Dolph Lundgren เจ้าพ่อหนังแผ่น อยู่ในวงการเกือบ 40 ปี เล่นเรื่องไหนก็เจ๊ง

Dolph Lundgren เป็นนักแสดงสัญชาติสวีเดน ที่มีรูปลักษณ์หล่อเหล่ากำยำล่ำสัน ผมสีทองตาสีฟ้า เป็นชายในฝันของสาวๆ หลายๆ คน นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังฉลาดด้วย เพราะได้เรียนด้านวิศวะเคมีที่ Sydney, Australia รับจ๊อบเป็นบอดี้การ์ดให้กับศิลปินสาว Grace Jones ก่อนที่ทั้งคู่จะสนิทสนมแล้วกลายเป็นคู่รักกัน

ความฉลาดของ Dolph Lundgren ทำให้เขาได้ทุนการศึกษา Full Bright ได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัย MIT ที่ Boston, America ในปี 1983 ด้วย แต่สุดท้ายหลังจากที่เขาได้รู้จักกับนักแสดง ศิลปิน และผู้กำกับชื่อดังหลายคนในไนท์คลับที่เขาทำงานในช่วงนั้น และได้รับคำแนะนำบ่อยเข้าจาก Grace Jones แฟนสาวของเขาว่า เขาควรเอาดีทางด้านการแสดง และควรแสดงภาพยนตร์ หลังจากเข้าเรียนที่ MIT ไปได้แค่ 2 สัปดาห์ เขาก็ลาออกเพื่อมุ่งหน้าสู่เส้นทางการเป็นนักแสดงเต็มตัว แล้วย้ายไปอยู่ New York

 

เริ่มต้นเส้นทางในวงการบันเทิง

ภาพยนตร์เรื่องแรกของ Dolph Lundgren คือเรื่อง A View to a Kill ในปี 1985 ที่เขาได้รับบทสมทบเล็กๆ ก่อนที่จะได้บทที่เด่นมากขึ้น ในการเป็นคู่ต่อสู้ของ Sylvester Stallone ในเรื่อง Rocky IV ในปีเดียวกันด้วยความสามารถทางด้านการต่อสู้ที่เขาทั้งชกมวย เล่นคาราเต้ และมีทักษะด้านกีฬา รวมถึงศิลปะป้องกันตัวต่างๆ มากมาย และรูปร่างที่สูงใหญ่ ทำให้เขากลายเป็นตัวละครที่ติดตาของแฟนหนัง และส่งให้เขาได้รับบทนำ He-Man ในภาพยนตร์เรื่อง Masters of the Universe ในอีก 2 ปีต่อมา (1987)

ภาพยนตร์ที่ Dolph Lundgren แสดง แล้วอาจจะเป็นที่คุ้นตาของคนไทยในสมัยก่อน มีเรื่อง Red Scorpion (1988), The Punisher (1989), I Come in Peace (หรือ Dark Angel) (1990), Showdown in Little Tokyo (1991), Universal Soldier (1992) รวมถึงเป็นนักแสดงสมบทให้กับ Keanu Reeve ในเรื่อง Johnny Mnemonic (1995)

Dolph Lundgren เจ้าพ่อหนังเจ๊ง

แม้ว่า Dolph Lundgren จะมีผลงานสร้างชื่อจากการไปร่วมแจมกับนักแสดงชื่อดัง จนได้มาเล่นภาพยนตร์เป็นตัวเอก แต่หลายเรื่องดันขาดทุนแม้แต่เรื่องที่ไม่ได้ใช้ทุนสร้างสูงนักก็ยังขาดทุน

ผลงานภาพยนตร์ที่ขาดทุนของ Dolph Lundgren

  • Masters of the Universe ทุนสร้าง 22 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ 17.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • Red Scorpion ทุนสร้าง 8-10 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ 4.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • I Come in Peace (หรือ Dark Angel) ทุนสร้าง 5-7 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ 4.35-4.37 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • Showdown in Little Tokyo ทุนสร้าง 8 ล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

มีเพียงเรื่อง The Punisher และ Universal Soldier ที่ทำกำไรให้กับผู้สร้างอย่างสวยงาม

Dolph Lundgren ราชาหนังแผ่นเกรดบี

หลังจากปี 1995 เป็นต้นมา Dolph Lundgren ก็เริ่มเอาดีกับการแสดงนำในภาพยนตร์ที่ฟอร์มกลางๆ หรือที่หลายคนเรียกว่าหนังเกรด B หรือหนังแผ่นมากมายหลายสิบเรื่อง มีโผล่แจมเป็นนักแสดงสมทบหนังฟอร์มใหญ่ของคนอื่นบ้าง เช่น The Expendables (2010), The Expendables 2 (2012), The Expendables 3 (2014), Creed II (2018) และ Aquaman (2018) แต่ก็ไม่ใช่บทที่โดดเด่น แล้วเขาก็กลับมาเอาดีในด้านการทำหนังแผ่น (ลงแผ่นอย่างเดียวไม่ลงโรงฉายเลย) และปล่อยผลงานอย่างต่อเนื่องมาตลอดเกือบ 40 ปี แม้ว่าแทบจะทุกเรื่องไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และไม่ได้สร้างกำไรให้กับผู้สร้างมากมาย (รายได้ของหนังแผ่นก็ลดลงตามกาลเวลา) แต่เขาก็ยังมีผลงานอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.