"ใหม่ สุคนธวา" เปิดใจพร้อมคุณพ่อ เล่าชีวิตวัยเด็กต้องต่อสู้ วันนี้ภูมิใจซื้อบ้านราคา 60 ล้านให้พ่อ
ใหม่ สุคนธวา ควง คุณพ่อปัญญา มาเปิดเผยนาทีบีบหัวใจ คุณพ่อมีอาการบ้านหมุนล้มหัวฟาด หัวอกคนเป็นลูกสะเทือนใจขนาดไหน ? และขอเคลียร์ปมในใจที่ติดค้างกับคุณพ่อเป็นครั้งแรก พร้อมลั่นไม่หวั่นคนมองสร้างภาพ ดื่มน้ำล้างเท้าพ่อ เปิดมุมน่ารักคุณตา คุณหลานตัวติดกัน ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ Show ทางช่อง One31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกร
คุณพ่อมีบ้านราคา 60 ล้าน อยากไปอยู่กับคุณพ่อ ?
คุณพ่อ : ลูกสาวซื้อให้ครับ
บ้านหลังนี้คุณพ่ออยุ่มากี่ปีแล้ว ?
คุณพ่อ : 2 ปี ได้แล้วครับ นึกไม่ถึงว่าใหม่จะซื้อให้พ่อใหญ่ขนาดนี้ ใหม่บอกว่าซื้อให้พ่อนะบ้านหลังนี้ พ่อภูมิใจมาก
บ้านใหม่กับบ้านเดิมคุณพ่อชอบอยู่ตรงไหนมากกว่ากัน ?
คุณพ่อ : บ้านหลังเดิมพ่ออยู่มา 30 ปี มันก็ต้องมีความผูกพันบ้าง ใหม่อยากจะให้พ่ออยู่ในสิ่งที่ดีกว่าเดิม ใหม่ก็พามาดูบ้านก่อนว่าเป็นยังไง ใหญ่สุดๆในหมู่บ้านนี้แล้วครับ
ใหม่หวงพ่อยิ่งกว่าแฟน ?
ใหม่ : ห่วงและหวงมากๆ ด้วยการที่คุณพ่อจะคิดว่าตัวเองวัยรุ่นตลอดเวลา คิดว่าตัวเองยังไม่ถึง 75 คิดว่าตัวเอง 60 กว่า ชับรถร้อยกว่าเกือบสองร้อย แต่งตัววัยรุ่น กระฉับกระเฉง ก็เลยห่วงในเรื่องที่เขาชอบดื้อคิดว่าแข็งแรง กลัวล้ม เลยบอกพ่อว่า พ่อต้องรับให้ได้นะว่าตอนนี้รู้แหละกายข้างนอกมันแข็งแรง แต่ข้างในมันต้องตามอายุมัน 75 แล้ว พ่อก็บอกว่าพ่อยังไหว จะอยู่ยันหลานบวช ห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า
เวลาคุณตาเล่นกับหลานๆ มีเรื่องอะไรที่ทำให้เราใจฟูมาก ?
ใหม่ : ทุกครั้งเวลาเขาอยู่บ้านเขาจะช่วยเลี้ยงหลานไม่ค่อยได้แต่ช่วยเล่นกับหลานได้ แล้วก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่ชิณะลูกคนโตเขาแกล้งชีตาร์มาตีมั่ง มาผลักมั่ง คุณตาเขาก็มองสองคนนั้นอยู่มองพี่ชายแกล้งน้องสาว ไม่รู้เขาคิดอะไรเขามองแล้วก็พูดออกมาว่า “โดนพี่เก่งเขาแกล้งหรอครับ” พี่เก่งคือพี่ชายของใหม่ที่ชื่อว่าเก่ง เขาเหมือนกับย้อนความทรงจำไปเห็นภาพว่าชิณะคือพี่เก่ง ชีต้าร์คือน้องใหม่ มันเลยทำให้เรารู้สึกขนลุกและจุกอกว่าเขานึกถึงเราตอนเด็กๆ นึกถึงความสุขและนึกถึงบรรยาศในการแกล้งกัน เราก็เลยรู้สึกว่าความทรงจำของลูก 42 ปีแล้วเขายังจำได้ไม่มีวันลืม เลยทำให้เรารู้สึกว่า เขาคงนึกถึงเรื่องเก่าๆของเราเนอะ เวลาเราป้อนข้าวลูก เขาคงนึกถึงตอนที่เขาป้อนข้าวเรา
ตอนนั้นเรานึกถึงลูกเราจริงๆ หรือว่ามันไปเอง ?
