“น้องดรีม” NCT DREAM ตัวเป็นน้อง แต่ความสามารถเป็นพี่ กับคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดของทัวร์ 2024 ในไทย

รีวิวคอนเสิร์ต 2024 NCT DREAM WORLD TOUR in BANGKOK น้องดรีมที่ราชมังฯ จะเป็นตำนานของเส้นไทยตลอดไป

เชื่อว่ารอกันมานานสำหรับชาว NCTzen ไทย ในที่สุดเราก็ได้ดูคอนเสิร์ตของ NCT DREAM ที่ราชมังคลากีฬาสถาน สถานที่จัดคอนเสิร์ตสเกลสเตเดี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่จัดไปเมื่อวันที่ 22-23 มิ.ย. 2024 ที่ผ่านมา

 

แม้ว่ากว่าที่แต่ละคนจะได้บัตรมาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สุดท้ายแฟนคลับของ NCT DREAM ก็เติมเต็มทุกที่นั่งในราชมังฯ จนเต็มเอี๊ยด ทำให้บัตรขายหมดเกลี้ยงทั้งสองวันการแสดง และบัตรขายหมดตั้งแต่วันแรกที่เปิดขายรอบทั่วไป รวมถึงการขยับขยายพื้นที่ จากการแสดงครั้งแรกที่ธันเดอร์โดม (10,000 คน) ครั้งที่สองขยับเป็นอิมแพ็ค อารีน่า (35,000 คน) จนมาถึงเวิลด์ทัวร์ครั้งที่ 3 ที่ราชมังฯ กับจำนวนแฟนๆ 65,000 คน พิสูจน์ความเฟมัสของ NCT DREAM ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ทำให้ NCT DREAM ได้เป็นศิลปินจากค่าย SM Entertainment กลุ่มแรกที่ได้จัดคอนเสิร์ตของวงที่ราชมังฯ และยังทำลายสถิติศิลปินของ SM ที่ขายบัตรคอนเสิร์ตในประเทศไทยได้มากที่สุดตลอดกาลอีกด้วย

…นี่แค่เกริ่นนำ จากนี้ไปจะเริ่มเข้าสู่ช่วงอวยอย่างเต็มที่แล้ว

เราได้มีโอกาสชมคอนเสิร์ตของ NCT DREAM ทั้งสองวัน ทั้งที่นั่งโซนกราวด์ และที่นั่งโซนสแตนด์ (ชั้น 1) ทำให้สามารถซึมซับบรรยากาศในคอนเสิร์ตได้อย่างเต็มอิ่มจากทั้งสองโซน ส่วนตัวโซนกราวด์เห็นศิลปินชัดกว่าแต่เห็นแสงสีเสียงได้น้อยกว่า และถ้าอยู่แถวหลังๆ มีสิทธิ์โดนคนข้างหน้าบังนิดหน่อย ในขณะที่โซนสแตนด์อาจจะไกลจากศิลปินหน่อย แต่แสงสีเสียงจะเห็นได้ชัดมากๆ ไม่มีอะไรบัง เราชอบทั้งสองแบบเลยเลือกวันละโซน

 

เซ็ตลิสต์

คอนเสิร์ตความยาว 3 ชั่วโมง กับจำนวนเพลงทั้งหมด 25 เพลง ถูกแบ่งออกเป็นช่วงๆ มากถึง 9 ช่วง โดยแต่ละช่วงจัดเพลงและรูปแบบการแสดงเอาไว้ต่างกัน

ช่วงแรก - เพลง “BOX”, “119”, “SOS”, “GO” เป็นเซ็ตเพลงเปิดคอนเสิร์ตสุดโหด สมาชิกในวงทุกคนปล่อยพลังความเท่ออกมาในทุกเพลง เน้นเต้นเป๊ะ หน้าเป๊ะ สมกับเป็น NCT ที่ชื่อนี้รับประกันด้านเพอร์ฟอร์มานซ์มาตลอด ทุกเพลงล้วนกระตุ้นอารมณ์ให้คนดูไฮป์ไปกับการแสดงได้ตลอด เหมือนเป็นการเตือนความจำว่า NCT DREAM ไม่ได้มาเล่นๆ

