คุยกับ "นุนิว" ในวันที่เพลงประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่า “ศิลปิน”
ปีที่ผ่านมา แฟนๆ ได้รู้จัก นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์ ในบทบาทการเป็นศิลปินมากขึ้น นับตั้งแต่ร้องเพลงประกอบซีรีส์ที่ตัวเองนำแสดง คลิปคัฟเวอร์ และเพลง “รักแท้” ที่ทำให้หลายคนชื่นชมความสามารถ
และล่าสุด นุนิว ก็ได้มากับเพลง “หมอนอิง” ซิงเกิลแรก ซึ่งแม้ว่าผลงานของนุนิวจะได้รับการตอบรับท่วมท้น แต่ภายใต้ความสำเร็จ นุนิวได้เปิดใจถึงความเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว และยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นศิลปินเต็มตัว
ความรักดนตรีของนุนิวเริ่มเมื่อไหร่
นุนิว : ความรักดนตรีเริ่มตั้งแต่เด็ก เด็กมาๆ ช่วงเด็กเวลาไปโรงเรียนคุณพ่อก็จะเปิดเพลงให้ฟังทุกวัน และมีเพลงโปรดของเราด้วย ก็ร้องไปเรื่อยๆ อินกับทำนอง ชอบร้องแต่เด็ก โตมาก็ยังชอบ ยังฮึมฮัมร้องเพลงอยู่ทุกวันครับ พอมีงานก็ดีใจมาก เพราะชอบร้องเพลง และก็ฝันว่าเป็นศิลปินครับ
การเป็นศิลปินที่มีเพลงของตัวเอง มันเหมือนหรือต่างจากที่เราคิดไว้อย่างไร
นุนิว : ถ้าเป็นเรื่องที่เหมือนน่าจะเป็นความยากในการทำคอนเสิร์ต เพราะผมมีแฟนมีตติ้งเหมือนกึ่งๆ คอนเสิร์ตเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นกดดันและเครียดมากๆ ตอนก่อนจะเข้าวงการเราเห็นศิลปินมีคอนเสิร์ตก็ดูยากจังเลย แบบเวลาอยู่บนเวทีแบบไม่มีพี่แดนเซอร์ก็ต้องอยู่คนเดียวมีสายตาหลักพัน หลักหมื่น คิดว่าเราโฮลด์ไม่อยู่แน่นอน และตอนนั้นมีคอนเสิร์ตก็ยากจริงๆ ยากมากๆ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ผมไปอยู่บนเวทีขนาดนั้นและมีคนมารอฟังผมร้องเพลง ซึ่งมันทำให้ผมเครียดมากๆ พอเราผ่านไปสักพักเราจะผ่อนคลายมากขึ้น เริ่มสนุกมากขึ้นครับ ส่วนเรื่องที่แตกต่าง ก่อนจะออกเพลงก็มองว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่น่าจะมีอะไร พอวันนี้ที่เรามามีเพลงของตัวเอง เราต้องอยู่ทุกๆ ขั้นตอนทั้งคอนเซ็ปต์ เดโม่ และ อัดเพลง ซึ่งอัดแต่ละครั้งถ้าจริงจังใช้เวลานาน และการร้องเพลงนานๆ ให้เป๊ะมันยากมาก และมันขึ้นกับสไตล์เพลง ถ้าเพลงที่ร้องมันเหนื่อย ก็จะเหนื่อยมากๆ ต้องออกมาพักและกลับเข้าไปอัดใหม่ เรื่องเอ็มวีก็ยุ่งยาก ไม่เหมือนจากที่เราคิดไว้ครับ
เพลง “หมอนอิง” มีที่มาอย่างไร
