"Black Tie" เพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกของ “เจฟ ซาเตอร์” แรงบันดาลใจจากดีไซน์เนอร์ระดับโลก
เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ศิลปินผู้ที่มีความสามารถครบเครื่อง จนได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างความบันเทิง (Entertainer) รุ่นใหม่แถวหน้า ปล่อยงานเพลงที่ทั้งไพเราะและเต็มไปด้วยคุณภาพ สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการเพลงบ้านเรามาอย่างต่อเนื่องอย่างเพลงที่ฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง “ลืมไปแล้วว่าลืมยังไง (Fade)” และตามมาติดๆ กับเพลงเร็ว “Dum Dum (ดึม ดึม)” ที่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีเพราะความเท่ห์แบบอินเตอร์ในสไตล์ของเจฟ ซาเตอร์ และเพลงช้าล่าสุด “ก่อนที่เธอจะลืมฝัน (Lucid)” กับ เวย์เฟอร์ เรคอร์ดส์ (Wayfer Records) สังกัดเพลงในการดูแลของ วอร์นเนอร์ มิวสิค ประเทศไทย (Warner Music Thailand) ที่เปิดโอกาสให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่
ความสำเร็จที่เจฟ ซาเตอร์ ได้รับจากซิงเกิลเหล่านี้ นอกจากทำให้ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงชาวไทยแล้ว คนฟังในต่างประเทศก็ให้ความชื่นชอบและชื่นชม จนเขาได้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันของรายการเรียลิตี้สุดฮิตในประเทศจีน Call Me By Fire 3 แล้วด้วยภาพลักษณ์ที่ดูดี มีเอกลักษณ์ ได้นำพาเจฟ ซาเตอร์ ก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งในโลกแฟชั่น และการเดินทางไปอิตาลีเมื่อต้นปีนี้ เพื่อร่วมงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Valentino ซึ่งเจฟ ซาเตอร์ ได้ร่วมงานอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการนำแฟชั่นมาพบกับดนตรี ที่นำไปสู่ “Black Tie” เพลงภาษาอังกฤษเพลงแรกของหนุ่มคนนี้
โดยแรงบันดาลใจของเพลง “Black Tie” เจฟ ซาเตอร์ เผยว่า "มาจาก Collection “Black Tie” จาก Valentino และเขาได้นำมาถ่ายทอดเป็นบทเพลงที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนได้ยอมรับตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์และใช้ชีวิตในแบบของตนเอง ซึ่งทำให้ "Black Tie" ไม่ใช่แค่เพลงที่มีไลน์ดนตรีเท่ ๆ ซาวนด์สะดุดหู แต่ยังชื่นชมความเป็นตัวของตัวเอง, การแสดงตัวตน รวมทั้งพลังที่เกิดจากความรักในตัวเอง ซึ่งเจฟ ซาเตอร์ ส่งเรื่องราวเหล่านั้นผ่านเนื้อร้อง และท่วงทำนอง ที่บอกว่า “แม้เราจะต้องผูกเนกไทสีดำเหมือนคนอื่น ๆ แต่เราก็สามารถที่จะใส่เนกไทสีดำในแบบที่เป็นตัวของตัวเองได้เช่นกัน” ซึ่งสื่อถึงพื้นที่ในการแสดงตัวตน และปล่อยความคิดสร้างสรรค์ ที่มีอยู่ในตัวจนออกมาได้อย่างอิสระ"
“Black Tie” เป็นมากกว่าเพลง ๆ หนึ่ง เป็นยิ่งกว่าเพลงที่นำแฟชั่นมาพบกับดนตรี เมื่อเนกไทสีดำ Collection ของ Valentino ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ในการนำเสนอความเป็นตัวตนออกมา ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เจฟ ซาเตอร์ แสดงถึงความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ในตัว จนอาจพูดได้ว่า เขาก็คือ “เนกไทสีดำ” ของวงการเพลงไทยเช่นกัน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.