คุณพ่อ : ไปเองครับ ฝังในใจบ้าง เพราะว่าตอนเล็กๆ พี่ชายกับน้องสาวเป็นธรรมดาพี่ชายชอบแกล้งน้อง ภาพก็จะเหมือนชิณะกับชีต้าร์เหมือนกัน ตามธรรมดาเด็กๆ
อยากรู้ว่าภาพ ณ ตอนนี้ลูกสาวคนนี้โตแล้ว แต่ว่าภาพความทรงจำในหัวที่ยังเห็นเขาเป็นเด็กน้อยมันยังชัดเจนขนาดไหน ?
คุณพ่อ : ยังชัดเจนทุกวัน เหมือนเป้นลูกคนเล็กตลอดไป
ใหม่ : ใหม่พูดกับพ่อตลอดว่า พ่อ ใหม่ 42 แล้วนะ ใกล้จะ 50 แล้วนะ พ่อก็ยังมองเราว่าเหมือนเพิ่งไปโรงเรียน ภูมิหลังของใหม่คือคุรพ่อกับคุณแม่เลิกกันตั้งแต่ตอนที่ใหม่อายุ 3 เดือน เพราะฉะนั้นใหม่ก็จะไม่เคยเห็นหน้าคุณแม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือว่าในรูป คุณพ่อจะทำหน้าที่แม่และพ่อในคนเดียวกัน เขาเลยค่อนข้างผูกพันและมีประสบการณ์กับเราค่อนข้างเยอะ
เห็นว่าคุณพ่อเก็บรายละเอียดเก่งมาก เรื่องไหนบ้าง ?
คุณพ่อ : เกี่ยวกับบันทึกความทรงจำของใหม่ พ่อจะพยายามรวบรวมเก็บไว้ บางอย่างใหม่เขาไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้พ่อก็เก็บไว้ก็มี บันทึกเล็กๆของใหม่พ่อก็เก็บมาบ้าง มันมีคุณค่ามาก
ใหม่ไม่เคยเห็นเลยใช่มั้ย ?
ใหม่ : จำไม่ได้เลยกับสมุดเล่มนี้ ลืมมันไปแล้ว สาบานต่อหน้าไฟว่าเราไม่เคยเห็นเลย ถ้าพ่อบอกว่า 6-7 ขวบ นี่คือ 42 เพิ่งมาเห็นครั้งแรก สิ่งที่เราน้ำตาไหลคือมันทำให้เรารู้สึกว่าบางอย่างที่เราคิดว่าไม่มีค่า แต่มีค่าสำหรับเขา แต่ในบางเรื่องที่เรามองข้ามเขาไปมันมีค่าสำหรับเขามากแต่เราไม่ใส่ใจเท่าที่เขาใส่ใจเราขนาดนี้ ทุกวันนี้เรายังไม่ได้ให้ลูกของเราทำขนาดนี้ เขาอาจจะยังเขียนไม่เป็นได้แต่มันกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาทำมันทำให้เราตื้นตันใจ อันนี้จะทิ้งขยะก็ได้แต่เขาเก็บขึ้นมาแล้วมองว่ามันมีคุณค่าสำหรับเขา อันนี้เขาเป็นผู้ชายที่น่ารักจังเลย เป็นพ่อที่ดีของเราจังเลย เป็นพ่อที่ใส่ใจในรายละเอียดจังเลย
มีเรื่องที่เป็นปมในใจใหม่ที่อยากจะทำให้พ่อแต่ยังไม่ได้ทำคือเรื่องรถ คือยังไง ?
