ทำความรู้จัก "ฝน ศนันธฉัตร" ให้มากขึ้น ผู้หญิงตัวเล็ก ที่มีหัวใจใหญ่มาก!
เพราะเคยต้องตกอยู่ในสถานการณ์ดราม่าถึงขั้นมีประเด็นฟ้องร้องกับบรรดาชาวเน็ตและเกรียนคีย์บอร์ดบนโลกออนไลน์ จึงเป็นเหตุผลให้ ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล นักแสดงสาวหน้าเด็ก แต่หัวใจใหญ่มาก! วัย 29 ปี ตัดสินใจที่จะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายอย่างจริงจัง ถึงขั้นสมัครเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อคว้าปริญญาตรีอีกใบในชีวิต
ซึ่งล่าสุด! ทีมข่าวบันเทิง Sanook.com ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าตัวแบบเอ็กซ์คูลซีฟ ถึงความตั้งใจในฐานะ 'นักศึกษาวิชากฎหมาย' รวมทั้งเป้าหมายในอนาคตที่วาดภาพไว้ พร้อมกับพาทุกคนไปรู้จักเธอให้มากขึ้นในอีกหลากหลายแง่มุมของชีวิต นับตั้งแต่วันแรกที่เข้าก้าวเท้าเข้าวงการบันเทิง กระทั่งโด่งดังกลายเป็นที่รู้จักของคนไทยทั้งประเทศ
ซึ่งนอกเหนือจากการเป็นนักแสดงมืออาชีพแล้ว ฝน ศนันธฉัตร จะมีความฝัน ความชอบ และเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจขนาดไหนนั้น เอาเป็นว่าเราไปหาคำตอบจากเธอกันเลยดีกว่า...
จากอดีตนักแสดงตัวประกอบ สู่การเป็นตัวละครหลักบนโลกการแสดง เพราะไม่เคยมองข้ามคำว่า "โอกาส"
ช่วงแรกๆ ที่ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการ ตอนนั้นฝนก็คืออยู่กับทีมโมเดลลิ่งค่ะ เป็นเอ็กซ์ตร้าบ้าง ทำนู่นบ้าง ทำนี่บ้าง คือมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้ทำหนูก็ทำหมด จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสถูกเรียกตัวเข้าไปแคสภาพยนตร์เรื่อง ATM เออรัก เออเร่อ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ได้ ที่ฝนได้ทำการแสดงอย่างเป็นจริงเป็นจัง และจากนั้นก็ค่อยๆ มีผลงานให้เห็นอยู่เรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ค่ะ
ถามว่าช่วงชีวิตตอนที่ต้องออกแคสงาน ส่งพอร์ต ส่งโปรไฟล์ หรือว่าเป็นเอ็กซ์ตร้า มันยากหรือลำบากไหม เอ่อ...จริงๆ ณ เวลานั้นฝนไม่ได้โฟกัสเรื่องงานในวงการเป็นหลักนะคะ แต่ฝนโฟกัสที่การเรียนของตัวเองมากกว่า ส่วนงานหรือโอกาสที่มีเข้ามา ก็ถือว่าเป็นรายได้เสริม เป็นค่าขนม เป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเอง
อีกอย่างคือฝนไม่ได้คิดด้วยว่า ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ มันมีอะไรในความรู้สึกของตัวเองที่เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ฝนทำงานยังไง เคยเป็นตัวเล็กตัวน้อยแค่ไหน ทุกวันนี้ฝนก็ยังทำอย่างนั้น เพียงแต่ว่าตัวเราเองมากกว่าที่โตขึ้น มีคนยอมรับเรามากขึ้น ส่วนพฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อมก็ยังคงเหมือน
ฝันให้ใหญ่ และสักวันจะต้องไปให้ถึง อาชีพผู้ประกาศข่าว คือสิ่งที่อยากทำมากที่สุด
เอาจริงๆ เลยนะ ที่ฝนชอบการทำงานตรงนี้ เพราะฝนอยากเป็นพิธีกร (หัวเราะ) ฝนชอบการเป็นพิธีกรมาตั้งแต่เด็กๆ ฝนชอบอ่าน ชอบเขียน และก็ชอบอ่านข่าวมากๆ ความฝันสูงสุดสำหรับฝนก็คือ การได้ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ ได้อ่านข่าวคู่กับ พี่สรยุทธ สุทัศนะจินดา (ยิ้ม ) พี่เขาเป็นแรงบันดาลใจของฝนเลยค่ะ
