จาก เด็กเสเพล สู่ 4 Kings หนังที่ไม่ได้อยากให้คนเอาเยี่ยงอย่าง โดย ตั๋วร้อนฯ
กระแสแอนตี้หนังอย่าง 4 Kings ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างออกรส ควบคู่กันไปกับการที่หนังภาค 2 ยังคงทำรายได้เป็นกอบเป็นกำไม่แพ้ภาคแรก ซึ่งมาพร้อมคำวิจารณ์ในด้านดี บางคนที่เคยแอนตี้หนังภาคแรก แต่ก็ทนกระแสไม่ไหวจนต้องไปหาดูตามหลังเอาในสตรีมมิ่ง แล้วพบว่าแม้หน้าหนังจะเหมือนสร้างมาปลุกระดมให้คนดูโดยเฉพาะเยาวชน-วัยรุ่น พากันเอาเยี่ยงอย่าง แต่บทสรุปท้ายที่สุดหนังก็ได้สอนอะไรบางอย่างให้คนดูรู้สึกได้ว่าไม่ควรเดินสายนี้
และพอเกิดมีกระแสแอนตี้ ก็จะเกิดคำถามตามมาว่า แล้วทำไมทีหนังต่างประเทศสามารถทำหนังแก๊งสเตอร์กันได้แล้วไม่ดราม่าว่าคนจะเอาอย่าง หนังของบรมครูผู้กำกับอย่าง Martin Scorsese ที่หลายๆ เรื่องมีธีมหลักเป็นหนังแก๊งสเตอร์ บางเรื่องก็นำเหตุการณ์จริงมาตีแผ่ ทางฝั่งฮ่องกงก็มี Infernal Affairs กับ กู๋หว่าไจ๋ ที่ทำออกมาหลายต่อหลายภาค ส่วนทางฟากญี่ปุ่นก็มี เรียกเขาว่าอีกา กับ Tokyo Revengers มาเป็นหัวขบวนของหนังแนวๆนี้ นี่ยังไม่รวมทางฟากอเมริกาใต้ที่ทำ City of God ออกมาได้อย่างถึงแก่นหนังแก๊งสเตอร์
ย้อนกลับมามองกันที่หนังแก๊งสเตอร์ไทยกันบ้าง เรามีงานขึ้นหิ้งอย่าง 2499 อันธพาลครองเมือง ที่สามารถปลุกกระแสหนังไทยให้คึกคักหลังจากซบเซามานาน , วัยระเริง ที่เคยถูกสร้างเป็นหนังมาแล้ว 2 เวอร์ชั่น , ถนนนี้หัวใจข้าจอง หนังที่มีความใกล้เคียงกับ 4 Kings มากที่สุด ซึ่งพูดถึงนักเรียนอาชีวะ และยังมี เด็กเสเพล งานนิยายคลาสสิคของ พนมเทียน ที่ถูกนำมาตีความให้เข้ากับบริบทสังคมไทยในยุคนั้น ออกมาเป็นหนังแก๊งสเตอร์ในปี 2539 เป็นยุคที่ดารานักร้องวัยรุ่นเริ่มหาความท้าทายในบทบาท หลังจากเคยสวมบทบาทในหนังแนวนักเรียนวัยใสกระโปรงบานขาสั้น
พูดถึงกระแสแอนตี้ ในยุค 90s ไม่ใช่ว่าไม่โดน ผู้กำกับฯ นพพร วาทิน ก็เคยพาหนัง "เด็กเสเพล" ของเขาฝ่ากระแสสังคมเข้าฉายแล้วทำรายได้ไปราวๆ 46 ล้านบาท เป็นรายได้จากที่พอสำรวจได้ในยุคนั้น ยังไม่รวมจากสายหนัง โรงต่างจังหวัดและหนังกลางแปลงแบบหนังล้อมผ้าเก็บบัตรอะไรอีกเยอะแยะ ซึ่งก็ถือว่าหนังได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้นเมื่อเทียบค่าเงินบาท
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ 4 Kings เคยเกิดขึ้นกับ เด็กเสเพล เป๊ะๆจนผู้กำกับต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่าใจเย็นๆ เข้าไปดูกันก่อน ถ้าพูดถึงเนื้อหาในหนังกันเพียวๆหนังไม่ได้บูชาให้กุ๊ยเป็นฮีโร่ เพราะท้ายที่สุดแล้วหนังมันสั่งสอนเด็กวัยรุ่นว่าอย่าเลย การคึกคะนองในเรื่องศักดิ์ศรีโง่ๆ จุดจบมันดูไม่จืดกันซักคน ถ้าไม่ตายก็ติดคุก แต่ในชีวิตจริงนั้นบุคคลที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วก็ต่างพากันบอกห้ามปรามเด็กรุ่นใหม่ ผ่านมุมมองเรื่องเล่าและการสูญเสีย
