รีวิว Post Malone in Bangkok เดือด ทรงพลัง อบอุ่น รับประสบการณ์บวกไปเต็มๆ

คอนเสิร์ตของ Post Malone ในไทย บอกได้คำเดียวว่าคนที่ได้ไปชมโชคดีสุดๆ สมการรอคอยจริงๆ

Post Malone If Y'all Weren't Here, I'd Be Crying Tour in Bangkok 2023 คอนเสิร์ตของซูเปอร์สตาร์ขวัญใจแฟนเพลงทั่วโลก มาจัดในไทยครั้งแรก ที่ Impact Challenger Hall เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยผู้จัด Live Nation Tero

ตอนแรกที่เห็นว่าจัดที่ Impact Challenger Hall ก็แอบหน้ามุ่ยอยู่หน่อยๆ เพราะนั่นหมายถึงฮอลล์ขนาดใหญ่พื้นราบที่ต้องยืนเขย่งปลายเท้าดู และน่าจะไกลจากเวทีมากๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง ในคืนที่รถติดสุดๆ ทำให้ไปถึงหน้างานช้ากันหลายคน เมื่อเข้าฮอลล์ไป ก็เจอแต่ฝูงคนตัวสูงที่กว่าเราจะหาจุดยืนที่มองเห็นเวทีไกลลิบๆ ได้ก็เล่นเอาปวดหัวไปเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่นั่งเลย เพราะมีโซนนั่งแบบสโลปขนาบข้างซ้ายขวา แต่ต้องแลกกับวิสัยทัศน์เอียงๆ ตลอดงาน แต่ก็เป็นฮอลล์ที่จุคนได้เยอะมาก เหมาะกับจำนวนแฟนมหาศาลของ Post Malone ในไทยจริงๆ

คอนเสิร์ตเริ่ม 21.00 น. ช้าไปครึ่งชม. ตามเวลาคอนเสิร์ตศิลปินตะวันตก สองเพลงแรกจัดมาไฮป์คนดูจัดๆ กับ “Better Now” และ “Wow.” เพลงซาวด์สุดเท่ที่แฟนเพลงตอบรับด้วยการโยกหัวตามจังหวะเพลงกันอย่างเมามัน จากนั้น Post Malone ก็ทักทายแฟนเพลงในชุดเสื้อกล้าม Singha พูดไปยิ้มไปดื่มไปสบายๆ สไตล์ Post Malone ที่หุ่นไม่หมีอีกต่อไปแล้ว

เซ็ตลิสต์ของ Post Malone ในไทยไม่ต่างจากหลายๆ ประเทศที่ไปมามากนัก เพลงฮิตขนมาหมด เพลงช้าเพลงเร็วก็หยิบมาค่อนข้างจะครบและสาแก่ใจแฟนๆ พอสมควร “Zack and Codeine”, “Goodbyes”, “I Like You (A Happier Song)”, “Feeling Whitney” และอีกมากมายรวมทั้งหมดกว่า 24 เพลง ที่ล้วนแล้วแต่คุ้นหูไปหมดเพราะต้องยอมรับจริงๆ ว่า Post Malone มีแต่เพลงฮิต

ไฮไลต์หลักๆ ของงานมีอยู่ 2-3 ครั้ง ครั้งแรกคือช่วงที่เล่นเพลง “Take What You Want” ที่ Post Malone สลัดคราบแร็ปเปอร์ออกแบบไม่เหลือ แล้วกลายร่างเป็นร็อคสตาร์ที่เก๋าเกมสุดๆ ทั้งเสียงร้องที่แข็งแรง เดือดดาล ทรงพลัง ทั้งร้องทั้งว๊าก และดนตรีที่จัดเต็มจากนักดนตรีแบ็คอัพที่ฝีมือดีสุดๆ ใส่กันไม่ยั้งทั้งดนตรี นักร้อง และแสงสีเสียงเอฟเฟกต์ต่างๆ ประโคมสีแดงฉานวูบวาบลากยาวจนจบเพลง บอกได้คำเดียวว่าหน้าเวทีต้องมีคนหูดับ และไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของฮอลล์ต้องได้รับพลังนี้ไปอย่างแน่นอนจนถึงโน้ตตัวสุดท้ายของเพลง

ไฮไลต์อีกส่วนหนึ่ง คือช่วงที่ Post Malone เชิญแฟนคลับผู้โชคดีขึ้นไปร้องเพลง “Stay” แฟนคลับคนนั้นทำหน้าที่ได้ดี ไม่ทำงานล่ม ตั้งอกตั้งใจร้องอย่างดี แต่แฟนๆ ของ Post Malone หลายคน (รวมถึงเรา) ที่อาจจะอยากฟังเสียงของ Post Malone ร้องเพลงโปรดเพลงนี้มากกว่า แต่ก็ถือว่าเป็นโมเมนต์ดีๆ ของแฟนคลับคนนั้นไป Post Malone ก็ใจดีให้ร้องทั้งเพลง แถมหยิบปิ๊กกีตาร์พร้อมเซ็นให้สดๆ ใส่มือแฟนคลับไปเต็มกำมือเลยทีเดียว