ช่วงที่ 2 - หลังจากทักทายกันหอมปากหอมคอ ก็มาถึงเพลงแนวเซ็กซี่ขยี้ใจกับจังหวะเนิบนาบแต่เต้นเอาตายกับ “Poison” และสนุกแบบเกรี้ยวกราดอีกครั้งกับ “Drippin’” เพลงช่วงนี้เป็นช่วงที่เห็นอินเนอร์ในการแสดงบนเวทีของสมาชิกแต่ละคนชัดมาก เรียกว่าน่าจะเป็นช่วงปล่อยของ ช่วงดึงให้โดนตก สายชอบเพอร์ฟอร์มานซ์เท่ๆ เซ็กซี่ๆ ก็ชอบสองช่วงแรก

ช่วงที่ 3 - เมดเล่ย์เพลงจังหวะสนุกๆ แบบนอนสต็อปกับ “Arcade”, “We Go Up”, “Bungee” สำหรับ “We Go Up” ที่แฟนๆ น่าจะเคยดูในคอนเสิร์ตครั้งก่อนๆ มาแล้ว รอบนี้เวอร์ชั่นเมดเล่ย์ก็แปลกใหม่ไปอีกแบบ

ช่วงที่ 4 - จังหวะช้าลง บรรยากาศเย็นๆ ขึ้นมาทันทีกับ “Walk With You”, “Never Goodbye”, “Breathing” และ “Unknown” เพลงของช่วงนี้ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการทางดนตรีของ NCT DREAM ได้อย่างชัดเจน นอกจากจะเป็นช่วงเน้นร้องเป็นหลักแล้ว แนวเพลงก็โตขึ้น หม่นขึ้น ไม่ได้สดใสหวานแหวว แต่เนื้อเพลงยังคงอบอุ่นและให้กำลังใจคนฟังเหมือนเพลงส่วนใหญ่ของ NCT DREAM สายโวคอลก็จะถูกใจช่วงนี้

ช่วงที่ 5 - พูดไม่ทันขาดคำ น้องดรีมก็กลับมาที่ซิกเนเจอร์ของตัวเอง คือความน่ารักสดใส จัดไปทั้งเพลง “Tangerine Love (Favorite)”, “Yogurt Shake”, “Pretzel” และ “Candy” เพลงไม้ตายของน้องดรีม ที่เป็นชูโรงของช่วงนี้ที่เป็นการแสดงเน้นเอนเตอร์เทน ส่งพลังบวกให้คนดูด้วยท่าทางการร้องการเต้นที่เป็นธรรมชาติ เดินเข้าหาแฟนๆ หยอกล้อกันเองให้แฟนๆ กรี๊ดเล่น เป็นช่วงที่สมาชิกทุกคนแสดงอย่างอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อปูอารมณ์เข้าสู่ช่วงต่อไป

ช่วงที่ 6 - คิดว่าน่าจะเป็นช่วงไฮไลต์ของการแสดง ที่เชื่อว่าเป็นช่วงโปรดของใครหลายๆ คน เพลง “Dream Run”, “Better Than Gold”, “Firefiles”, “Hello Future” และ “Broken Melodies” เพลงกลุ่มนี้ไฮป์คนดูได้ดีมาก นอกจากที่น้องดรีมจะเรียกให้คนดูลุกขึ้นยืนเพื่อสนุกกันอย่างเต็มที่แล้ว แสง สี เสียง ทั้งบนเวที และจากแท่งไฟที่เนรมิตทั้งสเตเดี้ยมให้กระพริบไฟตามจังหวะเพลง สร้างสรรค์ภาพต่างๆ รวมถึงเป็นคำจากเนื้อเพลงได้อย่างอิสระและสวยงาม จบด้วยพลุเซ็ตใหญ่ ยิ่งเพิ่มความน่าตราตรึงใจ สมแล้วกับโชว์ที่ดีไซน์มาเพื่อเล่นที่สเตเดี้ยมโดยเฉพาะแบบนี้

