เราก็พบว่าสิ่งที่แสดงออกมาผ่านผลงาน อาร์ตเวิร์คต่างๆ มันมีจุดเริ่มต้นมาจากชีวิตและแนวคิดที่เรียกได้ว่าหาได้ยากในวงการเพลงนี้ จนเราอยากบอกเล่าเรื่องราวของทั้งสอง 

Topeople

Topeople มีจุดเริ่มต้นอย่างไร อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราอยากทำผลงานด้วยกัน

Topeople : 3-4 ปีที่แล้ว ก็อยากเขียนเพลง อยากเล่าเรื่องก็เริ่มทำ ตอนแรกเราไม่ได้ทำทางเพลง ทำเบื้องหลัง กำกับ ตัดต่อ ก็รู้สึกความฝันมันไกลจากเราไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รีบคว้าความฝันตอนนี้ มันจะเหลือเวลาพิสูจน์ตัวเองน้อย อยากทำเร็วๆ เพราะอยากพิสูจน์ตัวเองครับ คือเราออกจาก โรงเรียนตอน ม.5 ก็ไม่อยากใช้เงินที่บ้าน ก็มีสองอย่างที่ทำได้ คือเบื้องหลังและเพลง ก็อย่างเรื่องเพลงนี่เราจะหาเงินก็ต้องไปเล่นร้าน ก็จะวนกลับมาที่เราไม่อยากเล่นเพลงคนอื่น เลยเลือกงานโปรดักชั่นให้เราได้งาน เป็นงานประจำหลักกับงานอดิเรก หาเงินมาทำเพลง ก็ฝึกงานโปรดักชั่น ตัดต่อ เก็บคอนเน็คชั่นเป็นโปรดักชั่นเฮ้าส์เล็กๆ แค่นั้นเลยครับ ก็ได้งานมาเรื่อยๆ มาสักพัก 3 ปีครับ ตอนนี้ก็ 22 พวกผมเริ่มจากอายุ 17 ตัดซีรีส์ เข้ากองโฆษณา 

นิค Topeople : เรามีความฝันว่าอยู่บนเวที แล้วมีบุคคลเยอะๆ ดูเรา และพูดในสิ่งที่อยากพูด คือตั้งแต่ประถมแล้ว ไม่ต้องเป็นนักร้องก็ได้ แต่ต้องอยู่บนนั้น เป็นความฝันเลย คนที่ทำให้เล่นดนตรีคือไม่มี คือไอดอลของเรา คือเราที่ประสบความสำเร็จ เรามองภาพนั้นเป็นตัวเอง ปัจจุบันก็ทำไปให้ถึงภาพนั้นครับ 

นิยามแนวดนตรีของเราในรูปแบบไหน

Topeople : จริงๆ พวกผมว่า Topeople มันคือบรรยากาศมากกว่า มันคือแอมเบียนต์ อารมณ์ มันไม่มีแนวชัดเจน เราแค่เราเขียนเพลงแบบนี้ ดนตรีซัพพอร์ต เนื้อแบบนี้ดนตรีซัพพอร์ต ไม่ได้เป็นแนวว่าคืออะไร เหมือนเราไม่เคยนิยามตัวเองว่าทำร็อคแบบนี้ แต่เราเขียนเนื้อและทำดนตรีอย่างไรให้ซัพพอร์ตครับ

การเป็นฝาแฝดที่ทำงานด้วยกันมีความสนุกและปวดหัวในมุมไหน

Topeople : จริงๆ ถ้าความจริงคือต่อยกันเลย คือเร็วที่สุดในการกลับมาทำงานร่วมกัน คือเราไม่ใช่คนโกรธลึกๆ มีอะไรเราจะใส่กันเลย ซึ่งทั้งหมดเราจะไม่นั่งไม่พูดกันเป็นรายวัน เราจะไม่นั่งแบบนั้นเป็นเดือนๆ แต่เราจะจบในวันนั้นครับ และจะกลับมาทำงานเหมือนเดิมครับ

Topeople

มาอยู่ genie records ได้อย่างไร 

นิค Topeople : เราทำเพลงไปเรื่อยๆ ลงสตรีมมิ่ง วันนั้นก็นั่งร้านกาแฟอยู่กับแนต และค่ายติดต่อมาก็ถามว่าสนใจเข้า genie records ไหม ก็คุยกันต่างๆ นาๆ ก็ลงตัวก็เข้ามาครับ คือเท่าที่ผมจำได้เหมือนเขาหาวงหน้าใหม่เป็นอินดี้และเห็นเราใน YouTube เหมือนหลุมดำในวงการ คือไม่เหมือนใคร ขาวดำ ทำเพลงไม่เหมือนใคร และก่อนหน้านี้คือไม่เห็นหน้าเลย เป็นซิลูเอท (ภาพเงาโครงร่าง) และผมปิดหน้า ไม่ได้ทำเพลงเห็นหน้าตัวเอง ทำเอ็มวีก็แทบไม่มีใครเห็นตาเรา  