อีกช่วงน่าจะเป็นช่วงที่เพลงดังที่สุดของ Post Malone เพลงหนึ่งอย่าง “Circles” แค่อินโทรขึ้นปุ๊ป ทุกคนพร้อมใจกันฮัมเพลงตาม ร้องเพลงตามกันได้ทุกคำ แน่นอนว่ามาพร้อมกับทะเลมือถือเต็มฮอลล์ แต่เพลงดังมากอยากขออัดคลิปหน่อยก็เข้าใจได้

ปิดท้ายโชว์ด้วย “Congratulations” ก่อนจะกลับมาอังกอร์ต่อด้วย “Sunflower” เพลงประกอบ Spider Man และ “Chemical” โบกมือลาด้วยรอยยิ้ม พร้อมคำขอบคุณที่ Post Malone พูดไปยิ้มไปตลอดทั้งคอนเสิร์ตว่าขอบคุณกรุงเทพฯ มากๆ ที่ใช้เวลาด้วยกันในค่ำคืนนี้ “I love you so very much.”

น่าเสียดายที่ฮอลล์แนวราบทำให้ทัศนวิสัยในการชมคอนเสิร์ตที่มีแฟนเพลงผู้ชายจำนวนมากค่อนข้างลำบาก มีหลายช่วงที่เขย่งยังไงก็ไม่เห็น ไหนจะคนดูที่ชูมือถือถ่ายวิดีโอนานๆ แบบถ่ายทั้งเพลงเหมือนจะเก็บไปทำแผ่นบลูเรย์ และแฟนเพลงบางคนที่ชูมือถือขึ้นมาตลอดทั้งเพลงโดยไม่ได้อัดวิดีโออะไร แต่ชูมือขึ้นมาบังตลอดเวลา ลดความสนุกในการชมคอนเสิร์ตไปราวๆ 5-10% แต่ทั้งหมดทั้งมวลทั้ง Post Malone ที่เสียงดีเอเนอร์จี้ไม่ดรอป และน่ารักอัธยาศัยดีตลอดทั้งโชว์ ช่วยทำให้ชุ่มชื่นหัวใจและรู้สึกว่า โชคดีที่ได้มาชมคอนเสิร์ตของเขาในครั้งนี้ เพราะไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะมาไทยอีกเมื่อไร

แสงสีเสียงและจอข้างเวทีขนาดใหญ่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ นักดนตรีแบ็คอัพจัดเต็มฝีมือดีมากตั้งแต่ต้นจนจบ ชอบที่พานักดนตรีเครื่องสายมาด้วย ทำให้เพลงร็อคมีมิติ เพลงป็อบอาร์แอนด์บีก็มีสีสัน ดนตรีนี่ยกให้เป็นที่ 2 รองจาก Post Malone เลย

ที่อยากฝากไว้อาจเป็นเรื่องของการจัดการหน้างานที่มีปัญหาหลายจุดจากจำนวนผู้เข้าชมที่มหาศาล และพื้นที่จัดงานที่ใหญ่ราวกับงานมิวสิคเฟสติวัล จุดให้สายรัดข้อมือค่อยข้างคิดขัดเพราะทีมงานแต่ละคนสายรัดข้อมืดหมด ทำให้แถวคนดูไม่ขยับไปพักใหญ่ แต่ปัญหาหลักๆ และค้อนข้างซีเรียสคือการจัดผังเวที และการวางจุดต่างๆ รอบๆ บริเวณจัดงานที่มีบดบังทัศนวิสัยในการชมคอนเสิร์ต ไม่ใช่แค่จุดเดียวแต่หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดที่มีช่างกล้องวิดีโอนั่งตะหง่านอยู่กลางฮอลล์ ค่อนข้างบดบังทัศนวิสัย และเสียพื้นที่ในการมองเวทีในภาพกว้างไปพอสมควร ด้านหน้าโซน A1-A2 มีแพลต์ฟอร์มสูงที่มีคนมายืนบังอยู่บ่อยๆ ฮอลล์ที่ค่อนข้างใหญ่มากแต่ 80-90% เป็นบัตรยืน ที่ขนาดบัตรโซน A ยังแทบมองไม่เห็นศิลปินขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงโซน B และ C เลย ดูจอ 100% แน่นอน ปัญหาเสียงของลำโพงในโซน B-C ที่เสียงค่อนข้างแตก ไม่เหมือนเสียงจากโซน A ที่ดีกว่า

และที่อยากเน้นแบบขีดเส้นใต้คือเรื่องของการพบเห็นคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าในคอนเสิร์ตเยอะมาก เยอะจนเห็นได้ชัดจากทุกโซน ผู้จัดการจะต้องมีมาตรการในการตรวจกระเป๋าและตรวจร่างกายที่ละเอียดกว่านี้

แต่ใดๆ เพราะ Post Malone เอาอยู่แม้ว่าคอนเสิร์ตจะใหญ่แค่ไหน และนักดนตรีแบ็คอัพที่เล่นได้ดีถึงใจจริงๆ จึงทำให้โดยรวมยังทิ้งประสบการณ์ดีๆ เอาไว้ให้กับคนดูได้ หวังเพียงครั้งหน้าจะไม่เลือกเล่นฮอลล์แนวราบ และมีการจัดการที่ดีกว่านี้อีกนิด รับรองว่าจะเป็นคอนเสิร์ตที่อยู่ในใจของใครหลายคนมากกว่านี้แน่นอน