พูดถึงความนิยมในตัวหนัง ต้องขอบอกว่า เด็กเสเพล ในตอนนั้นได้สร้างปรากฏการณ์มากมาย มันเป็นยุคที่ไร้สื่อโซเชี่ยล กระแสของหนังถือว่าแรงกว่า 4 Kings มาก ยกตัวอย่างเช่น เด็กวัยรุ่นพากันตัดเสื้อดำผ่ากลางแล้วเอามาสวมทับเสื้อขาวอีกทีแบบที่แก๊งพระเอกที่นำแสดงโดย ฌานิศ ใหญ่เสมอ หรือ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ ซึ่งจุดจบคือโดนแม่ตีกันทั้งบาง เสื้อดีๆมึงเสือกเอามาตัดให้เป็นเสื้อขาดกันทำไม นั่นก็เป็นเหตุผลให้พ่อค้าหัวใสในตลาดนัดแถวบ้านนอก ถึงกับทำเสื้อดำผ่ากลาง ขายพ่วงเสื้อขาวด้านในที่มีโลโก้หรือโปสเตอร์หนังสกรีนในเสื้อด้วย พูดง่ายๆคือเรามีขายแบบสำเร็จรูป ผ่าครึ่งให้เรียบร้อย ไม่อยากโดนพ่อโดนแม่หวดก็พากันซื้อไปใส่ซะ
หนัง เด็กเสเพล มันมาในยุคหนัง RS.FILM ครองเมือง จากความสำเร็จของ รองต๊ะแล่บแปล๊บ , โลกทั้งใบให้นายคนเดียว , เกิดอีกทีต้องมีเธอ อะไรพวกนี้ มันทำให้ค่ายหนังอย่าง FIVESTAR ต้องหาลู่ทางทำหนังแนวนี้ออกมาสู้ จะเรียกว่าตามกระแสก็ย่อมไม่ผิด เพราะเดิมทีค่ายนี้จะดังมากกับการทำหนังนักเรียนแนวกระโปรงบานขาสั้นอะไรแนวนี้ FIVESTAR ขอเข้าสู่ความดาร์ค ทำหนังวัยรุ่นหม่นๆบ้าง แต่จะว่าเป็นการแข่งขันกับ RS เอาเป็นเอาตายก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ในเมื่อเพลงประกอบก็ต้องเป็นเพลงของ RS. ดารานำก็เด็ก RS. แต่จะหลากหลายขึ้นเพราะมีดาราที่เติบโตมากับ FIVESTAR มาร่วมแสดงกันด้วย เช่น อั๋น ศราวุธ , เจจินตัย , เขตต์ ฐานทัพ ซึ่งผู้กำกับได้จับมาปะทะกับ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ , ตั๊ก บริบูรณ์ (ตอนนั้นแกใสยังกะ Tom Cruise) แถมได้ดาราสมทบอีกคับคั่ง เช่น หนู เชิญยิ้ม ในฐานะเด็กคลองเตยที่มีประสบการณ์ตรง และตอนนั้นพี่หนูแกดังมาก จึงได้รับเชิญเป็นตัวสีสันของหนังไทยหลายๆเรื่อง ทางฝั่งรุ่นใหญ่ก็มีระดับ พิศาล อัครเศรณี กับ รุจน์ รณภพ สองนักแสดง-ผู้กำกับ มากฝีมือที่ต่างก็สวมบทบาทได้อย่างมีมิติ
ชื่อนางเอกก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้เราสะดุดกับหนังเรื่องนี้ คาเรน คล่องตรวจโรค ตอนนั้นเริ่มดังจากหนัง FIVESTAR เรื่อง ตัวเก็งเต็งหนึ่ง ก็ได้โอกาสมาแสดงนำเป็นนางเอกในเด็กเสเพล พูดง่ายๆว่า RS. จับมือกับ FIVESTAR นั่นแหละ โรงไม่แตกให้มันรู้ไป แล้วมันก็โรงแตก วิกแตกจริงๆ ทั้งหนังทั้งเพลง ทั้งแฟชั่น ซึ่งไอ้แฟชั่นเนี่ย ในฐานะที่ผู้เขียนก็เป็นอีกคนหนึ่งที่โดนแม่ตีเพราะผ่าเสื้อมาแล้ว พอเอามานั่งคิดในตอนนี้ กูใส่เสื้อแบบนั้นไปได้ยังไงวะ เห่ยชะมัด แต่ต้องยอมรับว่าในหนังมันเท่กันจริงๆ พี่ต๊ะในบทไอ้ทินนั้นเท่เหลือรับประทาน แต่ตอนจบมันไม่เท่เอาซะเลย หูแกโดนเฉือนไปข้าง