ช่วงที่ 7 - ถ้าคิดว่าจะปิดคอนเสิร์ตด้วยเพลงที่เปี่ยมไปด้วยพลัง พร้อมพลุเซ็ตใหญ่อย่าง “Broken Melodies” ล่ะก็ คุณคิดผิด เพราะ NCT DREAM ยังกลับมาพร้อมกับการแสดงอีก 3 เพลง “Skateboard” เพลงม้ามืดเหนือความคาดหมาย ที่ออกแนว ‘90s-2000s แล้วโชว์ดีไซน์ให้มีช่วงเบรกแดนซ์ของแต่ละคน ทั้งเต้นฮิปฮอป ตีลังกาบนพื้น หมุนตัว 360 องศา ยืนต่อตัวกับแดนเซอร์ ก้มให้เพื่อนข้ามหัว ฯลฯ เป็นเซอร์ไพรส์ที่ทำได้ดีและน่าจะฝึกกันมาหนักมาก ก่อนจะจบด้วย “ISTJ” และ “Smoothie” ที่มุทะลุดุดันไม่เกรงใจใคร จังหวะดนตรีกระแทกกระทั้นเร้าใจ ก่อนจะจบด้วย… อะแฮ่ม การปลดกระดุมเสื้อเผยบอดี้แน่นๆ ของเจโน่ เจ้าของฉายา หน้าคิตตี้ บอดี้มาร์เวล ประจำวง (ซึ่งเจโน่ปลดกระดุมเสื้อในไทยทั้งสองวัน และไม่ใช่ทุกที่ที่เจโน่จะเผยผิวแบบนี้)

ช่วง Encore + Ending - NCT DREAM ใกล้ชิดแฟนๆ มากขึ้นด้วยรถเลื่อนที่แบ่งออกเป็นฝั่งละ 3 คน รถรางวิ่งสลับซ้ายขวา ทำให้แฟนๆ ฝั่งสแตนด์ได้เห็นสมาชิกใกล้มากขึ้นครบทั้ง 6 คน พร้อมลุ้นรับลูกบอลพร้อมลายเซ็นจากพลังแขนของศิลปิน เพลงในช่วงนี้จึงเป็นเพลงเน้นร้องฟังสบายอย่าง “Blue Wave”, “Dive Into You” และ “ANL” ที่แฟนๆ หลายคนร้องตามกันได้

ก่อนที่สมาชิกทุกคนจะกลับขึ้นเวที พูดขอบคุณแฟนๆ เป็นครั้งสุดท้าย และโบกมือลากันด้วยเพลงช้าสุดโรแมนติกอย่าง “Like We Just Met”

จะเห็นได้ว่าเซ็ตลิสต์ถูกแบ่งเป็นกลุ่มเพลงตามอารมณ์ ตามการออกแบบของโชว์แตกต่างกัน แต่ละช่วงการแสดงสมาชิกแต่ละคนได้แสดงศักยภาพในการเป็นศิลปินครบทุกด้าน ทั้งร้อง เต้น เล่น หรือเอนเตอร์เทน

 

เพอร์ฟอร์มานซ์

ในแต่ละเพลงของคอนเสิร์ตนี้ ที่โชว์ทักษะของศิลปินทั้งร้อง เต้น เล่น หรือเอนเตอร์เทนครบทุกด้าน ไม่มีส่วนที่ดูแล้วคิดว่า NCT DREAM ทำได้ดีน้อยไปกว่ากันเลย ครบเครื่องครบรสในทุกๆ อย่างที่ศิลปินบวกไอดอลวงหนึ่งที่ควรทำได้ และทำออกมาได้ดี เป็นธรรมชาติ มีอินเนอร์ในแต่ละเพลงทั้งเพลงเร็ว เซ็กซี่ ทรงพลัง สนุกสนาน ขี้เล่น ไปจนถึงอบอุ่น และซึ้งกินใจ ทุกคนแสดงออกมาได้อย่างชัดเจนและรับรู้ได้จริงๆ

ในส่วนของการเต้น แม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเต้น แต่เราก็ติดตามศิลปินไอดอลมายาวนานนับสิบปี พาร์ทเต้นของ NCT DREAM ยังคงทำได้ดีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเห็นถึงความมั่นใจในการแสดงมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เห็นแววกังวล และแสดงอินเนอร์ตามเพลงได้อย่างเป็นธรรมชาติ นี่สินะประสบการณ์น้องดรีม ไอดอล 8 ปี

