Battleship หนังเจ๊งมโหฬารที่หลายปีผ่านไปจึงมีคนเห็นคุณค่า โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

ถ้าพูดถึงหนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ที่ล้มคว่ำระเนระนาดบน Box office แบบเซอร์ไพรส์คนดู รวมถึงผู้สร้างเองด้วย Battleship (ยุทธการเรือรบพิฆาตเอเลี่ยน) คือหนึ่งในทำเนียบหนังที่ว่ามานั้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นที่รักของแฟนๆ เมื่อได้ลงแผ่น DVD แล้ว ทั้งที่ตอนเข้าฉายมันคือหนังฟอร์มยักษ์ที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่คนดูคาดหวังว่าจะได้จากหนังดูเอามันส์สักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฉากต่อสู้อลังการของเรือรบกับยานเอเลี่ยน งานออกแบบชั้นดี ดารานักแสดงชั้นยอด แต่หนังกลับคว่ำไม่เป็นท่าราวกับเรือที่ล่มลงก้นมหาสมุทร จนทำเอาสตูดิโอผู้สร้างเจ็บหนักไม่ใช่น้อย

เห็น Battleship กลับมาไต่ชาร์ตติดอันดับใน Netflix แล้วก็ถือว่าน่าเจ็บใจอยู่ เพราะผ่านไปหลายปีกว่าจะมีคนเห็นค่าว่ามันคือหนังสนุกที่หลายๆ คนมองข้ามตอนเข้าฉาย ส่งผลให้หนังเจ๊ง ปิดโอกาสมีภาคต่อทั้งๆ ที่มันสมควรมีมากๆ หลายๆ คนที่ได้มาดูทีหลัง หรือเด็กรุ่นใหม่ๆ ที่เพิ่งได้ดู ก็เริ่มมีกระแสปากต่อปากว่าหนังสนุกมาก เทคนิคดีมาก แต่ไม่ยักรู้ว่าหนังมันเจ๊ง ทำไมถึงเจ๊งล่ะ

มันเกิดอะไรขึ้นกับหนังอย่าง Battleship เรื่องนี้? เราก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อความสำเร็จของแฟรนไชส์หนังจากของเล่นอย่าง Transformers ทั้งสามภาคของ Michael Bay ที่ทั้งสร้างปรากฏการณ์และทำรายได้ถล่มทลาย ทั้งหนังและยอดขายของเล่นหรือสินค้าเกี่ยวกับหนังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้บริษัทแม่อย่าง Hasbro สนใจอยากจะนำบรรดาของเล่นในสังกัดของตัวเองมาทำเป็นภาพยนตร์เพื่อต่อยอดสินค้าตัวเองให้มากขึ้นอีก ซึ่งนอกจาก Transformers แล้ว พวกเขายังประสบความสำเร็จกับการดัดแปลง G.I.Joe หุ่นทหารของเล่นของพวกเขากับ Paramount Pictures ไปหมาดๆ แผนจึงเกิดขึ้นกับของเล่นสองชนิดที่ Hasbro เชื่อว่ามันต้องประสบความสำเร็จไม่แพ้กันคือ กระดาษผีสุดหลอนอย่าง Ouja และ เกมกระดานเรือรบอย่าง Battleship

เกมกระดาษเรือรบนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Milton Bradley Company หรือ MB Game (ต่อมาถูก Hasbro ซื้อไป) เกมถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1931 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ด้วย ตัวเกมนี้จะเป็นกระดานให้ทั้งสองฝ่ายได้วางแผนในการนำเรือรบของฝั่งตัวเอง โดยผู้เล่นจะมีกองทัพเรือรบเอาไว้คนละ 5 ลำวางเอาไว้บนกระดานที่สมมติว่าเป็นทะเล และสั่งโจมตีเป็นพิกัดต่างๆ สลับกันไป ใครก็ตามจมเรือรบของอีกฝ่ายได้ครบก่อนจะเป็นผู้ชนะ โดยเรือรบของแต่ละฝ่ายมีดังนี้ เรือรบบรรทุกเครื่อง , เรือประจัญบาน , เรือพิฆาต , เรือดำน้ำ และ เรือลาดตระเวน โดยผลัดกันวางหมากสู้กันไปมาจนกว่าจะชนะ ซึ่งเกมๆนี้ได้รับความนิยมมากจนมาถึงปัจจุบัน Hasbro จึงไม่รีรอที่จะตั้งทีมพัฒนามันให้กลายเป็นหนังฟอร์มดี

