"พิม พิมประภา" เปิดใจหลังคว้าคอนเทนต์อันดับ 1 ของโลก
นางเอกสาวสุดสวย พิม พิมประภา ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกหลังคว้ารางวัลทำคอนเทนต์ได้ที่ 1 ของโลก และเปิดเผยชีวิตโดนขโมยของในต่างแดน มูลค่ากว่า 2 แสนบาท พร้อมเปิดความเชื่อสายมูสุดแปลก ปล่อยปูแล้วได้งานสุดปัง ขอพรีเซนเตอร์ภายในหนึ่งเดือน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีหนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่ายเป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ได้รางวัลทำคอนเทนต์ อันดับ 1 ของโลก?
พิมประภา : ทางแบรนด์ติดต่อให้เราเป็นตัวแทนประเทศในการไปร่วมงานของแบรนด์แบรนด์นึงในการที่เขาเปิดตัวสินค้าใหม่ เค้าจะส่งตัวแทนของแต่ละประเทศไปเพื่อจะทำคอนเทนต์แข่งกันทั่วโลก เค้าจะให้โจทย์มาในวันนั้น แล้วทำเลยทันทีส่งในวันรุ่งขึ้น
โจทย์ที่เราได้รับคืออะไร?
พิมประภา : เค้าจะบอกว่าต้องมีอะไรบ้าง 1-2-3-4 ทางแบรนด์ต้องการเรื่องไหนบ้างที่อยากให้เราเล่า ต้องมีภาพเฟรมแบบไหนบ้างที่เค้าต้องการ ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้เรา คิดได้เองเลยว่าเราอยากจะเล่าแบบไหน วันนั้นพิมเริ่มถ่ายตั้งแต่ที่สนามบิน เปลี่ยนประมาณ 5-6 ชุด
วันนั้นเหนื่อยไหม?
พิมประภา : เหนื่อยมากค่ะ เรารู้สึกว่าอันนี้เราเป็นตัวแทนประเทศแล้ว เราก็อยากทำให้ดีที่สุด ทางแบรนด์ก็ไว้ใจเราแล้ว วันนั้นเราไปกับพี่แอมสองคน ซึ่งทางแบรนด์เค้าต้องการให้เป็นไลฟ์ไตล์มากที่สุด ไม่เอาโปรดักชั่น
เห็นพิมบอกว่าเหลือเชื่อมากที่ประกาศแล้วเราชนะ?
พิมประภา : พิมทำเต็มที่สุดใจอยู่แล้ว พอเราไปเห็นคลิปที่ประเทศอื่นเค้าทำ พิมเห็นเค้ายกทีมโปรดักชั่นไปต่อหน้าเรา แล้วเราอยู่กันสองคน พิมบอกพี่แอมว่าไม่ได้แน่นอน เราทำดีของเราแล้ว แต่คงไม่ได้หรอกเค้ายกกันมาขนาดนี้ โอกาสที่จะได้มันยาก เราเห็นคลิปออกมาคือมันดีจริงๆ คือถ้าไม่ได้ก็ไม่แปลกประเทศอื่นเค้าเก่งมาก
ด้วยความที่ไม่หวัง ในงานเค้าประกาศ 3 รอบ นี่ไม่รู้ตัวเลย?
พิมประภา : ตอนนั้นด้วยความที่พิมมั่นใจมากๆ ว่าตัวเองจะไม่ได้ พิมก็เลยดินเนอร์เต็มที่ นั่งกิน เปลี่ยนชุดด้วย ตอนแรกพิมเตรียมชุดยาวไป เผื่อเราได้รางวัล แต่วันนั้นพิมคิดว่าคงไม่ได้หรอก ไปกินข้าวเฉยๆ ก็เลยเปลี่ยนเป็นเดรสสั้น จนเขาประกาศนอบที่3 ทีมงานเดินมาตามเราตรงโต๊ะ และด้วยความที่ทุกคนตกใจเลยไม่มีช็อตที่เค้าประกาศชื่อ ก็คือดีใจกระโดดเลย เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เราทุ่มเทไป ประสพผลแล้ว และเราก็รู้สึกว่าการได้เอารางวัลกลับมาที่บ้านก็ดีใจ
เห็นว่าโดนโกงค่าแท็กซี่จนเป็นเรื่อง เกือบเอาชีวิตกลับมาไม่รอด?