ส่วนการร้อง จริงๆ ไม่ได้เซอร์ไพรส์กับสกิลการร้องของแฮชาน และเฉินเล่อ เมนโวคอลของวง เพราะรู้ดีมาตลอดว่าทั้งสองคนเสียงดีมากขนาดไหน แต่เซอร์ไพรส์กับการทุ่มเทในการร้องสดของทั้งสองคนนี้มากกว่า ที่พอได้ยินกับหูจริงๆ แล้วทึ่งกับเนื้อเสียงที่น่าฟัง เทคนิคการร้องที่ดีเยี่ยม ไฮโน้ต แอดลิปทำได้ดีจนน่าประทับใจ รวมถึงเสียงร้องของคนอื่นๆ ด้วย ที่ทำได้มั่นคงมากทั้งที่เต้นไปร้องไปตลอด 3 ชั่วโมง อย่างมาร์คเองแม้จะเป็นเมนแร็ป แต่ช่วงร้องก็ยังมีการเปลี่ยนโน้ตจากต้นฉบับ เพิ่มลูกเล่นการร้องเพลงเข้าไปด้วย สกิลการร้องของแต่ละคนก้าวกระโดดจากทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่แล้วจริงๆ

การเล่น และเอนเตอร์เทน ในคอนเสิร์ตครั้งที่ ทุกคนเหมือนมีความมั่นใจมากขึ้น รู้วิธีที่จะสนุกไปกับการแสดงบนเวทีมากขึ้น คลายความกังวลลง และดื่มด่ำกับการแสดงบนเวทีไปพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมวง เราจะเห็นได้จากการที่ทุกคนในวงหยอกล้อเล่นกันอย่างเป็นธรรมชาติไม่ซ้ำกันสักวัน ในขณะที่ปากก็ยังร้อง แขนขาก็ยังเต้นอยู่ แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา ถ้าศิลปินแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ และมีความสุขจากหัวใจจริงๆ แบบนี้ นี่แหละที่จะทำให้คนดูมีความสุขตามไปด้วยอย่างแท้จริง

 

สมาชิกในวง

แต่ละคนเหมือนได้มีบทบาทที่แตกต่างกัน โดยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ มีเสน่ห์ที่เปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจน ไม่มีใครจม ไม่มีใครหายไปจากวงจนคนจำไม่ได้

มาร์ค หัวหน้าวงของแทร่ ในคอนเสิร์ตนี้มีแต่ความเท่ เท่ แล้วก็เท่ ทุกครั้งที่มาร์คเต้น และแร็ป คือโมเมนต์ที่มาร์คเปล่งประกายที่สุด นอกจากนี้ยังคอยดูแลน้องๆ ในวงตลอดการแสดง จังหวะที่น้องไปไม่เป็นก็เข้าไปช่วย และยังพูดเมนต์ให้กับแฟนๆ ได้ซึ้งสุดๆ

คอนเสิร์ตนี้มาร์คเลือกที่จะพูดภาษาอังกฤษเยอะมาก แทบจะไม่พูดภาษาเกาหลีเลย (ก็เลยยิ่งดูเท่ไปกันใหญ่) ไม่แน่ใจว่ามาร์คคิดอะไรถึงทำแบบนั้น แต่ถ้าให้เราเดาเอาเอง (แบบเข้าข้างตัวเองด้วย) คิดว่ามาร์คน่าจะอยากสื่อสารกับแฟน โดยตรง โดยเฉพาะช่วงเมนต์ที่มาร์คพูดอังกฤษล้วน มาร์คอาจจะอยากเลือกพูดภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาแม่ของตัวเอง ที่มาร์คอาจจะมั่นใจในการแสดงอารมณ์ออกมาผ่านคำต่างๆ ได้อย่างชัดเจนและเต็มที่โดยไม่มีคำไหนหายไประหว่างการแปล (แม้ว่าคุณเจยอง ล่ามไทยของเราจะแปลได้ดีเยี่ยมอยู่แล้วก็เถอะ แปลดีจนจีซองเอ่ยปากชม)

