คุยกับ "กานต์ ชนนิกานต์" จากนางสาวไทยสู่นางร้าย "ลออจันทร์" ที่คนดูเกลียดไม่ลง
พูดคุยกับนักแสดงสาวน้องใหม่ กานต์-ชนนิกานต์ สุพิทยาพร เจ้าของบทบาท วรนุช นางร้ายปากแดงสายวีนในละคร ลออจันทร์ จากละครชุด ดวงใจเทวพรหม ที่หลายคนคุ้นหน้าเธอจากเวทีนางสาวไทยปี 2566 กับการเปลี่ยนลุคเรียบร้อยสู่บทบาทนางร้าย ที่หลายคนทั้งหมั่นไส้แต่เกลียดไม่ลง กับเส้นทางการเดินทางสู่วงการบันเทิงก้าวใหม่ที่สำคัญของเธอคนนี้
แนะนำตัวกับทุกคนหน่อย
กานต์: สวัสดีค่ะ กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร นางสาวไทยประจำปี 2566 ค่ะ และ Second Runner Up - Miss Global 2023 ค่ะ เป็นคำแนะนำตัวเบสิกที่จะแนะนำตัวทุกที่ค่ะ (หัวเราะ)
จากนางสาวไทย สู่บทนางนักแสดง จุดเริ่มต้นเข้ามางานแสดงได้ยังไง
กานต์: โห เรื่องมันยาวมากเลยค่ะเพราะว่ากานต์ น่าจะเป็นตอนที่กานต์ฝึกงานเภสัชศาสตร์ปีสุดท้ายปี 6 ที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นกานต์เป็นคนเชียงใหม่เกิดแล้วก็โตที่นั่นเลย เรียนเภสัชฯ ที่ มช. (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) แล้วก็เลือกแหล่งฝึกประสบการณ์ฝึกงานที่กรุงเทพฯ เพราะระหว่างที่เราฝึกงานอยากถ่ายแบบ ทำงานหารายได้ไปด้วยอะไรแบบนี้
พอเราเริ่มได้ถ่ายงาน ก็เริ่มมีโมเดลลิ่งที่กรุงเทพฯ ที่ก่อนหน้านี้ เขาเป็นแฟนนางงามเราตั้งแต่กานต์เป็นนางสาวเชียงใหม่ พอรู้ว่าเรามากรุงเทพเขาก็เลยลองทักมาชวนเรา ลองมาแคสงานกับพี่ดูมั้ย แล้วก็มีละครเปิดแคสพอดี มันเป็นจังหวะพอดีกันที่ช่อง 3 เปิดแคสนักแสดงบท “วรนุช”เรื่อง ดวงใจเทวพรหม ลออจันทร์ เหมือนยังหาคาแรกเตอร์นี้ไม่ได้ ช่องเขาก็เลยเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปแคส แล้วก็โชคดีมากมันเป็นการแคสครั้งแรกในชีวิตเรา นี่คือครั้งแรก แล้วก็ได้เลย (หัวเราะ)
ก็จะดีใจมากๆ ค่ะ จริงจริงก่อนหน้าที่จะได้มันก็มีเรื่องราวเกิดขึ้นเพราะหนูเข้าร่วมการประกวดนางงามอยู่เวทีหนึ่งด้วยค่ะ แต่ว่าติดโควิดต้องสละสิทธิ์ แล้วพี่ผู้จัดการคนที่พาหนูมาเข้าช่อง 3 เนี่ย ก็โทรไปบอกหลังจากวันที่ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน ว่าหนูได้รับบท “วรนุช” นะคอนเฟิร์มจากผู้กำกับและผู้จัดแล้ว มันเหมือนฟ้าหลังฝนมากค่ะ มันสะท้อนให้เห็นว่าบางทีเราผิดหวังกับอะไรบางอย่างมันไม่ได้แปลว่าเราแย่หรือว่าเราไม่ถูกเลือกเสมอไปค่ะ แต่อาจจะมีอีกที่หนึ่งรอเราอยู่ที่เป็นประตูอีกทางหนึ่งของเรา เป็นจังหวะชีวิตจริงๆ เหมือนฟ้าหลังฝนเลยค่ะ