นุนิว : ตอนแรกเหมือนโตมาจากการเป็นนักแสดง พอมีผลงานเพลงแล้วเห็นฟีดแบค มีแฟนเพลงติดตามเยอะมาก อย่างวันนี้ซิงเกิลเดี่ยวออกไปแล้ว ก็มีแฟนๆ ที่ใช่มาจากซีรีส์ ก็อยากทำให้เราอยากทำผลงานให้ทุกคนได้ฟังครับ จริงๆ ผมร้องมาหลายเพลง และเพลง OST. ทั้งหมดจะเป็นฝีมือพี่แอ้ม ก็อยู่กับพี่แอ้มมานาน เหมือนโตมากับพี่แอ้ม ก็ให้พี่แอ้มแต่งแล้วกัน เพราะชอบการแต่งของพี่แอ้ม และชอบเพลงแนวนี้ และพี่แอ้มแต่งออกมาดีมากๆ พี่แอ้มรู้ด้วยว่าผมใช้เสียงแบบไหนแล้วจะร้องออกมาเพราะ ก็ทำให้เพลงนั้นเพราะและมีเอกลักษณ์ และวันนี้เรามี “หมอนอิง” ที่ไม่ใช่ OST. มันเป็นอีกก้าวที่ทำให้เราเข้าใกล้ความเป็นศิลปิน แต่เราก็ยังไม่กล้าเรียกตัวเองเป็นศิลปินเต็มตัว ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สุนทรี หรือมีอารมณ์แบบศิลปินคนอื่น เรามองว่าเราต้องฝึกอีกเยอะมากๆ ครับ
การทำงานกับพี่แอ้มในเพลงนี้เป็นอย่างไร ได้เรียนรู้อะไรจากพี่แอ้มไหม
นุนิว : ผมชอบสไตล์การร้องของพี่แอ้ม คือพี่แอ้มเขาจะร้องไกด์มา ผมก็ชอบแซวว่า “โหพี่แอ้มเอาไกด์มาปล่อยได้เลยนะ ไม่ต้องเอามาให้ผม เพราะมันเพราะอยู่แล้ว” เวลาอัดเพลงก็มีการบรีฟ แบบเสียงสูงๆ ก็ให้เราคิดว่าไปอยู่บนยอดเขา เวลาร้องให้สมูธให้นึกถึงสายน้ำ แบบอยู่ในห้องอัดถ้าเราขยับมือตามฟีลลิ่ง ก็จะมีฟีลลิ่งส่งออกมาด้วย และรายละเอียดการร้องก็เนี้ยบ แบบคำไหนที่เพราะก็จะแบบ “โห คำนี้ดีมากๆ เลย” พี่แอ้มก็จะค่อนข้างละเอียดครับ
ทำงานกับพี่แอ้มแล้วเริ่มมีความอยากลองเขียนเพลงเองไหม
นุนิว : เริ่มมีมานิดหน่อย พอเราร้องหลายเพลง หลายสไตล์ หลายภาษา ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราไม่เคยทำและขาดประสบการณ์ คือการแต่งเพลง และเขียนเมโลดี้เพลง ซึ่งไม่เคยเรียน ไม่เคยคิดว่าจะทำได้ เพราะผมแต่งอะไรไม่ค่อยเก่ง เพราะตอนเด็กแต่งกลอนก็ไม่ค่อยเพราะ ไม่ค่อยมีหัวเรื่องการเขียนเมโลดี้ ก็ร้องเพลงไปเรื่อย แต่การเป็นศิลปินมันร้องเพลงอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องทำอย่างอื่นได้ด้วย ก็คิดว่าการเขียนเพลงและเมโลดี้ เป็นสิ่งที่ศิลปินควรจะทำได้ครับ
บรรยากาศวันถ่ายเอ็มวีเป็นอย่างไรบ้าง