เจโน่ สมาชิกพูดน้อยต่อยหนัก โดดเด่นเรื่องการเพอร์ฟอร์มท่ายากของวง แต่ด้วยโทนเสียงต่ำ ท่อนแร็ปเลยรื่นหูมากๆ ตอนเต้นก็แสนเท่ แต่พอยิ้มตาสระอิคือกรี๊ดกันลั่นฮอลล์ แม้ว่าจะโดนกล้องซูมเนื้อหนังมังสาเยอะไปสักหน่อย แต่ท้ายที่สุดการมีวินัยในการปั้นหุ่นของเขาก็สัมฤทธิ์ ทั้งดูดีและช่วยเรื่องการเพอร์ฟอร์มบนเวทีด้วย ไม่เหนื่อยง่าย ไลน์เต้นแข็งแรง ช่วงแร็ปเสียงนิ่งฟังชัด และคอยเล่นกับคนดูอยู่ตลอด เป็นคนที่มีเสน่ห์แบบที่ไม่ต้องพยายามทำอะไรมาก อยู่นิ่งๆ ก็หล่อแล้ว

แฮชาน ถ้าให้เลือกใครสักคนที่ครบเครื่องที่สุด เราเลือกแฮชาน นอกจากจะเป็นเมนโวคอลที่เนื้อเสียงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร และรับหน้าที่ไฮโน้ตยากๆ ไปหลายเพลงแล้ว ตอนเต้นแฮชานถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสายตาและท่าทางของเขาให้เราเห็นได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นที่สุดของแฮชานมากพอๆ กับสกิลการร้องเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีไหวพริบที่ดีในการต่อบทสนทนากับเพื่อนร่วมวงให้ช่วงเมนต์มีสีสันมากขึ้นอีกด้วย ในวงการไอดอลหาคนที่ครบเครื่องแบบนี้ได้ยากจริงๆ

แจมิน รับหน้าที่วิชวล พูดไทย และปากหวานประจำวง นอกจากเรื่องหน้าตาขึ้นกล้องที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกรักช่างภาพ (ที่ตัวเองก็กลายมาเป็นช่างภาพเสียเอง มีนิทรรศการภาพของตัวเองด้วย) แล้ว แจมินยังเป็นคนพูดภาษาไทยเยอะที่สุดในวง ทั้งอ่านบทจากจอมอนิเตอร์ พูดเองจากความจำในหัว และพยายามเลียนเสียง และถามล่ามอยู่บ่อยๆ ว่าพูดยังไง พูดเมนต์ทีแฟนๆ กรี๊ดลั่นเพราะชมแฟนๆ ชาวไทยไม่หยุด ยิ้มหวานตลอดการแสดง การแสดงออกทางใบหน้าของแจมินที่น่ารักอ่อนหวาน เรียกได้ว่าเป็นตัวตนของ NCT DREAM ได้เลยจริงๆ เกิดมาเพื่อเป็นไอดอลโดยแท้ ถึงตอนเพอร์ฟอร์มก็เป็นเซ็นเตอร์ของวง ดึงความสนใจคนดูได้ดี และยังร่างกายแข็งแรงเต้นท่ายากๆ อย่างการหมุนตัวและต่อตัวกับแดนเซอร์ก็ยังทำได้อย่างราบรื่นไร้ที่ติ

เฉินเล่อ รับหน้าที่เมนโวคอลได้ดีมาก ดีอย่างเหลือเชื่อ ปกติเฉินเล่อร้องเพลงดีอยู่แล้ว แต่เมื่อต้องรับผิดชอบในท่อนของเพื่อนร่วมวงที่ไม่ได้ขึ้นแสดงด้วยอย่างเหรินจวิ้น เฉินเล่อก็ร้องแทนได้เป็นอย่างดี แถมยังรักษาคุณภาพในการร้องได้อย่างคงเส้นคงวาตลอดการแสดง จะไฮโน้ต แอดลิป ไลน์ประสาน เฉินเล่อเอาอยู่หมด นอกจากนี้ยังร้องออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบที่ไม่ฝืนเส้นเสียง ไม่บีบเค้นเสียงของตัวเองด้วย ถือว่าเป็นไพ่ลับประจำวงด้านโวคอลจริงๆ ยังไม่นับอารมณ์ขันและความน่ารักเป็นธรรมชาติของเฉินเล่อด้วยที่ทำให้เฉินเล่อโดดเด่นมากในคอนเสิร์ตครั้งนี้ เด่นจนติดเทรนด์ใน X เลยทีเดียว