ใหม่ : คือบ้านใหม่เรียกว่าเป็นคนที่ไม่ได้รวย ต้องบอกว่าก็หาเงิน ใหม่จำได้ว่าใหม่หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองตั้งแต่สิบกว่า ไปประกวดนู่นประกวดนี่ ขึ้นเวทีนั้นเวทีนี้หาเงินแล้วก็บอกคุณพ่อว่า เราจะหาเงินส่งตัวเองเรียน พ่อไม่ต้องจ่ายค่าเทอมอะไรแล้ว แล้วเราก็ไม่มีบ้านดีๆ บ้านเราที่อยู่สมัยก่อนจะเป็นบ้านไม้ ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ว่าบ้านไม้ไม่ดี บ้านไม้สำหรับทุกคนดีและอบอุ่นอยู่แล้ว แต่สำหรับใหม่รู้สึกว่าอยากให้ศักยภาพ คุณภาพชีวิตครอบครัวหรือพ่อปัญญาของใหม่มันดีกว่าคำว่าบ้านไม้ มันก็เลยเป็นเหตุที่เราคิดในใจทำงาน ทำงาน ซื้อบ้าน เก็บตังค์ จะต้องให้พ่ออยู่บ้านหลังใหญ่ 50-60 ล้านให้ได้ อันนั้นคือ 1 พ้อยท์และมันก็ทำได้ อยากให้เขาตายคาอ้อมแขนเรา อยากให้เขาตายคาบ้านที่เราซื้อให้ อยากให้เขาตายคาสายตาที่เราดูแลเขา อันนี้จบไป 1 เรื่อง"
"แต่เรื่องที่ 2 รถก็เหมือนกัน สมัยก่อนไม่มีรถ ไม่มีเลยไปไหนก็ลำบาก คุณพ่อได้รถมาคันนึงเป็นรถจากคุณอาซึ่งไม่ใช่รถมือสองที่จะต้องตกมาอยู่ในที่ของเขา เป็นมือสามมือสี่มือห้าแล้ว มันเป็นรถที่เก่ามากๆแล้ว เก่าแบบแทบจะขับไม่ไหว ล้อจะหลุดเกียร์จะพังพวงมาลัยก็จะหลุด แต่เขาต้องเอาแล้วซื้อด้วยราคาหลักหมื่น เราก็เลยรู้สึกว่าพ่อต้องยอมขนาดนี้เลยหรอเพื่อที่จะไดขับรถไปรับไปส่งเราแล้วทำให้ครอบครัวมีความสุข มันก็เลยเป็นภาพฝังใจว่า ฉันจะต้องซื้อรถให้พ่อให้ได้โดยที่ต้องเป็นรถเบนซ์ ไม่ได้บอกว่ารถยี่ห้ออื่นไม่ดี แต่หมายถึงว่ามันเป็นความรู้สึกของแต่ละบุคคล ใช้คำว่าที่สุดที่จะทำให้พ่อภูมิใจ ก็เลยเก็บตังค์แล้วซื้อรถเบนซ์ให้กับพ่อ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าฉันไม่มีอะไร พ่อไม่มีอะไร ฉันจะต้องทำให้พ่อมีให้ได้ บ้าน 60 ล้าน รถเบนซ์ ฉันทำมาแล้ว พ่อไม่เคยขอบ้านหลังละ 60 ล้าน พ่อไม่เคยขอรถเบนซ์ พ่อไม่เคยขออะไรจากลูกคนนี้ พ่อไม่เคยอยากได้ด้วย แต่เราอยากทำให้เขาเอง เพื่อเป็นการทำให้เขาหายเหนื่อย เพราะคนคนนี้ไม่เคยพูดคำว่าเหนื่อยออกมาจากปากเขาเลย จนใหม่อายุ 42 แต่ต้องบอกก่อนว่ามันไม่ใช่ความกตัญญูนะ เพราะบางคนจะรู้สึกว่ากตัญญูไม่ต้องตอบแทนด้วยบ้านหรือรถ เรามีความสุขแล้วก็สะดวกแบบนี้"
คุณพ่อรู้สึกยังไง ?
คุณพ่อ : มีความสุขที่สุดเพราะว่าใหม่สุดๆ กับพ่อทุกย่างที่ให้พ่อ อย่างรถเบนซ์พ่อนึกไม่ถึงว่าใหม่ซื้อให้พ่อ วันแรกที่เซอร์ไพรส์พ่อก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน
ใหม่ : วันแรกที่เซอร์ไพรส์จำได้ ปิดตาแล้วก็หลอกเขาว่าก้าวข้ามคลอง มุดๆ แต่มันไม่มี
พอเปิดตามาเป็นยังไง ?