ตอนแรกชีวิตดูไปทางสาวเภสัช ตอนนี้เราจะเป็นสาวเภสัชหรือว่า จะเอาดีด้านละคร หลังจากได้ลองทำตรงนี้
กานต์: จริง ๆ ไม่ปฏิเสธเลยค่ะคือเป็นคนที่ชอบกล้าออกจุดเซฟโซนของตัวเองตลอดอะไร เพราะว่าชอบทำอะไรใหม่ ๆ ชอบพัฒนาตัวเองตลอดเพราะว่ากานต์มีเป้าหมายในชีวิตที่อยากจะทำให้ครอบครัวมีความสุขแล้วก็ภูมิใจในตัวกานต์ทุก ๆ วัน
เพราะหนูเป็นลูกคนเดียวด้วยค่ะ จะต้องเป็นคนดูแลครอบครัวในอนาคต เลยอยากจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งแล้วก็เก่งเพื่อที่จะได้ดูแลครอบครัวได้ มันก็ทำให้เราไม่ปฏิเสธโอกาสที่เข้ามา อย่างตอนแรกคนก็ดูถูกหนูเยอะมาก ตั้งแต่ก่อนเป็นนางงามแล้วค่ะ เพราะว่าเราไม่มีความสวยที่แบบตาม บิวตี้สแตนดาร์ด ที่คนอื่นตั้งไว้ ยิ่งเป็นนักแสดงยิ่งห่างไกลเลยคือไม่เคยคิดว่าตัวเองจะแสดงได้ ก็เลยไม่ได้ไปเรียนการแสดงที่ไหน แล้วก็เอาเวลาไปพัฒนาสกิลด้านอื่น
เลยเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอดตั้งแต่เด็ก กับแข่งวิชาการเป็นผู้นำนักศึกษา เป็นนายกสโมสรนักศึกษา เป็นหลีด สายกิจกรรม สุดๆ ตั้งแต่มัธยม คณะมหาลัยเป็นหมด พอมีโอกาสไปประกวดนางงามก็ไม่ปฏิเสธค่ะ รู้สึกว่าถ้าเราไม่ตรงกับบิวตี้สแตนดาร์ดที่คุณตั้ง เราก็ตั้งขึ้นมาใหม่เลย เพราะว่าเราจะเอาความสามารถเข้าสู้ มันก็เลยทำให้เราเปิดโลก พอมีโอกาสได้มาแคสละครต่อก็ไม่ปิดโอกาสค่ะ ความเชื่อแบบเมื่อก่อนตอนแรกหลาย ๆ คนไม่อยากให้เป็นนางร้าย ยิ่งหนูเป็นคนแบบเรียบร้อยจากลุคที่คนอื่นเห็น ก็ยิ่งดูห่างไกลไม่มีใครคิดว่าเราจะเป็นนางร้ายได้
แต่ด้วยความกล้าในตอนนั้นที่ไปแคสเพราะว่าเป็นเราแฟนนิยายค่ะ ทั้งนิยายแล้วก็ทั้งละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพด้วยค่ะ เราเป็น FC ช่อง 3 ดูละครกับที่บ้านตลอด เอาตรง ๆ ตอนแรกไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่าบทอะไรแต่พอรู้ว่าเป็นลออจันทร์ แล้วดวงใจเทวพรหมก็เป็นภาคต่อของสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ก็คือเอาเลย (หัวเราะ) ขอมาแคสเลย เพราะตอนนั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้วค่ะ แคสได้ก็ได้ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราก็ไปทางวิชาชีพของเราหรืออาจจะเดินทางเส้นทางนางงามต่ออะไร