โปรเจกต์การพัฒนา Battleship เป็นการจับมือกันของ Hasbro กับ Universal Pictures ที่กำลังเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญกัน ด้วยทุนสร้างของหนังวางไว้ที่ 150 ล้านดอลลาร์ และได้มีการเปลี่ยนเนื้อหาจากการต่อสู้ระหว่างเรือรบด้วยกันมาเป็นสงครามทางทะเลกับเอเลี่ยนแทน ซึ่งมีการออกแบบยานรบของพวกเอเลี่ยนเอาไว้โดยได้แรงบันดาลใจมากพวกแมลงสาบ เพื่อให้คนดูไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องเชื้อชาติของศัตรูในหนัง

กระนั้นในระหว่างที่บทภาพยนตร์กำลังพัฒนานั้นเอง ทาง Universal Pictures เริ่มรู้สึกว่า หนังมีบางอย่างที่ไม่เวิร์คอยู่มาก แม้ว่าช่วงนั้นกระแสของ Transformers กำลังมาก็ตาม แต่พวกเขารู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มีแรงดึงดูดที่น้อยมากหากเทียบกับหนังชุดนั้นของเจ้าพ่อระเบิดถนนป่นตึกผู้นั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับ G.I.Joe แล้ว พวกเขาเริ่มรู้สึกว่ามันจืดชืดกว่ามากๆ มีโอกาสที่ Battleship เรื่องนี้จะเจ๊งสูง จนมีข่าวว่าหนังอาจจะถูกยกเลิกการสร้าง ซึ่งนั้นจะทำให้สตูดิโอจะขาดทุนไป 30 ล้านดอลลาร์จากพัฒนาบทและเนื้อหาไปแล้วแบบเปล่าๆปลี้ๆ ทว่า Adam Fogelson ประธานคนใหม่ของค่าย Universal ตัดสินใจจะเดินหน้าโปรเจกต์นี้ต่อไป พร้อมกับการทำในสิ่งที่หลายคนไม่คาดคิดนั้นคือการเพิ่มงบประมาณให้หนังเรื่องนี้ เนื่องจากเขาคิดว่า ถ้าเพิ่มทุนให้หนัง โอกาสที่หนังจะเจ๊งก็จะน้อยลงด้วย เพราะถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่คนต้องไม่มองข้ามแน่นอน แบบเอาทุนเข้าสู้เพื่อกวักมือเรียกคนดู ส่งผลให้หนังเรื่องนี้มีทุนสร้างมหาศาลถึง 220 ล้านดอลลาร์ทีเดียว โดยเป้าหมายที่พวกเขาวางไว้คือ ต้องการให้มันเป็นแฟรนไชส์อันทรงคุณค่าที่จะมีภาคต่อตามมาเป็นพรวน และ เกมกับสินค้าต่างๆก็จะขายดีมากขึ้นด้วย นั่นคือสิ่งที่พวกเขาคิด

Peter Berg ผู้กำกับที่ผ่านการทำหนังแอ็คชั่นชั้นดีที่ไม่ได้มีแค่ระเบิดตูมตามอย่าง Hancock , The Kingdom , Friday Night Lights คือผู้ที่จะมาละเลงความมันส์ของหนังทุนหนาเรื่องนี้ เมื่องบประมาณหนังมันมหาศาลขนาดนี้ ก็ทำให้ผู้กำกับสามารถเนรมิตฉากอลังการออกมาได้มากมาย รวมทั้งการเลือกจิ้มใช้ดาราอย่าง Liam Neeson ที่เจาะตลาดคอหนังบู๊ , Tadanobu Asano ดาราที่เป็นขวัญใจชาวญี่ปุ่นที่ถือว่าเป็นเมืองที่บ้าของเล่นกันมากๆ ให้มาเล่นเรื่องนี้ แต่ที่ทำให้หลายคนแปลกใจคือ การมอบบทเด่นให้กับนักแสดงดาวรุ่งที่กำลังถูกจับตามองอย่าง Taylor Kitsch ให้มารับบทนำ ร่วมกับ Alexander Skarsgård และ การเปิดตัวบนจอเงินของแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง เอ่อ...ไม่สิ เธอเป็นนักร้องสาวชื่อดังในตอนนั้น นั่นคือ Rihanna ซึ่งทำให้หลายคนงุนงงว่า เธอมาเล่นหนังเรื่องนี้ได้อย่างไร ?