จีซอง สำหรับเราแล้ว จีซองมีความใกล้เคียงกับมาร์คมากที่สุด ทั้งในเรื่องของสกิลการเต้น การแร็ป และเรื่องบุคลิกท่าทางการพูดการจา ที่มั่นใจมากเวลาแสดง แต่แอบเขินอายเล็กๆ เวลาพูดคุย ซึ่งนั่นเป็นเสน่ห์ที่เห็นได้ชัดของจีซอง นอกจากนี้จีซองยังเป็นอีกคนหนึ่งที่มีเนื้อเสียงโทนต่ำที่ดี เหมาะทั้งแร็ปและร้อง มีไลน์เต้นที่ชัดเจนเห็นมาแต่ไกล และถ่ายทอดอารมณ์ผ่านสีหน้าท่าทางการเต้นได้ดีมากเช่นกัน อายุแค่ 22 ปีแต่ความสามารถไม่ด้อยไปกว่าพี่ๆ ในวง และใน NCT เลยด้วย

 

โปรดักชั่น

เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตในฝันของทั้งศิลปิน และแฟนเพลง สเกลสเตเดี้ยมที่เนรมิตเวทีขนาดใหญ่ มีพื้นยกระดับทั้งสเตจหลัก และสเตจรอง ทางเดินบนเวทีออกไปทั้งสองข้าง จอ LED ขนาดยักษ์ที่แฟนเพลงบนชั้น 3 ก็ยังเห็นชัด กระดาษโปรยหลากหลายรูปแบบ เครื่องพ่นไฟ เครื่องยิงเลเซอร์ รถเลื่อนอัตโนมัติ พลุจำนวนมาก และโดรนเพื่อโชว์วิวสวยๆ จากมุมสูงระหว่างแสดง

และที่สำคัญคือ ไพโรเทคนิคที่ควบคุมการแสดงสีไฟบนแท่งไฟ ที่รังสรรค์รูปทรงต่างๆ รวมถึงตัวอักษรเป็นคำจากเนื้อเพลงได้อย่างสวยงามตามจังหวะและอารมณ์ของเพลง ที่คราวนี้ในไทยได้ใช้รูปแบบเดียวกันกับเกาหลี และญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก (รวมถึงประเทศอื่นๆ ด้วย)

และคราวนี้ค่ายส่งแดนเซอร์เซ็ตใหญ่มาร่วมแสดงด้วย (ทัวร์คอนเสิร์ตคราวที่แล้วไม่มีแดนเซอร์ ทำให้โชว์บางส่วนในไทยมีการปรับลดทอนลงเล็กน้อยจากโชว์ที่เกาหลี) แสง สี และเสียงไม่มีอะไรบกพร่องทั้งในวันที่เราอยู่โซนกราวด์ และโซนสแตนด์ เป็นอีกครั้งที่โปรดักชั่นทำได้ดีไม่มีที่ติ

การจัดการของทีมงานในการตรวจคนเข้างาน แม้ว่าคนจะเยอะมากแต่คนก็เข้างานได้ทันเวลา บรรดาอาหารการกินก็มากมายครบครันไม่ขาด แจกเสื้อกันฝนก่อนเข้างาน (แต่โชคดีที่ไม่ได้ใช้) อนุญาตให้แฟนเพลงเอาน้ำดื่มขวดเล็กเข้าไปได้ และยังมีโซนขายน้ำดื่มให้ภายในสเตเดี้ยม จบงานก็มีบริการรถสองแถวไปส่งในบางจุดด้วย ถือว่าจัดการได้ดี ไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ ให้หมดสนุก