แล้วพอมันได้ยิ่งหน้าซีดเลยนะคะ เรากลัวเพราะว่ามันเป็นครั้งแรก เรายังไม่เคยแสดงมาก่อน พอมารู้ว่าเราต้องแสดงกับใครบ้างทุกคนเป็นนักแสดงของช่อง 3 หมด ที่มีประสบการณ์การทำงานมาก่อนหมด ซึ่งเราเป็นนักแสดงใหม่น่าจะคนเดียวเลยในเซ็ตนี้เลย ก็แบบกดดันมาก อีกอย่างนึงก็คือกลัวผู้กำกับถอดตัวเราออกกลางคัน เพราะเรากลัวเราแสดงไม่ได้ หนูว่าเขาก็ต้องกล้าเสี่ยงพอสมควรที่จะเลือกหนูด้วย เพราะว่าเราไม่เคยแสดงมาก่อน และก็ไม่ได้เวิร์กชอปกับกองเลย เข้ามากลางคัน ตอนที่เขาแคสบทอื่น ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ต้องเข้าฉากแสดงเลยค่ะ
มันก็เลยทำให้ตอนนั้นกลัวมากว่าจะทำได้ไม่ดี เพราะว่าเราก็เป็นเพอร์เฟคชั่นนิสต์ระดับนึงเลยที่คาดหวังกับผลลัพธ์ ถ้ามันไม่ดีเรายังไม่อยากที่จะลงมือทำแต่พอเรามีความคิดที่อยากจะพัฒนาความสามารถตัวเอง เพราะถ้าเรื่องนี้ยังไม่สำเร็จเราก็ยังมีโอกาสอีกในชีวิต ถ้าเราไม่หยุดเดิน
การเข้าฉากครั้งแรกของวรนุช เป็นยังไงบ้าง
กานต์: ติดตามากเพราะว่าจำได้เลยว่าชุดแรกในการเข้าไปถ่ายทำคือชุดแม่เสือสาว ชุดแบบรัดมาก หน้าผมปากแดง การแต่งหน้าที่เข้มคือเขาอยากให้เราเป็นยุคนั้นจริง ๆ แม่เสือสาวสุดเซ็กซี่แล้วเราต้องเข้าไปกอดพี่กลัฟ (ภูธเนศ)ไปลวนลามเขา แล้วก็ต้องฉอเลาะกับคุณพ่อคุณแม่ อาสร้อยกับคุณลุงรัชชานนท์และคุณกัณด้วย ยังจำบทได้เลย “สวัสดีค่ะคุณลุงชายเล็ก สวัสดีค่ะคุณอาสร้อย ฮายกัณ ไอขออนุญาตพาพี่ภูไปดูคอนเสิร์ตดวงตาที่ 3 คล้ายมีเนื้อเยื่อพิเศษของฮันนี่น๊า” อะไรอย่างงี้ค่ะ คือเป็นคนที่แบบว่าเราจำได้เลยเพราะว่าเราฝึกหนักมากจริง ๆ เพราะว่าเรามีปัญหาเรื่องวอยซ์ด้วยเพราะว่าหนูเป็นคนเสียงทุ้มแล้วก็ผู้กำกับเคยฟีดแบคว่าหนูเสียงหนูป็นคนดีเกินไป
ซึ่งตอนนั้นเราก็ต้านในหัวเยอะนะคะเพราะว่าชีวิตเราเป็นแบบนั้นมาตลอด มันเคยมีฉากนึงที่กานต์ต้องด่าพี่กลัฟแบบวีน ซึ่งเราทำไม่ได้เพราะว่าเราด่าแบบเสียงนี้ เริ่มหลายเทคแล้วพี่ผู้กำกับก็เลยบอกว่าแบบพี่ต้องการ 100 อ่ะ แต่น้องเล่นให้พี่แค่ 50 แล้วมันกดดันมากเลยนะคะ โชคดีที่เขาเรียกว่ามีพี่พี่ในกองทั้งทีมงานและนักแสดงอย่าง จีน่า โอ้โห สอนหนูฉ่ำเลย เขาอยากเล่นบทนี้มากๆ อะไรอย่างงี้ เขาชอบบทหนูมากแล้วก็สอนเยอะเลย มันเลยทำให้เราเหมือนเรียนรู้จากเพื่อน ๆ นักแสดงไปด้วย
ก็เปิดใจมากขึ้นผู้กำกับก็เคี่ยวเข็ญนะคะก็เลยแบบออกมาได้ดีแบบนี้ ฟีดแบ็กก็มีทางด้านลบแล้วก็ทั้งด้านบวก แต่ว่าหนูก็มองว่า เราอยากให้เขาดูเป็นสีสัน ยิ่งมีคนด่าจริงๆ อาจต้องยิ่งขอบคุณ เพราะแสดงว่าเราเล่นได้น่าหมั่นไส้ ก็เลยต้องทำความเข้าใจกับบทบาททางด้านนางร้ายอีกทางหนึ่งด้วยค่ะ
สิ่งไหนในการทำงานที่เราต้องทำการบ้านกับมันอย่างหนัก จนรู้สึกว่า อันนี้หนักมากจริงๆ
