"มิ้นต์ ชาลิดา" เปิดใจเล่าครั้งแรก! เคยเกือบเลิก "ภูผา" เครียดซูบผอม จนปอดฉีด
คบหาดูใจกันมายาวนานถึง 12 ปี จนแฟนๆ ทั้งลุ้นทั้งเชียร์รอฟังข่าวใหญ่ข่าวดีของคู่รักคู่หวาน ระหว่างนางเอกซุปตาร์ มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง กับนักธุรกิจหนุ่มโปรไฟล์หรู ภูผา เตชะณรงค์
ล่าสุด! บรรดาสื่อได้มีโอกาสเจอกับฝ่ายหญิง ในงาน LYN'S EMPOWERED WOMEN จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปขอสัมภาษณ์อัปเดตสเตตัสหัวใจและความหวาน รวมถึงเรื่องที่เจ้าตัวได้ออกมาเผยความลับเมื่อสมัยที่ยังเป็นเด็กว่า เคยอยู่ในโหมดทำความรู้จักกับ แน็ก-ชาลี ไตรรัตน์ ซุปตาร์สายเกรียนแห่งยุค
เรื่อง แน็ก ชาลี คือยังไงที่บอกว่าเคยจีบกัน ?
"มันเป็นเรื่องเด็กกุ๊กกิ๊ก ป็อบปีเลิฟ หนูเคยไปแคสหนังที่แน็กเล่น แน็กก็เคยทักมาถามว่าเป็นยังไงบ้างสบายดีไหม พวกเราโตขึ้นเยอะเลยเนาะ"
ตอนนั้นเขาตกใจเรื่องแม่ใช่ไหม ?
"ตอนนั้นยังจำไม่ได้เลย ว่าเขาหายไปตอนไหน แต่ถ้าเด่นๆ เลยคือตอนไปดูหนัง แล้วคุณแม่ไปด้วย"
เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ?
"โห... คือไม่ได้เจอกันเลย นานมาก 10 ปีค่ะที่ไม่ได้เจอกัน แต่ก็มีทักมีคุยกันบ้าง ถามไถ่บ้างว่าเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ เหมือนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก"
มิ้นต์ ชาลิดา
ตอนนั้นดูหนังเรื่องอะไร แล้วคุณแม่นั่งตรงไหน ?
"หนูจำไม่ได้เลย ว่าไปดูที่ไหนอะไรยังไง ถ้าให้นึกได้เหมือนไปกัน 3 คน เหมือนแม่เป็นห่วงเพราะว่าเรายังเด็ก แล้วสมัยนั้นเราเริ่มถ่ายโฆษณาแล้ว ส่วนแน็กเขาก็ก้ำกึ่งว่าได้เล่นหรือไม่ได้เล่น แล้วเขาก็ดังเปรี้ยงป้าง"
ถ้าร่วมงานกันอีกทีจะมีความเขินไหม ?
"ไม่ค่ะ ลืมไปแล้ว คือหนูก็ช็อกเหมือนกันวันนั้นที่เขาถาม ว่าใช่เหมือนเคยคุยกันอยู่แป๊บนึง คือลืมกันไปแล้วเพราะว่าไม่ได้คบกัน แค่เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องว่าเอ๊ะ! ยังไงดี ฟีลแอบปลื้มแต่ยังไม่ได้คบกัน ต้องลองไปถามแน็กดูเผื่อเขาจำได้"
แล้วกับเรื่อง ปอดฉีก ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
"เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาก ตั้งแต่สมัย พี่ภูผา ไปบวช แล้วเขาก็อินในธรรมะมากๆ เขาบอกว่าเห็นพี่เต๋อแล้วเหมือนเห็นตัวเอง คือเขาครอบครัวใหญ่ แล้วก็ทำธุรกิจด้วย ไม่รู้ว่าเขารำคาญจิตรำคาญใจอะไรเราหรือเปล่า ตอนนั้นก็คือหายไปเลย พอสึกออกมาเขาก็หายจากหนูไปเลย ช่วงนั้นก็หายกันเกือบประมาณ 4 เดือน"
เขาไม่มีบอกอะไรเราเลย ?
"ไม่มีค่ะ เราก็ตกใจ เอ๊ะ! ฉันทำอะไรผิด แล้วก็มาทบทวนกับตัวเอง ก็มีการคุยกับพี่น้องของเขา เขาบอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะว่าเขาบังคับพี่น้องให้ทำวัตรเช้า-วัตรเย็น ให้นอนเร็ว ออกมาก็ใส่ชุดขาว คือเขาก็เหมือนติดกับความสบายใจตรงนั้น แต่พอเขาได้กลับมาทำงาน กลับมาอยู่ทางโลก เขาก็ค่อยค่อยปรับ"
เราได้ถามตัวเองไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ?
"ตอนที่เขาบวชมิ้นต์ก็ไม่ได้ไปงานบวช เพราะว่าติดถ่ายละคร ก็รู้สึกว่าหรือว่าเขาโกรธที่เราไม่ได้ไป แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ เขาก็ค่อยค่อยกลับมา คือก็ต้องให้เวลาเขา เราก็ไม่ได้เร่งรีบ แต่เราก็คิดว่าถ้าไม่ใช่ต่อกันก็คงแยกย้ายไปใช้ชีวิต แต่ไม่คิดว่าจะต้องเลิกเลย เพราะไม่มีการบอกเลิกหรือว่ามีการคุยกัน"
มิ้นต์ ชาลิดา
เป็นการบอกเลิกโดยที่ไม่บอกกล่าวหรือเปล่า ?