พิมประภา : พิมพาที่บ้านเที่ยวช่วงปีใหม่ ไปรัสเซีย เราเจอเหตุการณ์ที่ค่อนข้างไม่โอเคหลายอย่าง ตั้งแต่เราลงสนามมาเลย ครอบครัวพิมมากันก่อน พิมตามไปทีหลัง ก็เลยต้องเดินทางคนเดียว ขึ้นแท็กซี่ไปปุ๊บ ตกลงราคากันเรียบร้อย อยู่ดีๆ ระหว่างทาง จากแท็กซี่สมมุติว่าจากราคา 4,000 เค้าก็บอกว่าราคา 8,000 นะ กลางทาง พิมก็บอก ไม่นะยู เราคุยกัน 4,000 ที่สนามบินเราคุยกันแล้ว เค้าบอกไม่ 8,000 แล้วตอนนั้นอยู่บนโทเวย์เค้าบอกถ้าไม่ 8000 ยูลงตรงนี้เลย ตอนนั้น -22 องศา ตอนนั้นถ้าต้องลงก็แย่ อยู่ทางด่วนเราจะลงยังไง แล้วเราก็กลัว เค้าจะจอดแล้ว เค้าชะลอแล้วพูดว่าถ้าไม่จ่ายลงไปเลย เรากลัวผู้หญิงคนเดียวด้วย ขับรถเป็นผู้ชายตัวใหญ่มาก
แล้วจบยังไง?
พิมประภา : เราก็ต้องยอม พอไปถึงปุ๊บ ไม่ยอมให้เราลงจากรถ ตอนนั้นน้องสาวมารับที่รถแล้ว เหมือนพิมเปิด แต่เหมือนเค้าล็อคไม่ให้เราออก แล้วเค้าก็ไถ่น้องพิมพ์อีกทีนึง บอกว่า 10,000 คือตอนนั้นเรายังไม่ได้จ่าย 8000 แต่เค้าบอกว่าไม่ 10,000 แต่ว่าน้องพลอยไม่ยอม เค้าเป็นบล็อกเกอร์อยู่แล้ว เค้าก็เอากล้องจ่อหน้าเลย ยูจะราคานี้ใช่ไหม เค้าก็ไฟว์ เค้าบอกว่าถ้าอทำแบบนี้ยูจะไปออกกล้องนะ เขาก็ยอมในราคา 8000 จ่ายปุ๊บเขาก๋เปิดรถให้เราออก พิมไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้กับเรา เราไปเที่ยวแล้วเจอช็อตนี้ตั้งแต่ลงเครื่อง มันเป็นอะไรที่ใจเสียมาก
8,000 เป็นเงินประเทศเค้าหรือประเทศไทย?
พิมประภา : ประเทศเค้า
ยังไม่จบ กระเป๋าหายอีก?
พิมประภา : ประเทศเดิม เป็นขากลับจากที่เราไปดูแสงเหนือที่เมืองนึง และเป็นขากลับที่เข้าเมืองหลวง พอมาปุ๊บรอกระเป๋า ที่บ้านพิมได้กระเป๋าหมดทุกคนแล้ว เหลือของพิมใบเดียวที่ยังไม่มา พิมก็ยืนรอครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มา ก็เลยไปถามพนักงาน เค้าบอกว่า อยู่ที่นั่น ซึ่งเราก็ไปเจอจริงๆ แต่ตอนที่พิมเช็คกระเป๋า กรที่มันล็อคกระเป๋าเดินทางมันถูกปลดออก ไม่ใช่การงัดด้วย เป็นการปลดล็อคปกติเลย เรามั่นใจว่าก่อนที่เราจะโหลดกระเป๋าเราล็อกดีแล้ว เราก็เลยเปิดกระเป๋าตรงนั้นเลย เห็นว่าของเรากระจัดกระจายเต็มกระเป๋าไปหมดเพราะส่วนใหญ่ถ้าพิมแพ็ค พิมจะแพ็คในถุงสุญญากาศ แล้วมันออกมาหมดแล้ว สภาพนั้นถูกหรือแน่ๆ เราเลยเช็คของมีค่าของเรา ว่าอะไรหายไปบ้าง
อะไรหายไปบ้าง?
พิมประภา : กระเป๋าแบรนด์เนม แอดเซสเซอรี่ ไปหมดเลย รวมๆ กันก็ 2 แสนกว่าบาท
แล้วได้คืนไหม?
พิมประภา : ไม่ได้ค่ะ
เราได้แจ้งกับทางร้านไหม ไปขอดูกล้อง?