กานต์: เรื่องเสียงเลยค่ะ หนูมองว่าความกล้ามันพัฒนาได้ เรื่องของกล้าเล่นกล้าอะไรพวกนี้ โชคดีที่เราประกวดนางงามมาก่อนมันทำให้เรามีความกล้าแสดงออกที่จะเป็นตัวเองออกมา แต่ความยากมันคือพอเราเป็นตัวเองมากๆ เราจะมีความคิดต้านบทว่าเราไม่เห็นด้วยกับบทบ้าง มันก็ทำให้ยิ่งยาก แต่พอไปเวิร์กชอปกับนักแสดงคนอื่น มันก็เลยเหมือนได้แชร์ sharing กันว่าบางทีเราต้องคิดเหมือนว่าเราเป็นเด็กที่กำลังอ่านบท อย่าเพิ่งเอาตัวเองเข้าไปใส่ในบทค่ะ
พยายามมองหาเหตุผลของตัวละครที่เราได้รับแล้วก็ลองสร้างเรื่องราวขึ้นมาดู ว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้นมันกลายเป็นเหมือนเราหาที่มาของตัวละครให้เจอ แล้วมันกลายเป็นว่าเราสามารถเป็นวรนุชได้เลย โดยที่เราไม่รู้สึกต้านตัวละครค่ะ เพราะทุกคนมีทั้งความข้อดีมีทั้งด้านบวกและลบอยู่แล้ว แต่แค่ว่าคนนั้นเขาเลือกโชว์ด้านนี้ออกมา เพราะอะไร มันก็ทำให้เราแบบ เอ้อ มันคลิกมากขึ้น กลายเป็นการแสดงบทบาทที่เปิดใจตัวเราเองด้วย ว่าบทนางร้ายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แล้วก็ถึงแม้จะเป็นร้ายแบบใส ๆ เป็นร้ายแบบตลกก็อาจจะสร้างสีสันอีกแบบนึงได้ อย่าเพิ่งคิดลบไปก่อนว่าเป็นนางร้ายนะ อะไรแบบนี้ค่ะ
แล้วฟีดแบคในส่วนครอบครัว หรือคนรอบตัวเราละเป็นยังไงบ้าง “กานต์เล่นเป็นบทร้ายเลยนะ”
กานต์: คือจริง ๆ มันแบ่งเป็นหลายวงในหนูมากเลยนะคะเพราะว่า เขาเรียกวงกลางก่อนแล้วกันคนที่ติดตามเรารู้จักเรามาก่อนจากเวทีนางงาม เขาจะคิดว่าเราเป็นคนเรียบร้อยหลาย ๆ สื่อก็จะแชร์หนูเป็นคนเรียบร้อย ถ้าเขายังไม่สนิทกับหนูจะรู้สึกแบบนั้น เพราะว่าด้านที่เราเป็นนางงามเนี่ยเราค่อนข้างแบบนางสาวไทย เป็นแบบนั้นเลยก็คือแบบอ่อนหวาน เดินแบบ เวลาไปออกงานเวลาไปสัมมนาหรือวิทยากร ก็จะเป็นโทนนั้นหมดเลย คือดูเรียบร้อยแล้วก็ลุกแบบ Working Woman ใช่ไหมคะ แต่เขาก็จะแบบอึ้งมาก เพราะว่าเขาไม่เคยเห็นด้านเปรี้ยวจี๊ดของหนูมาก่อน หรือว่าด้านโกรธอะไรอย่างเงี้ย
หนูก็รู้สึกว่าหนูโชคดีมากได้รับบทนี้ ผู้กำกับเค้าแบบมองการณ์ไกลผู้จัดมองการณ์ไกลมาก เพราะตอนนั้นมีคนงงว่าหนูได้เป็นนางร้ายเหรอ แต่ว่าตอนที่แต่งเป็นนางสาวไทย ใส่ชุดไทยหน้าหวานมาก เห้ย ทุกคนงงว่าจะเป็นได้เหรอ ทุกคนก็จะสบประมาทไว้ก่อน แต่จริงๆ แล้วคนวงในสุด เช่น ครอบครัว พ่อแม่ หรือว่าเพื่อนสนิทที่รู้จักตัวตนของเรา บางคนก็บอกว่า "ก็กานต์อยู่นะ" อะไรแบบนี้เหมือนกันนะคะ แบบกานต์นี่คือไม่ใช่เรื่องของการวีนนะคะ คือมันมีบางจุดที่เป็นตัวกานต์ อย่างเช่น ตอนที่แบบกล้าพูดหรือว่าตอนที่น้ำเสียงอะไรงี้ค่ะ หรือเป็นคน energy เหลือล้นบางจุดที่แบบว่าเข้าไปแบบพูดจาฉอเลาะหรือว่าอะไรอย่างงี้