คุณพ่อ : เปิดตามาถึงได้รู้ว่าเป็นรถเบนซ์หรูหราเลย พ่อรู้สึกตื้นตันใจพูดไม่ถูกเลย ลูกสาวเราสุดๆกับพ่อขนาดนี้เลยหรอ
เกิดเหตุการณ์ที่ไม่โอเคเห็นบอกว่าคุณพ่อล้ม ?
คุณพ่อ : เมื่อ 7-8 เดือนที่แล้ววันนั้นพ่อมานึกสาเหตุว่าเราล้มเพราะอะไรอาจจะนอนดึกบ้างอะไรบ้าง รุ่งเช้าขึ้นมาประมาณ 6 โมงเช้า จะต้องไปเข้าครัวไปดื่มน้ำ พอได้น้ำมากำลังจะถือมาที่โต๊ะที่ห้องทานข้าวรู้สึกหัวมันส่าย ตอนเดินหัวมันส่าย มึน ทรงตัวไม่อยู่ บังคับตัวไม่ได้ พ่อก็เลยมาพิงผนังก่อนกลัวล้มไป แล้วก็นั่งกับพื้นพอนั่งกับพื้นก็เหมือนลูกข่างบังคับตัวเองไม่ได้ เอามือเท้ากับพื้นไว้กันไม่ให้ตัวล้มกับพื้นหัวฟาด
พอได้สติแล้วโทรหาใคร ?
คุณพ่อ : ตอนนั้นก็นึกว่าจะโทรหาใหม่หรือโทรหาลูกเขยดี จะโทรหาใหม่ตอนนี้ก็คงยุ่งกับลูกชายอยู่ ก็เลยโทรหาต้นลูกเขย คิดถึงใหม่ก่อนจริง ตอนนี้ประมาณ 6 โมงกว่าๆ คงกำลังยุ่ง เราก็โทรหาลูกเขย ลูกเขยก็ลงมาทันทีเลย ก็บอกอาการ ลูกเขยเลยโทรไปโรงพยาบาลให้เอารถมารับตอนนั้นเลย ไปนอนอยู่ประมาณ 2-3 คืน
ใหม่ : ตอนแรกใหม่ก็ไม่รู้เรื่อง พี่ต้นส่งมาบอก ตอนแรกตกใจก่อนว่าทำไมถึงไม่บอกเลย พอตกใจเสร็จก็เสียใจตามมา รู้สึกว่าเราเป็นลูกทำไมไม่บอกเรา แต่ว่าเข้าใจในความรู้สึกของคุณพ่อว่าเขาเป็นคนที่ขี้เกรงใจเราคือใหม่เลี้ยงลูกเอง 24 ชั่วโมงไม่ได้มีแม่บ้าน พี่เลี้ยง เขาก็รู้ว่าเราจะเหนื่อยกับลูกสองคนมาก เขาก็เลยไม่กล้ารบกวน เขาก็เลยกดโทรศัพท์หาพี่ต้นเพื่อไปโรงพยาบาล อันนี้เราเข้าใจหลังจากนั้นเราก็จะระแวงมาตลอดว่าพ่อจะเป็นอะไรอีกมั้ย แล้วถ้าพ่อเป็นอะไรพ่อต้องบอกนะ เพราะเราเอาเขามาอยู่บ้านหลังนี้เพื่อสิ่งนี้ ถ้าวันนั้นไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้อยู่บ้านหลังเก่า อยู่คนเดียว ตายค่ะ นี่คือสิ่งที่เราให้เขามาอยู่บ้านหลังนื้คือเพื่อให้เขาล้มในอ้อมกอดเรา ตายในอ้อมแขนเรา อยู่ในสายตาเรา เราขอดูแลเท่านั้นเอง แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ดีที่พี่ต้นอยู่พอดีไปส่งโรงพยาบาลได้
วันนั้นที่ไปโรงพยาบาลคุณหมอบอกว่าเป็นอะไร ?