อันที่จริงต้องบอกว่า การเลือกนักแสดงของเรื่องนี้ซับซ้อนไม่ใช่น้อย เนื่องจากในตอนแรกแล้วบทนำของเรื่องนี้จะได้ Jeremy Renner มาเล่น แต่เนื่องจากคิวถ่ายของเขาดันไปทับหนังเรื่อง The Master (2011) เข้าพอดีทำให้ต้องปฏิเสธไป (ซึ่งเขาก็ไม่ได้บทจากหนังเรื่องนั้นเหมือนกัน อ้าว...) ทำให้ Peter Berg เลือก Taylor Kitsch มารับบทนี้ ส่วน Rihanna นั้นเขาอยากให้เธอมาเล่นตั้งแต่ไปให้สัมภาษณ์รายการของ Diane Sawyer ในช่วงที่มีข่าวเธอถูกแฟนหนุ่มอย่าง Chris Brown ทุบตีในเวลานั้น เขาดูการสัมภาษณ์ของเธอแล้วรู้สึกความเป็นนักแสดงชั้นยอดขึ้นมาได้ ทำให้เขาเลือกเธอแทนดาราหญิงจำนวนมากที่มาแคสบทนี้ แต่ว่ากันว่าจริงๆ Rihanna คือหนึ่งในแผนการตลาดดึงคนดูอีกอย่างเท่านั้น เพราะเธอฮอตมาก

นอกจากบรรดานักแสดงแล้ว สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของหนังจริงๆคือ บรรดาเรือรบที่ปรากฏในเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นเรือรบของจริงแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เรือรบ USS Missouri ที่เป็นเรือเอกของเรื่อง พร้อมกับเรือ USS Benfold (DDG-65), USS John Paul Jones (DDG-53), และ USS Sampson (DDG-102) นี่ยังไม่รวมทั้งนักแสดงประกอบกว่า 600 ชีวิต ที่มีทั้งกะลาสีเรือและลูกเรือจริงๆมาร่วมแสดง เนื่องจากหนังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือสหรัฐฯแบบเดียวกับที่หนังของ Michael Bay ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบกและอากาศของสหรัฐฯแทบทุกครั้ง นี่ยังไม่รวมถึงการที่ทางการญี่ปุ่นได้ส่งเรือรบระดับ Kongo-class และ กองกำลังป้องกันตัวเองจากญี่ปุ่น ให้มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย เรียกได้ว่าแทบจะเป็นการประชันโฉมเรือรบ อวดศักดากันในหนังเลยทีเดียว

หนังถ่ายทำกันในช่วงปี 2010 และวางแผนจะออกฉายตั้งแต่ปี 2011 ด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากหนังต้องใช้เวลาการตัดต่อ ถ่ายทำเพิ่มเติมในบางส่วน รวมทั้งการที่ทีมงานต้องการเน้นเทคนิคพิเศษต่างๆในหนังให้ดีขึ้น หนังจึงย้ายไปฉายในปี 2012 แทน ท่ามกลางข่าวลือว่า หนังมีหลายส่วนที่มีปัญหา แต่ก็ถูกปฏิเสธไปจากทีมงานของหนังว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรนอกจากมีการถ่ายทำเพิ่มเติมให้หนังมันดูดีขึ้นเท่านั้น