พิมประภา : ด้วยความที่พิมเปิดตรงนั้นเลย พนักงานก็อยู่ เค้าก็เห็นอยู่ว่าของเราหายแต่เค้าไม่ช่วย ด้วยความที่เรากลัวด้วยความที่เราบริสุทธิ์ใจได้กระเป๋ามาปุ๊บเราเปิดเลย
เค้าตอบว่าอะไร?
พิมประภา : เค้าบอกว่าไปสถานีตำรวจ
พอไปสถานีตำรวจ ตำรวจก็ไม่ช่วยอีก?
พิมประภา : สิ่งที่เขาทำก็ช่วยประมาณนึง คือเปิดกล้องวงจรปิดให้เราดู แต่เป็นกล้องวงจรปิดตอนที่เห็นเราหยิบกระเป๋า ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไร เค้าบอกว่าเค้าทำให้ได้แค่นี้ ตอนนั้นที่พิมพ์เสียใจมากๆ มันเป็นของที่แบบมีคุณค่าทางใจ มันเป็นของขวัญวันเกิด แฟนซื้อให้ ต่อให้เราซื้อใหม่ได้มันก็ไม่ใช่ใบเดิมแล้ว คือตอนเปิดมาเสียใจมากพิมเช็คอย่างแรกเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้มันหายเลย แต่ก็ถือว่ามันเป็นบทเรียนพอคลิปนี้ออกไปก็จะมีสองคอมเมนต์ ก็จะบอกว่าทำไมเอาของมีค่าใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทางที่จะโหลด ต้องยอมรับเลยว่า พิมไม่รู้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากระเป๋าที่โหลดจะถูกงัดได้ หลายคนถามว่า ทำไทไม่ใส่ใน carry on คือ carry on ของพิมเต็มไปด้วยอุปกรณ์กล้องของน้องสาวที่เป็นบล็อกเกอร์ มันแพงกว่าเยอะ เราต้องเลือกใส่ของที่มีค่ามากกว่า ใส่ลงไปใน carry on
คอมเมนต์ส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไหม?
พิมประภา : มันก็มีคนที่เห็นใจ คนที่เข้าใจ คนที่โทษเราก็มี เราก็เสียใจ แต่มันทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากเราต้องป้องกันตัวเอง
หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆ กลับมาเข้าสายมูเลย ปล่อยปูเป็นเรื่อง เป็นราว แล้วมีข่าวดีเข้ามา ทำไมถึงปล่อยปู?
พิมประภา : หลังจากที่กลับมาจากรัสเซีย พิมค่อนข้างนอยด์ ด้วยความที่ทุกปีพิมพาครอบครัวไปเที่ยวช่วงปีใหม่ แล้วเราจะรู้สึกฟูเอ็นนะจี้ แต่ครั้งนี้มันเป็นการกลับมาแล้วเป็นการเริ่มต้นปีที่มันไม่ดีต่อใจเราเลย ผู้จัดการก็รับรู้ว่าเรานอยด์ เขาก็เลยบอกว่า ปะเดี๋ยวแม่พาไปมู ก็พาไปตลาด ไปแผงปูทะเล แล้วให้เลือก บอกเดี๋ยวขะพาน้องไปปล่อย เราก็ซื้อไปประมาณนึง เราก็ไปปล่อยที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์น้ำทะเล เค้าก็สอนวิธีการปล่อย
ปล่อยปูช่วยเรื่องอะไร?
พิมประภา : เวลาปูไปขายในตลาด เค้าจะถูกมัดแขน มัดขาเอาไว้ มันเป็นเหมือนการจองจำ เป็นการทรมานร่างกายเค้า การที่เราไปตัดเชือกออก เชือกนั้นก็เปรียบเสมือนปัญหา ก็เหมือนเราตัดปัญหาออกไป ก็เหมือนปล่อยพันธนาการของเค้าให้เค้าเป็นอิสระ ถือว่าได้บุญ
ขอได้ทุกเรื่องไหม?
พิมประภา : ขอได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความรัก ถ้าตัดไปความรักก็ไปเลยนะ คือพิมถ้ามูพิมมูเรื่องงานอย่างเดียว ตอนนั้นเราไม่ได้ตั้งใจจะขออะไรใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้ทุกอย่าง ปัญหามันออกไป ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรในปีนี้แล้ว
ปล่อยปุ๊บงานคอนเฟิร์มปั๊บ ?
