หลิว อาจารียา เคลียร์ชัดข่าวเป็นภรรยาน้อยเจ้าของค่าย

เมื่อ หลิว อาจารียา ได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ก็ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตพร้อมเผยความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจ เพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรก สำหรับข่าวลือเป็นภรรยาน้อยเจ้าของค่ายที่ตัวเองนับถือเหมือนพ่อแท้เพราะให้กำเนิดเกิดขึ้นในวงการลูกทุ่ง ทุกเสียงลือที่เกิดบังคับใครให้เชื่อไม่ได้ทำได้เพียงปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์


ในระหว่างที่กำลังพีคๆ อยู่นั่นเอง ก็มีข่าวสกัดพีกออกมาว่า หลิว เหรอเมียน้อยเจ้าของค่ายไง

หลิว อาจารียา : ใช่… คือเขาคงเห็นอะไรบางอย่างที่มันผิดปกติ เช่น รักคุณพ่อบุญธรรมแบบที่ว่าเป็นพ่อแท้ๆ ของเราเลย เราไปเดินห้างกับรุ่นพี่ที่ร้องเพลงด้วยกัน มันมีชุดชั้นในขายและเราก็ไม่ได้คิดอะไร เราก็เลยเดินเข้าไปมันกำลังลดราคา โชว์ขึ้นมาว่าป๊าตัวนี้สวยเนอะ พี่เขาอยู่ด้วยนะ แต่ด้วยความเราไม่ได้คิดอะไรไง เขาก็อาจเอาไปให้เมาท์ได้

หลิว อยู่กับป๊าแล้วก็พี่เหลียนมาตลอด ก็คือผู้จัดการ(คุณแม่บุญธรรม) ก็จะมีคนมาเม้าท์ว่าเนี่ยสามคนผัวเมียอะไรอย่างนี้ (หัวเราะ) เราก็จะแสดงความรัก แบบว่ากอดบ้างหรือนอนตัก โดยที่ไม่ได้คิดอะไร เขาก็จะบอกว่าเหลียนนอนตักข้างหนึ่ง หลิว นอนตักข้างหนึ่ง เวลาเราไปหลังเวที มีรุ่นพี่ท่านหนึ่งถามเราตรงๆเลยว่า เราเป็นเมียน้อยพี่ปอนด์เหรอ หลิว ก็บอก ถ้า หลิว บอกว่าไม่ใช่พี่จะเชื่อไหม พี่ก็ต้องบอกว่าไม่เชื่อในใจพี่ เอาเป็นว่าแล้วแต่พี่จะคิดแล้วพี่ดูไปว่า หลิว ใช่หรือเปล่า 

 

ตอนนั้น หลิว เครียดหรือพยายามปกป้องตัวเอง หรือมันทำให้รู้สึกมีผลกระทบต่องานไหม

หลิว อาจารียา : ไม่ค่ะ คือถ้างาน หลิว รู้สึกว่าเราต้องทำให้เต็มที่ เครียดไหมมีบ้างแต่ หลิว แค่บอกกับตัวเองว่าปล่อยเขาคิดไป เพราะเขาไม่ได้มาเลี้ยงเรา เขาไม่ได้มีผลอะไร

 

เอาจริงๆเพราะเรารู้อยู่แกใจตัวเอง ว่าเราทำหรือไม่ได้ทำ

หลิว อาจารียา : ใช่ค่ะ 

 

แล้วในขณะเดียวกันพ่อบุญธรรม ซึ่งก็คือเจ้าของค่ายเพลงที่เราอยู่ด้วยเนี่ย เขารู้สึกอย่างไรกับข่าวนี้บ้าง ณ ตอนนั้น 

หลิว อาจารียา : เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน ก็ต้องปล่อยมันไป แต่ก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อะไรเป็นอย่างไร แต่ก็คือมันก็เป็นข่าว อันนี้ต้องบอกตรงๆคือไม่เคยพูดเรื่องข่าวเรื่องพวกนี้ ออกสื่อภายนอกเลยเพราะว่า ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวสื่อภายในวงการลูกทุ่งเท่านั้น ไปที่ไหนคนพูดไหม เมาท์ไหม เมาท์นะคะได้ยินรู้แต่ก็ปล่อยไป 

 

หลิว โกรธหรือรู้สึกไม่โอเคไหม

หลิว อาจารียา : มันก็มีนะช่วงจังหวะหนึ่ง เราบอกกับตัวเองว่าปล่อยเขาไปเถอะ

 

จริงๆ แล้วในความรู้สึกของหลิวคือ หลิว  นับถือพ่อบุญธรรมคนนี้เหมือนกับเป็นพ่อแท้ๆ เลย เพราะว่าเป็นเหมือนพ่อที่แบบ ให้กำเนิดในวงการ

หลิว อาจารียา : ใช่ค่ะ ให้กำหนดในวงการบันเทิง และพี่เหลียน ก็เหมือนเป็นคุณแม่บุญธรรม

 

ภรรยาของคุณแม่ก็เหมือนเป็นแม่ของเรา เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็คือ เหมือนเป็นพ่อแม่ลูกนั่นแหละ

หลิว อาจารียา : เพราะเขาดูแลเราอย่างดี คือหลิวโชคดีอย่างหนึ่งคือ พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงมาแต่ว่าตายายเลี้ยงมา แต่พอเรามาอยู่กรุงเทพฯ ก็จะมีป๊ากับพี่เหลียน ที่เป็นเหมือนพ่อแม่เรา หลิวก็เลยรู้สึกว่าหลิวไม่เคยขาดอะไรตรงนี้เลย หลิวมีครอบครัวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งครอบครัว รู้สึกรักเราด้วยความจริงใจ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.