คือถ้าย้อนกลับไปตอนที่ยังเด็กๆ ฝนก็มักจะมีโอกาสได้เป็นพิธีกรงานโรงเรียน ได้เข้าร่วมประกวดเรียงความ แต่ถามว่าเป็นคนกล้าแสดงออกแบบสุดๆ เลยไหม ก็คงไม่ขนาดนั้น เพราะทุกครั้งความตื่นเต้นมันก็ยังมีอยู่ แค่เราไม่ได้กลัวที่จะทำ หรือกลัวที่จะลองทำมันมากกว่า
ส่วนเรื่องที่ทุกวันนี้ ยังฝันที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวอยู่ไหม เอ่อ... จริงๆ ฝนก็ฝึกอยู่เรื่อยๆ นะ ฝึกเรื่องการฟัง พูด อ่าน เขียน เพราะอาชีพนี้ทักษะ และความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นก็ขอเวลาฝึกฝนตัวเองอีกสักนิดหนึ่งก่อนดีกว่า ก่อนที่จะไปในสายอาชีพที่แบบจริงจัง และก็ภูมิฐานมากขึ้น (ยิ้ม)
ภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนลูกคุณหนู แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพราะความตั้งใจที่อยากจะให้ครอบครัวมีความสุข
ฝนไม่เคยเป็นคุณหนูเลยค่ะ แค่ดูดีเฉยๆ (หัวเราะ) ไม่เคยเป็นคุณหนูจริงๆ ค่ะ คือฝนก็ใช้ชีวิตของฝนตามปกตินะ ฝนยังนั่งรถสองแถว ยังนั่งรถเมล์ไปเรียน แต่หลังจากที่ได้เข้ามาทำงานในวงการแบบจริงจังนี่แหละค่ะ ฝนถึงค่อยๆ ขยับขยายเพื่อให้หลายๆ อย่างมันคล่องตัวมากขึ้น
ด้วยความที่ฝนอยู่กับคุณแม่คนเดียว และครอบครัวของเราก็เป็นครอบครัวฐานะปานกลาง ดังนั้นพอฝนเริ่มทำงาน เริ่มหาเงินด้วยตัวเองได้ ฝนก็ตัดสินใจบอกกับคุณแม่เลยว่า 'ฝนจะส่งตัวเองเรียนนะ' ซึ่งตอนนั้นก็เป็นช่วงเข้ามหาวิทยาลัยปี 1 พอดี จากนั้นฝนก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่ และก็บอกกับท่านว่าไม่อยากให้ท่านต้องทำงานอีกแล้ว เพราะฝนจะขออาสาทำหน้าที่เป็นเสาหลักของบ้านเอง (ยิ้ม)
เอาจริงๆ ฝนมองว่าโอกาสที่เข้ามา หรือสิ่งที่ฝนต้องรับผิดชอบในทุกวันนี้ มันไม่ได้ทำให้ฝนรู้สึกเหนื่อย แต่ฝนกลับคิดว่า ฝนโชคดีกว่าคนอื่นที่ได้ดูแลครอบครัวเร็ว และมันก็ทำให้ฝนมั่นคงกับเป้าหมายในอนาคตของตัวเองมากขึ้นด้วย ถึงเราจะเริ่มเร็ว แต่เราก็มีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดได้มากกว่าคนอื่น จริงๆ มันมีข้อดี มากกว่าความเหนื่อยหรือความกดดันอีกค่ะ
เปลี่ยนดราม่าให้เป็นพลัง จุดเริ่มต้นชีวิต "นักศึกษาวิชากฎหมาย" เพราะ "ความรู้สึก" เคยถูกทำร้ายจากเกรียนคีย์บอร์ด
ฝนเริ่มเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนค่ะ ซึ่งมันเริ่มต้นมาจากชีวิตช่วงหนึ่งของฝนที่ต้องเจอกับประเด็นดราม่าฟ้องร้องนู่นนั่นนี่กับบรรดาชาวเน็ต และจากเหตุการณ์นั้นเอง มันได้จุดประกายให้ฝนตัดสินใจว่า โอเค...เราควรที่จะต้องรู้กฎหมายบ้างแล้ว เพื่อที่จะเอาความรู้ตรงนี้มาปกป้องตัวเอง นั้นแหละค่ะ เอาวะ...ปริญญาตรีอีกสักใบ เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ขอลองดูก่อน (หัวเราะ) คือต่อให้สุดท้ายแล้วฝนไม่ประสบความสำเร็จกับเรื่องนี้ แต่ฝนก็ได้ความรู้ติดตัวกลับมา
ยอมรับนะคะว่าช่วงแรกที่เริ่มเรียน คืออ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ เพราะศัพท์ของเขาค่อนข้างที่จะเฉพาะทางมากๆ แต่ด้วยนิสัยของเรา หรือเพราะความโชคดีก็ไม่รู้ ที่เราเป็นคนรักการอ่าน ดังนั้นฝนเลยไม่เบื่อถ้าหากจะต้องอยู่กับตัวหนังสือเยอะๆ ซึ่งตอนนี้ถือว่าปรับตัวได้บ้างแล้วค่ะ เพราะถ้าดูกันแบบลึกๆ มันก็จะมีความตายตัวในแบบของมัน คล้ายๆ กับสูตรคณิตเหมือนกัน คือเราต้องจำใจความหลักของมันให้ได้ ก่อนที่จะนำเอาใจความหลักนั้นไปประยุกต์กับสถานการณ์ต่างๆ