สุดท้ายหนัง Battleship ก็ออกฉายในวันที่ 18 พฤษภาคม 2012 ก่อนจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่บนโลกแผ่นฟิล์ม หนังทุนสร้าง 220 ล้านดอลลาร์เรื่องนี้ทำเงินไปได้เพียงแค่ 303 ล้านดอลลาร์เท่านั้นจากการฉายทั่วโลก พร้อมเสียงวิจารณ์แบบเสมอตัว บางคนชอบหนังมาก บางคนบอกว่า หนังมี CGI แต่เนื้อเรื่องน่าเบื่อ ขณะที่หลายคนโจมตีการแสดงของ Rihanna ว่าไม่ได้เรื่องจนส่งผลให้เธอได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Razzie Awards

นี่ยังไม่รวมถึงพระเอกหนุ่มอย่าง Taylor Kitsch ที่มีคนบ่นว่าเขาไม่มีความโดดเด่นใดๆในหนังเลย แถมนี่ยังเป็นหนังหนึ่งในสามเรื่องในปีนั้นที่เขารับบทดารานำที่พาหนังคว่ำคา Box office อีกสองเรื่องคือ John Cater และ Savage โดยเฉพาะ John Cater ที่เป็นความหายนะของ Disney เพราะหนังใช้ทุนไปกว่า 306 ล้านดอลลาร์ นั่นแปลว่า Taylor Kitsch แสดงนำในหนังทุนสูงที่เจ๊งติดๆกันสองเรื่องในปีเดียวกัน เขาแทบจะหมดอนาคตทางการแสดง

หลายคนถามหาเหตุผลว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงล้มเหลวทั้งที่มีอะไรหลายอย่างที่น่าจะทำเงิน คงต้องพูดถึงจังหวะที่หนังฉายก่อนว่า พวกเขาลงโรงในช่วงเวลาที่ The Avengers กำลังเข้าฉายพอดี และครอง Box office เบ็ดเสร็จ เช่นเดียวกับที่หนังช่วงนั้นล้วนแต่แข็งโป้กทั้งสิ้น คิดภาพว่า ในเวลานั้นมีหนังอย่าง MIB:3 , The Amazing spiderman , The Exprendable 2 , The Dark knight Rises หรือแม้กระทั่ง Prometheus ซึ่งล้วนแต่เป็นแฟรนไชส์ที่มีแฟนคลับและโดดเด่นกว่าหนังเรือรบเรื่องนี้เอามากๆ ที่สำคัญคือ ตัวเกมเองก็ไม่ได้มีแฟนคลับเหนียวแน่นแบบ Transformers หรือ G.I.Joe เป็น ยิ่งทำให้หนังมีแต้มต่อน้อย(แม้ทุนจะสูง)

กล่าวกันว่า Universal Pictures กับ Hasbro สูญเงินไปราว 150 ล้านดอลลาร์ จากการสร้างหนังเรื่องนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อหนังเรื่องนี้ลงแผ่น DVD ทำให้หลายๆคนที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ในภายหลังบอกว่า นี่มันหนังโคตรมันส์เลยนี่หว่า เพราะถึงแม้หนังจะเจ๊งบ๊ง แต่งานสร้างชั้นดี เนื้อหาที่เข้าใจง่ายไม่ได้ซับซ้อนอะไร หนังสนุกทำออกมาได้ดี บวกกับฝีมือการกำกับของ Peter Berg ที่ไว้ใจได้กับการทำหนังแอ็คชั่นเสมอๆ ส่งผลให้หนังทำเงินในการขายDVDไปได้ถึง 32.4 ล้านดอลลาร์กันเลยทีเดียว และหนังยังคงได้รับการพูดถึงอยู่จนถึงตอนนี้ในฐานะหนังสนุกๆ ที่ดันเจ๊งบนตาราง Box office ไม่ได้ต่างจากหนังอย่าง Deep rising , Starship trooper , Van Helising , Dracula untold ที่ล้วนแล้วแต่ไปมีลมหายใจก๊อกสองตอนลงแผ่นลงม้วนกันแล้ว และทุกๆเรื่องเมื่อถูกนำมาลงสตรีมมิ่งต่างๆก็ยังถือว่าได้รับความนิยมเป็นขวัญใจคอหนังที่ต้องกดดูเสมอๆเมื่อเลื่อนไปเจอ แต่อย่างที่ทราบกันว่า มันไม่น่าจะทันแล้วไหม ในเมื่อหนังมันเจ๊งไปนานแล้ว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.