สรุป

ภาพรวมของการแสดงคอนเสิร์ตของ NCT DREAM ในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าจากประสบการณ์ยาวนานหลายปี บวกกับการซ้อมหนัก ทำให้แต่ละคนพัฒนาและเติบโตมากขึ้นอีกก้าวในทุกๆ ด้าน การแสดงเป็นธรรมชาติ ที่ไม่ทำให้คนดูต้องดูไปลุ้นไป แต่ดูได้อย่างสบายอกสบายใจไร้กังวล ไม่ต้องเอาใจช่วยใดๆ เพราะแต่ละคนทำหน้าที่ของตัวเองออกมาได้ดี และแบบสบายๆ แสดงออกมาเหมือนง่าย แต่จริงๆ น่าจะผ่านการฝึกซ้อมมาอย่างโชกโชน ความตั้งใจในทุกรายละเอียดได้แสดงให้แฟนๆ เห็นอย่างชัดเจน

ทุกอย่างเรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์ เต็มอิ่มทั้งโชว์และอารมณ์ความรู้สึกที่ได้รับ ไม่ใช่โชว์แห้งๆ ศิลปินตั้งใจแสดง แฟนๆ ก็ตั้งใจไปดูกันจริงๆ ขอยกเครดิตให้กับ NCTzen ชาวไทยด้วยจริงๆ ที่ทำให้คอนเสิร์ตในครั้งนี้สนุกมาก แฟนๆ ร้องเพลงตาม กรี๊ดเสียงดัง ส่งเอนเนอร์จี้ดีๆ ให้ศิลปินไปมากมายเช่นกัน รวมถึงแฟนโปรเจกต์ที่เตรียมให้ทั้งกล่องไฟ แบนเนอร์ สโลแกน ฯลฯ ก็เพิ่มบรรยากาศดีๆ ให้กับคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย จนเฉินเล่อเอ่ยปากชมตั้งแต่วันแรกว่า การแสดงคอนเสิร์ตที่ไทย คือที่สุดของเขาตั้งแต่ที่เขาทำมาทั้งหมด และมาร์คที่บอกว่า จากทุกประเทศที่เขาได้ไปเล่นคอนเสิร์ตมา แฟนๆ ชาวไทยเป็นผู้ชมที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง และประเทศไทยเป็นประเทศที่น่ามาเล่นคอนเสิร์ตที่สุดที่หนึ่งด้วย

แม้ว่าประเทศไทยจะอากาศร้อนจัดๆ แต่ละคนเหงื่อไหลไคลย้อยตั้งแต่ 1 นาทีแรกที่ออกมายืนบนเวที แต่ทุกคนยอมรับว่าสนุกมาก จีซองเองก็บอกว่า จะไม่มีวันลืมความทรงจำของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เช่นกัน ถ้าจะให้ขาดอย่างเดียวก็คงจะเป็นขาด เหรินจวิ้น สมาชิกเมนโวคอลที่เต้นดีมากอีกคนที่งดทัวร์คอนเสิร์ตเนื่องจากปัญหาสุขภาพ แต่ NCT DREAM สัญญาแล้วว่าคอนเสิร์ตครั้งหน้าครบ 7 คนแน่นอน

น้องดรีมที่ดีที่สุด คือน้องดรีมในวันนี้ ที่ดีกว่าเมื่อวานเสมอ นั่นทำให้โชว์ครั้งนี้น้องดรีมโตขึ้นจากทัวร์ครั้งที่แล้วอีกหนึ่งเลเวล แต่แม้ว่าคำนำหน้าจะเป็นน้องดรีม แต่สกิลเป็นพี่ดรีมได้สบายๆ จากสเกลธันเดอร์โดม มาอิมแพ็ก และจบที่ราชมังฯ น้องดรีมทำได้สมการรอคอย และเกินความคาดหวังไปมากจริงๆ

…ประกาศทัวร์คอนเสิร์ตครั้งต่อไปมาได้เลย NCT DREAM ออกอัลบั้มใหม่เมื่อไร เจอกันแน่นอน!

Written by: Rinyaphat W. (NCTzen since 2018)

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.