คือถ้าสมมติว่าเรียนจบปริญญาตรีแล้ว เราก็สามารถเป็นทนายบริษัทเอกชนได้เลยค่ะ แต่ถ้าสอบตั๋วทนาย เราก็จะสามารถขึ้นศาลได้ หรือถ้าสอบเนติบัณฑิต เราก็จะได้มีโอกาสเป็นอัยการ ไปสอบผู้พิพากษาได้ ซึ่งฝนเองก็มีความฝันเล็กๆ เหมือนกันว่าถ้าหากฝนทำสิ่งนี้ได้จนจบ ฝนก็อยากที่จะไปเรียนต่อปริญญาโทด้านนี้ที่เมืองนอก (ยิ้ม)
ชีวิตเป็นของเรา อย่าเสียเวลารอ หรือพิสูจน์ตัวเองกับใคร หากฝันว่าจะอยากทำอะไร ก็ให้ลงมือทำมันไปเลย
"ฝนมองว่าชีวิตของเรา เราอยากทำอะไร เราก็ทำไปเลยค่ะ เรายังมีแรง เรายังมีทุนทรัพย์ เรายังมีโอกาส ฉะนั้นในชีวิตนี้อยากทำอะไรเราก็ลงมือทำเลย ตัวฝนเองก็ทำหลายอย่างมากๆ เหมือนกัน ทั้งตีกอล์ฟ ทั้งแข่งรถ ชีวิตนี้มันมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างมากที่รอให้เราไปทำ สนุกดีด้วยนะคะ
ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองกับใคร ถ้าอยากทำ ก็ลงมือทำได้เลย เพราะถ้าเราทำ เราก็ได้กับตัวเราเอง ชอบก็ลุยต่อ ไม่ชอบก็พอแค่นี้"
รู้จักกับ ฝน ศนันธฉัตร ให้มากขึ้น ผ่านผลงานการแสดง และหลากหลายคอนเทนต์บนโลกโซเชียลฯ ที่ถูกถ่ายทอดจากความตั้งใจ
ตอนนี้ฝนมีผลงานการแสดงเรื่องใหม่ เป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อเรื่องว่า อยากตาย อย่าตาย มรณาคาเฟ่ (Death Is All Around) ซึ่งบทบาทที่ฝนได้รับมันมีความแปลก และแตกต่างจากผลงานอื่นๆ ที่ทุกคนเคยได้ชมแน่นอน เพราะเรื่องนี้มันมีทั้งการพูดถึงความตาย แฟนตาซี และก็โรคซึมเศร้า
ซึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือ ตัวละครของฝนที่มีชื่อว่า เดียร์ เขากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาที่ตัวเขาเองก็รับไม่ไหว ทั้งเรื่องความรัก ทั้งเรื่องครอบครัว ชีวิตเขาเหมือนอยู่ในหลุมดำที่มองไม่เห็นหนทาง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะมีกุญแจหรือคำตอบให้กับคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กันกับเดียร์ ให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า จริงๆ แล้วทุกปัญหามันมีทางออกนะ มันยังมีอีกมุมมองเสมอ
ถามว่าการตีความตัวละครนี้ยากไหม เอ่อ... ก็ยากค่ะ เพราะโรคซึมเศร้าเราเองก็ต้องทำการศึกษาเนอะ และอีกอย่าง อารมณ์ กับ ข้อมูล มันก็ไม่ได้เหมือนกันด้วย ดังนั้นโจทย์ของฝนก็คือ เราจะทำยังไงให้คนที่ตกอยู่ในภาวะนี้ เข้าใจว่าเราเข้าใจเขา และให้เราเป็นตัวแทนในการพูดสิ่งนั้นออกมา นั่นคือสิ่งที่ยากมากค่ะสำหรับฝน
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ นอกจากผลงานภาพยนตร์เรื่อง อยากตาย อย่าตาย มรณาคาเฟ่ (Death Is All Around) แล้ว ฝนก็ยังมีผลงานที่เป็นแนวคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกๆ ช่องทางโซเชียลฯ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Tiktok Youtube Facebook มีกิจกรรมเยอะแยะมากมายเลยค่ะ ชื่อช่อง Sananthachat
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.