บางจุดคือเหมือนกับผสมกานต์เข้าไปในความเป็นวรนุช ทำให้มันเป็นร้ายที่แปลกใหม่ บางคนอาจจะมองว่าบทหนูแบน บทหนูไม่ดี แต่หนูมองว่าหนูดีไซน์ตัวละครนี้ร่วมกับทีมงาน แล้วก็ใส่ความตัวเองเข้าไปด้วย มันเลยทำให้เป็นร้ายตาใส เพราะหนูมีความตาใสอยู่ในตัวเองสูงมาก หนูอาจจะทำงานมาเยอะแต่จริง ๆ แล้วความรู้รอบตัวหนูน้อย เป็นคนที่ซื่อในบางโอกาสมากๆ เหมือนกัน
มันทำให้ความรักของวรนุชออกมามันจะดุก็ไม่ดุสุด จะวีนก็ไม่วีนสุด แต่มันจะมีความบ้องแบ๊วของมันอยู่ เพราะว่าหนูก็ใส่ตัวเองเข้าไปด้วยมันเลยทำให้มันมีรสชาติที่เป็นนางร้ายแบบใหม่ด้วย หนูก็รู้สึกว่ามันก็เลยทำให้เพื่อนวงในของเราแอบเห็นในบางมุมนั้นอะไรเงี้ยค่ะก็เลยทำให้เซอร์ไพรส์หลายจุดเหมือนกัน
พูดถึงชุดแซ่บเปรี้ยวจี๊ดของวรนุชหน่อย
กานต์: เปรี้ยวจี๊ดทุกอีพี เขาออกมาแป๊บนึงก็สร้างมีมตลอดเวลา หนูไปอ่านฟีดแบคเจอหลายคนบอกว่าเห็นหนูแล้วเหมือนเห็นแบบคนในยุค 80 90 อะไรเงี้ยก็แบบดีใจมากเลยค่ะ แบบรู้สึกว่าเหมือนการเป็นวรนุชในครั้งนี้ทำให้คนที่เคยผ่านยุค 80 90 มาได้ระลึกถึงในช่วงนั้นก็แฮปปี้นะคะ
ตอนแรกหนูกังวลมากเรื่องของ Body Shaming คือแบบว่าเป็นฟีลแบบว่าบูลลี่กันเรื่องหุ่นเรื่องอะไรแบบนี้ เพราะว่าตอนนั้นหนูอ้วนอยู่ค่ะ แล้วมันไม่ตรงกับนางงามเลยหมายถึงว่าตอนหนูประกวดนางงามหนูจะค่อนข้างฟิตมาก แล้วหนูถ่ายก่อนหน้าที่จะประกวดนางงามใช่ไหมคะ แล้วแบบว่าก็กลัวพี่กะเทยนี่ล่ะค่ะ แบบว่าแบบว่ากลัวพี่กะเทยไม่พอใจ เพราะว่าตอนเป็นนางงาม หนูต้องผ่านหลาย ๆ อย่างมา ถึงรู้ว่าเขาพอใจแบบไหนแล้วก็ตัวเองพอใจแบบไหน
แต่ตอนนั้น ถ้าหนูมัวแต่กลัวเรื่องหุ่นแล้วก็ไม่กล้าแสดงออกมา มันก็คงจะไม่มีวันนี้ค่ะ หนูมองว่าตอนนั้นหนูจะ The show must go on ละ ถ้ามันลดไม่ทันก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้บทมันทำให้ดีที่สุด แล้วก็เล่นไม่ห่วงสวยไปเลย ลบภาพนางงามนางสาวเชียงใหม่ต๊ะต่อนยอนออกไปซะ แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนใหม่เป็นคุณหญิงวรนุชที่เปรี้ยวจี๊ดดูบ้าง พอมันแบบมันก็เลยทำให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง
ถ้าเป็น กานต์ คิดว่าสเป็คของเราเป็นหนุ่มคนไหนในจุฑาเทพ