นี่เองถึงได้บอกว่า หากดูเป็นอุทาหรณ์สอนใจ หนัง 4 Kings หรือหนังแก๊งสเตอร์เหล่านี้ มันถูกเซ็ตไว้หมดแล้วว่าจุดประสงค์ในการสร้าง นอกเหนือจากการตลาด หนังมันมาเพื่อห้ามปรามจริงๆ ทั้งหนังไทยหนังเทศ ผู้สร้างตั้งใจแบบนั้น เพราะจุดจบมันมีแต่การสูญเสีย ดูจบแล้วอาจเกิดการยับยั้งชั่งใจ แต่ก็มีเป็นส่วนน้อยที่ลุกขึ้นมาทำพฤติกรรมเลียนแบบเพราะคิดว่ามันเท่ อย่างที่ทราบๆกันว่าหนังวัยรุ่นตีกันยุคนั้นหรือยุคไหนๆก็เจอดราม่าเหมือนกัน แล้วไม่ใช่แค่ เด็กเสเพล ด้วยนะ ทุกๆครั้งที่มีการสร้างหนังแก๊งสเตอร์ออกมา ก็จะเจอดราม่าอะไรแบบนี้ 2499 อันธพาลครองเมือง , อันธพาล , ตี๋ใหญ่(ละคร) ก็เคยเจอพิษดราม่ากันมาแล้วทั้งสิ้น แต่หนังก็ประสบความสำเร็จทุกๆเรื่อง อาจเป็นเพราะว่าคนดูส่วนมากแยกแยะได้ เข้าไปดูเพื่อความบันเทิง กลับออกมาได้แง่คิดอะไรก็ว่ากันไป
กลิ่นอายความสำเร็จของหนัง เด็กเสเพล กลับมาให้เราเห็นในหนัง 4 Kings ทั้งสองภาค เพราะหนังใช้นักแสดงนำบางคนที่เป็นนักร้องในชีวิตจริง และเพลงประกอบหนังก็โด่งดังติดหูตามตัวหนังไปติดๆ เพลงนักเลงเก่า ตอกย้ำความแรงให้หนัง 4 Kings ภาคแรก ซึ่งหนึ่งในนักร้องนำวงไททศมิตรอย่าง จ๋าย อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ก็เป็นหนึ่งในนักแสดงนำ แบบที่ ต๊ะ บอยสเก๊าท์ เคยพาเพลงเด็กเสเพลของเขาทะลุชาร์ตวิทยุแทบทุกคลื่น และกับ 4 Kings 2 เองก็มีเพลง ร้องไปกับฟ้า ของดารานำอย่าง แหลม สมพล ที่ร้องคู่กับ D GERRARD ซึ่งทั้งสองเป็นดารานำที่เป็นเมนหลักของเรื่อง รวมถึงเพลงบางสิ่ง ของ MODERN DOG ที่คุณแหลมนำมาขับร้องใหม่ โดยมีนักแสดงนำอีกคนที่ก็เป็นนักร้อง-นักดนตรีเช่นกันอย่าง แม็กซ์ เจนมานะ เป็นคนโปรดิวเซอร์ให้ เรียกได้ว่าเป็นโมเดลที่ เด็กเสเพล เคยทำแล้วประสบความสำเร็จมาก่อน
แต่หนังกระแสแรง ทำรายได้ทะลุ Box office แบบนี้ ยังไม่เห็นพฤติกรรมเลียนแบบจากหนังทางหน้าสื่อเลย แต่ถึงมีก็ไม่ได้แปลว่ามันเป็นผลพวงมาจากหนัง เพราะถึงไม่มีหนังอย่าง 4 Kings สร้างมา เด็กอาชีวะเขาก็ตีกันตลอดอยู่แล้ว แต่เชื่อเหลือเกินว่าอย่างน้อยๆที่สุด หากเด็กอาชีวะได้ดู 4 Kings ทั้งสองภาคจบ พวกเขาอาจจะเกิดคำถามในใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน ว่าทางที่กำลังเดินอยู่นี้มันจะจบแบบในหนังหรือไม่ คือพูดง่ายๆเริ่มหนาวๆร้อนๆกันแล้ว ไอ้ที่ตั้งใจจะออกไปตีรันฟันแทง เจอฉากจบของทั้งสองภาคเข้าไปอาจเปลี่ยนความคิดได้เลย เพราะหนังบอกกับคนดูแบบย้ำหนักแน่นเลยว่า ทางนี้มันไม่ได้เท่เลยนะครับ มันส่งผลกระทบแบบน่าสมเพชสุดกู่ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเปิดใจรับสาส์นจากหนังได้แค่ไหน ทั้งคนที่แอนตี้หนังเรื่องนี้เองก็ด้วย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.