คุณพ่อ : คุณหมอเอกซเรย์แล้วบอกว่าน่าจะเกิดจากพักผ่อนน้อย อาจจะเกี่ยวกับโรคประจำตัวอยู่บ้าง เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองอักเสบ เส้นเลือดฝอยอักเสบ หมอก็ให้ยามาทานก็ดีขึ้น
ใหม่ : ตอนนั้นก็คิดไปไกล พ่อจะกลับมาเหมือนเดิมมั้ย พ่อจะพิการมั้ย ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ถ้าล้มก็กลับมาไม่เหมือนเดิม เขาถึงบอกว่าห้ามผู้ใหญ่ล้มไม่ว่าจะนั่งหรือยืนก็ตาม หลังจากนั้นบอกกับคุรพ่อว่าถ้าจะไปโรงพยาบาลต่อไปนี้ใหม่ต้องพาไปเอง ถ้ามีอะไรให้โทรหาใหม่ คือเราจะรู้สึกว่าตอนนั้นพี่ต้นทำหน้าที่ได้ดีแหละในการเป็นลูกเขย แต่ว่าสุดท้ายแล้วมันก็รู้สึกผิดอยู่ดี รู้สึกบาปอยู่ดี ที่ต้องให้ลูกเขยหรือว่าคนอื่นมาดูแลพ่อเรา หลังจากนั้นก็บอกเลยว่าไปโรงพยาบาลเมื่อไหร่ขอใบหมอดูหน่อยว่าวันไหน เดือนไหน แล้วบอกคนขับรถไว้เลยว่า วันนี้พ่อจะต้องไปและใหม่ก็จะต้องเป็นคนพาพ่อไปไม่ให้คนอื่นไป
แล้วตอนไปโรงพยาบาลเห็นบอกว่าฉันจะต้องเป็นคนจูงมือพ่อเท่านั้น ?
ใหม่ : ใช่ค่ะ ตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้วใหม่จะเป็นคนที่เดินไปไหนหรือทำอะไรก็จะจับมือพ่อ เรารู้สึกว่าเราไม่มีแม่เราต้องการความอบอุ่น แล้วเราก็อยากให้พ่อรู้สึกอบอุ่นแบบที่เราต้องการด้วย แล้วทุกวันนี้เรามีลูกเราจับมือลูกได้ เราจูงมือลูกได้ แล้วทำไมฉันทำไมจะต้องไม่จูงมือพ่อ มีลูกได้ก็ต้องรักพ่อได้ รักลูกได้ก็ต้องรักพ่อได้ มีลูกได้ก็อย่าลืมพ่อด้วย เพราะฉะนั้นไปไหนมาไหนต้องจับมือ กันหลง กันแกน้อยใจ และกันแกรู้สึกว่ามมีลูกแล้วลืมพ่อ แล้วคนอื่นจะมองเราไม่ดีด้วย เราก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เรามีความรู้สึกว่าไปไหนไปด้วยกัน เรามีกันแค่สองคน
วันนี้มีเซอร์ไพรส์อะไรให้คุณพ่อ ?
ใหม่ : คือจริงๆแล้ว คุณพ่อเขาเป็นคนที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง เขาชอบกระเป๋าทำมือ เขาก็ทำกระเป๋าขาย เพื่อนก็ออเดอร์ เขาจะรู้สึกภูมิใจในสื่งที่ทำแล้วก็ขายได้เงิน เหมือนกับช่วยลูกหาเงิน ก็ดีแล้วคุณพ่อเขาจะได้สมองไม่นิ่ง เขารู้สึกมีคุณค่า แต่เวลาเขาทำแล้วเขาใช้ใบไหนเขาก็จะใช้ใบนั้นอยู่ตลอดเวลา ใบนั้นมันก็จะเก่ามาเครอะมาก เราอยากให้เขาใช้ของดีๆอย่างที่เราบอก วันนี้เป็นวันเกิดพี่ต้น เราก็เลยซื้อของขวัญให้วันเกิดพี่ต้นเป็นของแบรนด์เนม แล้วใหม่จะคิดอยู่ตลอดเวลา ฉันกินอะไรฉันต้องให้พ่อกินสิ่งนั้น