"ได้คุยกับที่บ้านเขาบ้าง พี่ตู่ก็ยกกองไปถ่าย เพื่อไปละลายพฤติกรรมเขา ว่าเรากลับมาอยู่โลกมนุษย์แล้วเด้อ"
แต่สิ่งที่ทำให้เราป่วยเพราะว่าเราคิดมาก ?
"คือเหมือนเราเครียด เรากินไม่ลง ก็เลยทำให้เราผอมลง เหมือนเราผอมลง คือเราเป็นคนช่วงตัวยาว ร่างกายก็ยืด เหมือนปอดก็เลยยืดตาม คือเป็นคนผอมเร็ว ก็เลยเกิดการฉีก แต่ไม่เยอะประมาณ 5 เปอร์เซ็น ตอนนั้นอาการก็เจ็บค่ะ หายใจก็เจ็บหัวเราะก็ไม่ได้ คุยกับใครออกแรงเยอะก็ไม่ได้ ไปตรวจที่โรงพยาบาลทุกวันนี้ พอเขาเห็นข่าว เขาคิดว่าตอนนั้นเราสำออยหรือเปล่า ก็พึ่งมารู้ตอนนี้ (หัวเราะ)"
ตอนรักษายังไง ?
"ตอนนั้นรักษาอะไรไม่ได้เพราะไม่มียารักษาที่กินแล้วหาย คือปล่อยให้ร่างกายสมานเอง เพราะว่าปอดเราไม่ได้ฉีกถึงขั้นต้องเย็บ แต่ก็ค่อยค่อยให้ร่างกายฮีลตัวเอง แต่คือทำให้เราดำน้ำไม่ได้ คุณหมอไม่อนุญาตให้ทำกิจกรรมที่ผาดโผนเยอะ เป็นอันตราย ตอนนี้ปอดเซนซิทีฟมาก ช่วงนั้นต้องงดรับละครบู๊ 1 ปี คือไปตรวจก็ยังไม่ได้ 100 เปอร์เซ็น ที่ไปใช้ชีวิตปกติเหมือนคนอื่นได้ คือให้เฝ้าระวัง มันเหมือนเป็นลูกโป่ง"
เราได้เคลียร์ใจกับเขาไหม ?
"คือได้คุย เขาบอกว่าไม่มีอะไร คืออินอยากจะบวชอีก ถ้าถ้ามีโอกาสก็อยากจะบวชอีก หนูก็แบบ หืม"
เรากลัวไหม ?
"12 ปีแล้วเนาะ ถ้าบวชอีกทีก็คือบวชตลอดชีวิต แต่ไม่เป็นไรอะไรจะเกิดก็เกิด ก็ปล่อยให้เป็นไปตามปกติของชีวิต คือก็ไม่ได้ห้ามเขา แต่ก็แซวเล่นเล่น คือถ้ามาทิ้งฉันตอนนี้ 12 ปีเนี่ยนะ โบนันซ่า (หัวเราะ)"
เขามีปลอบใจอะไรเราไหม ?
"คุณพ่อเขาก็น่ารัก ดูแลค่ารักษาให้ คือเขารู้ว่าเพราะอะไร คือบ้านเขาน่ารัก แต่พี่ผาเขาไม่คิดว่าเราจะเป็นจริง เป็นหนัก ก็คิดว่าเราเป็นจริงหรือเปล่านะ"
เขารู้สึกผิดไหม ?
"รู้ว่าเป็นจริง เขาก็ดูแล ทำอะไรก็ระมัดระวัง เขาพาไปหาหมอทุกปี ออกค่ารักษาตรวจสุขภาพให้ตลอด คือเราไม่อยากจะไปโทษเขา มันเป็นที่ตัวเราร่างกายเรา ผู้หญิงคนอื่นถ้าผอมก็คงไม่ได้ปอดฉีก มันอยู่ที่ร่างกายของเราเองมากกว่า"
เหมือนเป็นการพิสูจน์รักแท้ไหมว่าฉันรักเธอจริง ?
"พิสูจน์เหรอเนี่ย มันก็เป็นเรื่องของชีวิต เราไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของการพิสูจน์ คิดว่าเวลาวันนั้น เรารอไม่ได้ ก็อาจจะไปต่อกับคนอื่น แต่เราก็ยังไม่ได้เจอใคร"
นี่คือคู่แท้ ?
"ก็ยังไม่รู้"
จนกว่าจะถูกขอแต่งงาน ?
"ค่ะ (ยิ้ม)"
กดดันไหม 12 ปี ?
"ไม่ได้กดดัน เราเป็นคนใช้ชีวิตเรื่อยๆ เป็นยังไงก็เป็น ไม่ได้คาดหวัง คิดว่าถ้าวันนี้เรามีความพร้อม เราก็ไปเองแหละ ทุกคนถามเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ ก็คบกันมานานแล้ว แต่ด้วยความที่หลักการใช้ชีวิตของเราทั้งคู่ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องตรงนั้น"
เหมือนคำตอบของเราดูชิลขึ้น ?
"ใช่เหมือนเราเริ่มเห็นวัฏจักรชีวิต เราก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้ไปเคร่งเครียด ถ้าวันนึงพร้อมก็พร้อมค่ะ ครอบครัวถามเยอะค่ะถามทุกคน ครอบครัวเขาก็ถาม แต่เราก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.