นุนิว : เพลงนี้พี่ อ๊อฟ DMD (อ๊อฟชั่น-กิตติพัฒน์ จำปา) ก็จัดเต็มลงทุน จนเราไม่คิดว่าจะลงทุนขนาดนี้ เรื่องเพลงผมกับพี่แอ้มจริงจังมาก พี่อ๊อฟก็ด้วย คุยคอนเซ็ปต์นานว่าจะทำแบบไหน ก็มาคิดคอนเซ็ปต์เอ็มวี แต่ละฉากใช้สตูดิโอใหญ่ อย่างซีนม้าหมุนก็ยกเข้ามาเลย และผมไม่เคยเจอเซ็ทที่ใหญ่ขนาดนี้ การถ่ายทำก็ค่อนข้างเร่งนิดหนึ่งครับ เพราะเราถ่าย 1 วัน ก็มีหลายเซ็ท มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า หน้าผม แต่งหน้า และอุปกรณ์ต่างๆ และมีน้องแอลลี่สุดน่ารักของเรามาร่วมแสดงเอ็มวีนี้ด้วย ก็ดีใจมากๆ ที่น้องตอบรับคำชวน เพราะแอบหวังว่าน้องจะรับไหม เพราะน้องไม่เคยรับเพลงอื่น ก็คิดว่าน้องจะมาไหม แต่น้องก็รับ วันที่ถ่ายน้องก็น่ารักและเฟรนด์ลี่ย์มากๆ เป็นคาแรคเตอร์ที่ทุกคนอยู่ด้วยแล้วมีความสุขครับ
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราลุยต่อ แม้จะยังมีความไม่มั่นใจในความสามารถ
นุนิว : มาจากความชอบในการร้องเพลงของเรา เพราะเรามีความสุขที่ได้ร้อง และแฟนๆ ทุกคนชอบบอกว่าเสียงผมช่วยเยียวยาจิตใจพวกเขา เวลาพวกเขาดาวน์และเครียด พอมาฟังเพลงผมแล้วมันเยียวยาจิตใจพวกเขา มันก็เป็นแพชชั่นหนึ่งในการร้องเพลงของผม และทำไปเรื่อยๆ ครับ
ในฐานะคนที่เดบิวต์แล้วได้ไปรายการใหญ่ เราตื่นเต้นหรือรู้สึกอย่างไร
นุนิว : ก่อนอื่นต้องขอบคุณหลายๆ รายการที่เชิญไป ทั้งเชิญไปและโปรโมต การออกรายการเพลงช่วงแรกๆ ก็ตื่นเต้นมาก เพราะยังไม่มีซิงเกิลเดี่ยว เป็นแค่คนที่กำลังตามฝันในการเป็นศิลปิน การได้ไปออกรายการร้องเพลงเนี่ย เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะเราไม่เคยออกรายการเพลงมาก่อนเลย อย่าง Masked Singer ก็ดูตั้งแต่ซีซั่นแรก ตั้งแต่เป็นเด็ก จนได้เป็นผู้เข้าแข่งขัน ก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นประสบการณ์ที่ทำให้รู้ว่าในการออกรายการต้องเตรียมอะไรบ้าง ตอนไปร้องก็ได้คอมเมนต์ ก็ไม่เคยมีโมเมนต์ที่คณะกรรมการที่เป็นศิลปินและมีความรู้เรื่องเพลงเยอะมาคอมเมนต์ ก็ดีมากๆ ครับ
นุนิวอยากถูกจดจำอย่างไรในฐานะศิลปิน
นุนิว : อยากจะให้ทุกคนฟังเพลงได้ยินเสียงก็รู้ว่าเป็นนุนิว แม้จะไม่เคยได้ยินเพลงนี้ก่อน อยากให้ฟังแล้วแบบ “อ๊ะ นี่เสียงนุนิวนี่หน่า” แล้วก็มาตามฟัง ก็เป็นความฝันของผม ก็อยากเป็นนุนิวที่ร้องเพลงให้ทุกคนฟังแล้วทุกคนมีความสุข ไม่ว่าเพลงไหนก็ตาม ไม่ว่าจะ “หมอนอิง” ฟังสบายๆ แบบที่ทุกคนมีความสุข และถ้าเป็นเพลงเร็วก็อยากให้ทุกคนสนุกกับเพลงสื่อออกมา อยากให้มีภาพจำเป็นศิลปินที่ฟังแล้วอินได้กับทุกๆ แนวเลยครับ
Photo : Ditsapong K.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.