เรากินมื้อละเป็นพันเป็นหมื่น พ่อฉันต้องได้กินมื้อละเป็นพันเป็นหมื่น ฉันไปเที่ยวไหนฉันจะไม่ไปคนเดียวหรือไปกับครอบครัวพ่อแม่ลูก ฉันจะเอาพ่อไปด้วย ให้พ่อได้กินดีอยู่ดี เหมือนที่ฉันทำ ไม่ใช่ฉันกินหรูอยู่สบาย พ่อกินข้าวไข่ดาว อันนี้ไม่ เหมือนกันค่ะ พอใหม่ซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่ต้นเป็นแบรนด์เนม มันทำให้ใหม่ฉุกคิดว่าแล้วพ่อฉันล่ะใช้อะไร แล้วพ่อฉันใช้กระเป๋าอะไร ขาดหรือเป็นยังไง เราไม่ได้บอกสิ่งนี้ไม่ดี(กระเป๋าหนังที่พ่อทำมือเอง) แต่มันเป็นความรู้สึกผิดทางใจว่า ถ้าฉันซื้อให้สามีแล้วฉันไม่ซื้อให้พ่อมันดูไม่ดีมากๆ เราก็เลยคิดว่าซื้อกระเป๋ามาให้คุณพ่อดีกว่า (กระเป๋าแบรนด์เนม) ใหม่จะมีความรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าฉันใช้อะไรดีๆพ่อฉันต้องได้ใช้ ถ้าฉันได้กินอะไรดีๆ พ่อฉันต้องได้กิน ฉันไปเที่ยวไหนแพงๆ พ่อฉันต้องได้เที่ยว ใหม่จะไม่ไปส่วนตัวเลย เวลาพี่ต้นชวนใหม่ไปไหนในวันอาทิตย์ ใหม่จะบอกว่าใหม่ไม่ไปวันอาทิตย์ เพราะคุณพ่อไม่อยู่ ให้ไปวันที่คุณพ่ออยู่ดีกว่ามั้ยคือวันเสาร์ ใหม่เป็นคนที่รักพ่อมากและแคร์พ่อมาก กลัวพ่อไม่มีความสุข อันนี้ซื้อมาไม่ได้จะสร้างภาพในรายการนี้ แต่ใหม่ซื้ออยู่แล้ว ใหม่ไม่ได้ปลูกฝังให้คนมีอายุหรือคุณพ่อใช้ของแบรนด์เนมหรือว่าหรูหราติดฟุ่มเฟือย ใหม่ต้องบอกก่อนว่าใหม่หาเงินมาหนักมากเหนื่อยมากๆกับการทำธุรกิจสินค้าของตัวเอง มันไม่ผิดหรอกค่ะที่จะทำให้คนในบ้านเรามีความสุขด้วยการที่เราจะซื้อของให้เขาด้วยเงินของเราเอง
คุณพ่อ : นึกไม่ถึงว่าใหม่จะสุดๆกับพ่ออีกครั้งนึง รู้ว่าใหม่ทำทุกอย่างเพราะรักพ่อ ดูแลทุกอย่างเพราะรักพ่อ พ่อรู้หมด
บอกความในใจกับคุณพ่อ ?
ใหม่ : รักพ่อ ขอบคุณที่พ่อดูแลทุกอย่าง สิ่งนึงที่ใหม่จะทำอยู่เสมอเลย ถ้าใหม่รู้สึกว่าใหม่ไม่ค่อยโอเคกับตัวเองใหม่จะรู้สึกว่าอันเนี้ยไม่ต้องไปหาพระที่ไหน ไม่ต้องไปเจิมหน้าหรือลงนะที่ไหน ใหม่จะให้เท้าพ่อมาเจิมที่หน้าใหม่อยู่ตลอดเวลา ล้างเท้าพ่อ ให้พ่อเหยียบหัว ให้พ่อให้พร ใหม่รู้สึกว่าไม่ต้องไปหาพระไม่ต้องไปทำอะไร แต่เราเป็นมงคลแน่ แล้วเราก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว กินน้ำล้างเท้า อาบน้ำล้างเท้า เอาเท้าพ่อมาเจิมเราดีกว่าที่เราไปพรมน้ำมนต์ 9 วัด เราต้องเลี้ยงดูแลพ่อให้ดี ดีกว่าที่เราไปใส่บาตรอะไรต่างๆนานา
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.