ประสบการณ์ในค่ายเป็นอย่างไร 

Topeople : สิ่งที่แตกต่างคือมีมุมมองใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนอินดี้ พอเป็นค่ายที่ไม่มีวงอินดี้ ก็รวมความอินดี้และแมสครับ เรามาจากอินดี้มากๆ ก็ไม่มีเพื่อน อยู่ของเรา 2 คน ในค่ายก็ไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ก็มี Bomb at Track ที่เป็นเพื่อนกินเหล้าครับ มีเพื่อนวงเดียวที่ซี้กัน เขารั้น เราก็รั้นครับ ตอนแรกทำงานกับพี่ๆ แต่ตอนนี้ไม่เข้ามาดู การทำงานค่อนข้างฟรี การทำงานก็ค่อนข้างดี เหมือนเขาเอาอินดี้เข้าก็ต้องเชื่อใจ ความอินดี้คือเขาอาจไม่เห็นภาพมาก ก็แชร์กันมากกว่า คำแนะนำของเขาบางส่วนมันก็ดีมากๆ ครับ 

 

เพลง “อดใจไม่ได้” มีที่มาอย่างไร 

Topeople : เราไม่ได้เขียนเพลงมานาน และเจอเรื่องอดใจไม่ได้หลายๆ เรื่อง เลยมาเขียนเป็นความสัมพันธ์ง่ายๆ อดใจไม่ได้ที่จะชอบเพื่อนสนิท มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น ให้มันย่อยง่ายที่สุด แบบตอนกลับไปใช้ชีวิตว่าคำนี้อยู่ในหัว เลยเอามาเขียนเพลง ทั้งๆ ที่ไม่เขียนมานาน ก่อนหน้านี้ Topeople เป็นการเล่าว่าเรารู้อะไรในปัจจุบัน แต่ไม่ได้เรื่องไหน เราจะบอกว่าเราเศร้าฟูมฟาย แต่ไม่บอกเรื่องอะไร เพลงนี้จะบอกเป็นสถานการณ์มากขึ้น สโคปมากขึ้นว่าเป็นความอดใจไม่ไหวในเฟรนด์โซน 

การทำงานพาร์ทดนตรีมีความแตกต่างในจุดไหนบ้าง

Topeople : เหมือนเดิมครับ เหมือนเนื้อเพลงอย่างไร ดนตรีก็เป็นแบบนั้น แบบ “อดใจไม่ไหว” ดนตรีก็จะเป็นแบบนั้น แบบเนื้อหา Aggressive ดนตรีมีความหนักแน่นเป็นเพลงเร็ว มันต่างจากแต่ก่อนไหม ก็ต่างเพราะค่อนข้างที่ลงเป็นเพลงช้าส่วนใหญ่ แต่จริงๆ เดโม่เพลงเร็วเก็บไว้มีเยอะเลย คือเรามองไม่ต่างจากแต่ก่อนเท่าไหร่เพราะเราเห็นของเราทั้งหมด ผมมองว่ามันไม่ต่าง เพราะมีชุดเพลงเร็วแบบนี้เพียบเลย  คือเราไม่ได้มองตัวเองเป็นแนวดนตรีเลย Topeople มันคือบรรยากาศของมันอยู่ดี

Topeople

แล้วการทำงานเพลงนี้ ทำไมถึงเลือกแนะนำลุคใหม่ 

Topeople : จริงๆ มาจากค่ายที่หลอมเรามา เราควรเปิดหน้าบ้าง ว่าหน้าตาเราเป็นอย่างไร คือเราไม่ติดนะเรื่องการเปิดหน้าไม่เปิดหน้า แต่เราแค่อยากสื่อสารด้วยเพลง คือผมยาวเพราะไม่ได้ตัดเลยปิดหน้าปิดตา คือการแต่งตัวในเอ็มวีมันปกติที่ออกไปโชว์ เราเลยทำให้มาอยู่ในเอ็มวีเพราะค่ายเองก็ชินแบบนั้น แต่ผู้กำกับก็มองว่าในเอ็มวีเป็นแบบนี้ก็ได้ครับ 

พอทดลองสิ่งใหม่และการตอบรับเป็นอย่างไร

Topeople : มีคนพูดนะครับว่าเสียงไม่เข้ากับร้อง ดนตรีอะไรอย่างงี้ เราก็เห็นมาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อะไร เพราะมันเหมือนไม่ใช่ ไม่โดน มันก็ไม่ถูกต้องกับคนฟัง แต่เมื่อไหร่ที่มันใช่มันก็จะถูกต้องเอง ผมกู็รู้สึกว่าก็แบบรอกูพิสูจน์ตัวเอง ก็จะไม่มีข้อว่าทำไมเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราไม่ได้ทำเพลงให้คนฟังอย่างเดียว แต่เราทำเพลงให้ตัวเองด้วย สุดท้ายแล้วกระแสดีมาก หรือไม่ดี ผมจะอยู่กลางๆ เพราะผมรู้สึกดีมากๆ ในวันที่มันออกมาแล้ว ผมจะไม่ทำเพลงที่ผมจะมานั่งผิดหวัง ใครจะชอบไม่ชอบก็เรื่องของเขา เพราะพวกผมชอบมันมาก 