พิมประภา : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พิมตัดปุ๊บ น้องเดินลงทะเลไป สายเข้าทันทีแล้วก็คอนเฟิร์มงานเลย คือที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าทะเล ต้องเช็คก่อนนะคะว่าเค้าเปิดหรือยัง หลังจากที่พิมลงคลิปไป มีแฟนคลับมาบอกว่าเค้าไป แต่เค้าปิดไปแล้ว คนไปเยอะเกิน แล้วมันเสียระบบนิเวศ
หลังจากปล่อยปูเสร็จ งานคอนเฟิร์ม แล้วทำอะไรต่อ?
พิมประภา : ผู้จัดการเราเรื่องมูไม่ธรรมดา ก็เลยบอกว่าแม่หนูอยากได้พรีเซนเตอร์ปีนี้ ปีนี้หนูยังไม่ได้เลย แม่แอมก็เลยบอกว่ามีที่นึงแม่อยากพาไป ก็เลยพาพิมไปวัดป่าคลอง 11 พี่แอมก็บอกทริกมา บอกว่าให้ถวายบุญก่อน เหมือนเราอยากได้อะไรก็ต้องให้เค้าก่อน เราอยากได้พรอะไรมาก็ต้องให้บุญเขาไปก่อน ก็บอกว่าถ้าท่านเมตตาขอให้ท่านอำนวยอวยพรให้กับเราด้วย อีกทริกนึงเลย คือต้องมองตา มองแบบอ้อนวอนเลย หนูขอเถอะนะ ให้ท่านเห็นถึงความตั้งใจ ให้ท่านจำหน้าเราได้ มองตาตลอดที่ขอพร เหมือนเดิมค่ะไม่ได้ขอเรื่องความรัก ขอเรื่องงาน คือขอเรื่องเดียว ต้องมั่นใจด้วยนะ เราตั้งมั่นเลยว่าเราอยากได้สิ่งนี้ ตอนนั้นในใจพิมบอกว่า หนูขอพรีเซนเตอร์ตัวหนึ่ง
ภายในหนึ่งเดือนได้พรีเซนเตอร์จริงๆ ?
พิมประภา : ความที่พิมพ์ขี้ลืมใช่ไหม คนจะบอกว่าภายในหนึ่งปี พิมก็บอกว่า ปกติพิมขอพิมจะลืม พิมก็เลยบอกว่าภายในหนึ่งเดือน พอปลายเดือนปุ๊บได้จริงๆ ดีใจมาก พี่แอมก็เซอร์ไพรส์เพราะเราไปขอด้วยกันมา เค้าเลยไม่บอกว่ามีพรีเซนเตอร์ดิวมา จนกระทั่งวันเซ็นสัญญา เอาสัญญามาให้เลย
เห็นว่าพอได้ปุ๊บกลับไปขอบคุณ แต่ไปไหว้เฉยๆ ขอเพิ่มอีก?
พิมประภา : ก็ไปขอบคุณท่านและบอกท่านว่า ถ้าหนูยังเหลือบุญอยู่ หนูก็ขอให้ท่านนะ ถ้าหนูยังเหลือบุญอยู่เอ็นดูหนูด้วยนะคะ ขอให้หนูเพิ่มอีกสักตัวได้ไหม อันนี้เราไม่ได้คาดหวัง เพราะรอบที่สอง ท่านก็ให้มาอีก
ไปลุยต่อที่ใหม่ ไปคำชะโนดอีก?
พิมประภา : ใช่ค่ะไปคำชะโนดเลย ตอนนั้นทางบ้านผู้จัดการเค้าอยากไปทำบุญอยู่แล้ว ก็เลยยกกันไปหมดเลย มีถวายนางรำ ซึ่งพิมพ์ก็รำไปด้วยเลย
ขออีกไหม ?
พิมประภา : ก็ขอไว้ แต่ต้องลุ้นก่อนไม่รู้ว่าได้ไหม
คอนเทนท์ต่างๆใน TikTok เป็นคนคิดเองทั้งหมดเลย ?
พิมประภา : ใช่ค่ะ ตอนแรกเราไม่ใช่คนทำคอนเทนท์เก่งอะไร เราเน้นใช้ชีวิตประจำวันของเรามาเล่า แล้วลองสังเกตดูว่าคนในช่องเราชอบคอนเทนท์แบบไหน แล้วเราก็นำคอนเทนท์ที่เค้าชอบไปพัฒนา
เพราะตอนที่ผันตัวออกมาเป็นนักแสดงอิสระ สารคอนเทนท์จากความคิด ถ้าเราไม่ทำคอนเทนท์คนอาจจะไม่เห็นงานเรา?