กานต์: หมายถึงรุ่นลูกใช่ไหมคะ (รุ่นลูกก็ได้) รุ่นพ่อก็ได้เหรอ (ทุกรุ่นเลยก็ได้) ห๊า! 10 คนเลยเหรอ (เอาทีละรุ่นแล้วกัน) เอาทีละรุ่น (รุ่นคุณชายก่อน) โอ้ยตายแล้ว ทำไงดี เอาตรง ๆ ความคิดมันเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ หมายถึงว่าถ้าเป็นนิยายแบบหนึ่ง ถ้าเป็นละครแบบหนึ่งเพราะว่าบางทีมันเปลี่ยนได้ตามคาแรกเตอร์ค่ะ
ถ้าเอาชอบมากก็น่าจะเป็นคุณชายพุฒิภัทรเพราะว่า (ติดเขิน) เพราะว่าเรื่องมันค่อนข้างคล้ายเราเป็นนางงาม แล้วก็เราเล่นสายการแพทย์เรารู้สึกว่าเราก็ผูกพันกับคุณหมอ รู้สึกว่าเขาเก่งเราก็รู้สึกว่าเราเป็นคนชอบคนเก่งแล้วเขาก็เป็นคนแบบสุขุมค่ะ เราจะชอบแบบอยากเป็นคนเข้าไปอ้อนไปอะไรแบบนี้มากกว่า เราก็เลยชอบผู้ชายที่สุขุม แบบโอ้ปป้า แล้วพี่เจมส์จิเล่นด้วยค่ะก็เลยชอบ (หัวเราะ) จริง ๆ ชอบคาแรกเตอร์ของคุณปวรรุจด้วยเพราะว่าเป็นคนที่แบบเก่งเรื่องการสื่อสารแล้วเราก็เป็นแบบสายนั้นมาเหมือนกันแต่ถ้าให้เลือกก็คงเลือกคุณชายพุฒิภัทรค่ะ
ส่วนรุ่นลูกเนี่ยยากมากเพราะว่า เราคลั่งรักของคุณภูธเนศเราก็เลยต้องแบบเอาเวลาไปใส่ใจกับเขาที่สุดไงแล้วแบบเรื่องอื่นเราก็เลยอาจจะไม่ได้มีเวลาเข้าไปแบบรู้ลึกรู้จริงเกี่ยวกับแต่ละคน เพราะงั้นเราก็จะเลือกคุณภูธเนศค่ะ เพราะว่าเราอยู่ในอยู่ในเรื่องนี้แล้วก็แบบศึกษาเขามาเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็เลยขอเลือกเขาละกัน เพราะว่ามันก็เป็นความหวังของเราเหมือนกันที่เราอยากจะเป็นจุฑาเทพคนนึงอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
(ให้โชว์ข้อดีหรือความดีของคุณภูธเนศที่คิดว่าทำให้ตัวเราหลงรัก) อย่างแรกคือหล่อมากก็คือเป็นฉากแรกด้วยค่ะแบบพี่ภูทำไมหล่อขนาดนี้คะเนี่ย อะไรอย่างเงี้ย แล้วพี่กลัฟหล่อมากแล้วก็สูงด้วย หนูเป็นคนชอบคนสูงแล้วก็แบบสมาร์ต แบบผู้บริหาร คือจริง ๆ แบบในชีวิตจริงหนูก็ชอบด้วย แบบเป็นฟิลแบบว่าเขาเรียกว่าอะไรอ่ะ ชอบผู้บริหารเพราะว่าเวลาเป็นเจ้าของธุรกิจ เขาจะมีวิสัยทัศน์ซึ่งเป็นคนที่มีเยอะมากในการบริหารคนและบริหารงาน เราก็เลยแบบยิ่งประทับใจ เป็นคนที่มีมุมขี้เล่นด้วย แบบมีดูลุคขรึม ๆ แต่ว่าจริง ๆ แล้วก็เป็นคนขี้เล่น มันก็มีอะไรให้เราเซอร์ไพรส์ด้วยค่ะ
ฝากผลงานและการติดตาม
กานต์: ช่องทางการติดตามกานต์นะคะ ก็จะมีทั้ง Facebook Chonnikarn Supittayaporn ค่ะ ชื่อภาษาอังกฤษแล้วก็ไอจี @kn_chony ค่ะแล้วก็ TikTok นะคะกานต์นางสาวไทย หรือว่าชื่อเดียวกับไอจีก็ได้ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม:
- ประวัติ "กานต์ ชนนิกานต์" นางสาวไทย 2566 สาวเก่ง นายกสโมสรนักศึกษา มช.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.