Topeople

ตอนนี้วงได้ออกไปเล่นเยอะมากๆ ประสบการณ์เป็นอย่างไร อย่าง genie YOUNG PLAY เราวางรูปแบบโชว์ไว้อย่างไร แล้วได้อะไรจากโชว์

Topeople : จริงๆ งานนั้นพวกผมไม่ได้รู้สึกดี มันเป็นบาดแผลกับผมมากกว่า ก็พูดตรงๆ เพราะตอนนั้นเราเป็นวงอินดี้ที่ประสบการณ์น้อย พอมา genie records มันเตรียมตัวน้อย แต่มันก็เป็นบาดแผลให้เราเติบโตที่ดีสำหรับผม คือมันต่างหลายอย่าง พวกเพลงต่างๆ ที่ขึ้นกับที่ผมเล่น คือส่งให้ช้า บางทีก็ขึ้นชื่อเพลงผิดก็เป็นความผิดพวกผมเอง อาจจะไม่ได้สมบูรณ์ แต่งานนั้นรู้สึกดีว่ามีคนดูเยอะขนาดไหน คือเราไม่คิดว่าจะเยอะมาก แต่มันเยอะเกินความคาดหวัง แล้วมันก็ทำให้เราเจอคนใหม่ๆ คนรู้จักเรามากขึ้นจากงานนี้ รู้สึกดีและอยากให้มันดีขึ้นในอนาคต ส่วนสคูลทัวร์มันก็สนุก เพราะพวกผมไม่คิดจะเล่นคัฟเวอร์เลย ด้วยความเป็นวง เหมือนทำวงมาเป็นอีโก้บางอย่าง ว่าจะไม่เล่นคัฟเวอร์ คือการเล่นคัฟเวอร์มันเหมือนให้คนมาสนุกและกระโดดกับเราร้องตามได้ แต่เรามองว่าไม่เล่นเพลงคัฟเวอร์เพราะทุกครั้งที่เราออกไปเล่น และคนกระโดดแต่ไม่ใช่กับเพลงเรา เราก็มองว่ามันสร้างอะไรให้เราได้บ้าง คำตอบคือไม่ คนสนุกกับเพลงที่ไม่ใช่เพลงเรา เราจะรู้สึกดีไหม ก็ไม่ แต่ภาพที่ออกมากระโดดสนุกกันมาก แต่เป็นเพลงของคนอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่เราพูดและทำให้เขาเอนจอยกับเราได้ มันสนุกอยู่ดีที่เราเล่นเพลงของเรา คือคนจะจอยหรือไม่จอยก็ไม่ได้แย่อะไร เพราะรู้สึกว่าคนดูรู้จักเราในแบบที่เราเป็นเราจริงๆ ไม่ได้ขอให้มาดูเรา แต่มาเสนอว่า “กู Topeople นะ” แต่ก็มีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เราทัวร์น้อยกับค่ายเพราะเราไม่ยอมเล่นเพลงคัฟเวอร์ แฟนเพลงบางทีก็แบบวงอะไร ล่าสุดไปเล่นก็ไม่มีใครสนใจผมเลย แต่ผมไม่คาดหวังให้เขามาสนใจผม แต่ถ้ามันมีสักคนที่เคารพเราที่ไม่เล่นคัฟเวอร์ และเป็นตัวเอง และโพสต์สเตตัส คือถ้าสิ่งที่ผมสื่อสารออกไปแม้มีคนเดียวที่เห็น ผมก็รู้สึกดีมากๆ อย่างน้อยก็มีคนเห็น แม้กี่คนไม่เก็ทก็ตาม ผมว่าสักวันจะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ครับ 

เราวางเป้าหมายระยะต่อไปไว้แบบไหน

Topeople : เป้าหมายสูงสุดคือการมีคอนเสิร์ตใหญ่เปิดอัลบั้มของเรา เพราะเรามีเพลงเก็บเยอะที่อยากนำเสนอ ก็มองสั้นๆ ใน 1-2 ปีหน้า อยากให้คนรู้จัก Topeople ที่เป็น Topeople จริงๆ ตอนที่เราออก EP มามันก็พาร์ทหนึ่งของเรา หมายถึงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แต่อัลบั้มจะเป็นตัวตนทั้งหมดในปัจจุบัน อยากให้คนได้เห็น เป็นเป้าหมายสั้นๆ ที่อยากไป 

Topeople

อยากให้คนจำ Topeople ในรูปแบบไหน 

Topeople : ผมไม่อยากยัดเยียดอะไรยังไง มันขึ้นอยู่กับคุณมากกว่าว่าจะจำอย่างไร ผมและนิคว่าแล้วแต่จะจำยังไง ผมว่า Topeople คือคนพูดจริง จริงใจ และไม่อยากยัดอะไรให้คน แบบเราไม่อยากบอกอะไรตรงๆ แบบอยากให้คนมีพื้นที่ว่ารู้สึกอย่างไร ไม่อยากยัดเยียดอะไรครับ 

Photo : Ditsapong K.

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.