พิมประภา : ใช่ค่ะ ด้วยความที่ละคร เดี๋ยวนี้มันจะกระจายไปหลายคน ก็คือไม่ได้มาถึงเราทั้งหมด ถ้าเราเล่นละครเรื่องนึงต่อปี คนจะเห็นเราแค่ 2-3 เดือน พิมก็คิดว่าทำยังไงให้คนเห็นเราตลอด โดยที่เราไม่ต้องรอละครเพียงอย่างเดียว ก็เลยคิดว่าโซเชียลเป็นช่องทางที่เราทำได้เอง เราไม่ต้องรอช่องอื่นเลย เรามาพัฒนาในช่องทางเราให้แข็งแรง
เรามาถูกทางเห็นบอกว่าตอนนี้ TikTok กลายเป็นช่องรายได้หลักของเรา ?
พิมประภา : ใช่ค่ะทุกวันนี้ก็เป็นรายได้หลักไปเลย
ส่วนใหญ่ที่สร้างรายได้จาก TikTok ขายอะไร ?
พิมประภา : TikTok ส่วนใหญ่จะเป็นคอนเทนท์รีวิวสินค้า และมีพรีเซนเตอร์เข้ามา
ตอนนี้ยอดคนติดตามเท่าไหร่ ?
พิมประภา : ตอนนี้ 4.6 ล้าน
การที่รับงานรีวิวก็ค่อนข้างเรื่องเยอะเพราะต้องลองก่อนอะไรดีไม่ดี ?
พิมประภา : พิมจะซีเรียสนิดนึง พิมอยากให้คนที่ช่องเค้าเชื่อเราได้จริงๆ ไม่อยากให้เขามาตั้งแง่ว่าสิ่งที่เราพูดมันใช้ได้จริงไหม แล้วพิมใช้จริงหรือเปล่า หลายคนชอบคิดว่าสิ่งที่ดาราถือ เป็นสิ่งที่เขาจ้างแหละ ไม่ได้ใช้จริง คนที่ติดตามพิมในช่อง จะเห็นว่าไม่ว่าเวลาพิมไลฟ์ หรือใช้ชีวิตจริงๆ เค้าจะเห็นว่าสิ่งต่างๆ ที่พิมรีวิวอยู่ในช่อง พิมใช้จริง แล้วสิ่งหนึ่งที่พิมซีเรียสมาก คือสินค้าที่ต้องการเข้าไป เพราะถ้าลูกค้ากินเข้าไปแล้วมันไม่ดีต่อร่างกาย แล้วเกิดอะไรขึ้นเราก็เสียด้วย เพราะเราเป็นคนพูดออกไป พิมเลยต้องบอกพี่แอมว่า ทุกสินค้าที่ติดต่อเข้ามา โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการเข้าไป พิมขอใบรับรอง ขอเอกสารทุกอย่าง เพื่อพิมจะได้มั่นใจ และพิมขอเทสด้วยตัวเองก่อน เพื่อคนที่กินตามพิมไปเค้าจะได้เซฟ
หลายคนสงสัยทำไมไม่เปิดหน้าแฟน?
พิมประภา : เค้าเป็นคนที่อยู่นอกวงการมากๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆ เป็นคนขี้อายสุดๆ เค้าบอกว่าอย่าพึ่งเปิดหน้าเลยได้ไหม แต่เวลาออกไปไหนก็ออกไปปกติ ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ
แต่ก็มีการบอกชื่อ?
พิมประภา : ใช่ ทุกคนก็รู้ว่าชื่อพี่ไอซ์ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จริงๆ มีคนเคยเห็นอยู่แล้ว แค่เค้าไม่อยากให้ลงแบบประกาศขนาดนั้น เค้าไม่อยากอยู่ในแสง
มีแพลนแต่งงานไหม?
พิมประภา : ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ จริงๆ เคยขอเขาไว้ พิมขอทำงานก่อนได้ไหม พิมก็บอกเขาตรงๆ พิมเพิ่งมามีงานเอง ที่ผ่านมาเห็นใช่ไหมเราก็ไม่ได้มีงานเยอะ พิมเพิ่งมีงาน ขอเวลาให้พิมทำงานหน่อยได้ไหม
คบกันมากี่ปีแล้ว?
พิม : 3 ปีครึ่งแล้ว
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.