“40 ปี คาราบาว” เวที "ก่อน" การจากลาของเหล่าวณิพกผู้ “ยืนยง” อย่างสมศักดิ์ศรี!

ตลอดปี 2566 นอกจากการเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวงรุ่นใหม่ คอนเสิร์ตรียูเนี่ยน ก็มีหลายวงที่ประกาศเล่นคอนเสิร์ตใหญ่สุดท้ายอย่าง ไมโคร ที่มีงาน MICRO THE LAST ร็อค เล็ก เล็ก และล่าสุดก็เป็นคิวของวงเพื่อชีวิตในตำนานอย่าง คาราบาว ที่มากับโชว์ คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว ซึ่งหลายคนให้ความสนใจ หลังจากที่ แอ๊ด คาราบาว (ยืนยง โอภากุล) ได้ออกมาประกาศยุติบทบาทวง "คาราบาว" ระหว่างเล่นในงาน Bom Sincharoen Fanmeet No.4 จนเป็นข่าวดัง 

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

ซึ่งหลังจากประกาศงาน แอ๊ด และเพื่อนอย่าง เล็ก-ปรีชา ชนะภัย, รี่-เทียรี สุทธิยง เมฆวัฒนา, อ๊อด-เกริกกำพล ประถมปัทมะ, ดุก-ลือชัย งามสม, หมี-ขจรศักดิ์ หุตะวัฒนะ, โก้-อัทธนันต์ ธนอรุณโรจน์ กับน้องเล็กอย่าง อ้วน-ธนะสิทธิ์ พันธุ์พงษ์ไทย ก็ได้ซ้อมเต็มที่ขณะที่คนดูก็ซื้อบัตรจนหมด Sold Out และตัวเราก็เป็นอีกคนที่ได้มาร่วมดูการแสดง เพราะเราเองก็มองว่านี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายในการดูคอนเสิร์ตคาราบาว ซึ่งในฐานะคนฟังเพลง เราเชื่อว่าถ้ามีโอกาสแบบนี้เข้ามา ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ ซึ่งในตอนนั้นเราก็ไม่รู้เลยว่าเรากำลังจะได้ดูโชว์ที่ดีมากๆ งานหนึ่ง

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

โดยการแสดงได้เริ่มในเวลา ทุ่มเศษๆ เริ่มด้วยซีนเปิดตัวเพลง “40 ปี คนคาราบาว” ที่สมาชิกแต่ละคนเริ่มจากแอ๊ดได้ค่อยๆ ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมภาพในอดีต ก่อนบรรยากาศจะค่อยๆ เปลี่ยนให้ร้อนแรงกับเพลง “บางระจันวันเพ็ญ” ที่มากับเอฟเฟกต์ไฟลุกบนเวที และตามมาด้วยเพลง “วณิพก”, “ยายสำอาง”, “ เมด อิน ไทยแลนด์” ที่หลายคนร้องตามกระหึ่ม และเปิดโอกาสให้อ้วนได้มาโชว์เป่าขลุ่ยในเพลง ก่อนตามด้วย “หลวงพ่อคูณ”, “ราชาเงินผ่อน” ที่อ้วนมาร้องนำ, ก่อนตามด้วย “ชาอุดร”, “เฒ่าทะเล” และเพลง “หำเทียม” ที่ตัวดุกมาร่วมร้อง และเพลง “กีตาร์คิงส์” ที่แอ๊ดส่งข้อความถึง แหลม มอริสัน ผู้เป็นแรงบันดาลใจผลงานนี้ และจากนั้นก็เป็นเพลง “คนล่าฝัน” ที่ฟีลกู้ด ก่อนตามด้วย “สัญญาหน้าฝน”, “คนขี้โกง” และ “บาปบริสุทธิ์” ซึ่งเป็นการไล่กราฟค่อยๆ ซอฟท์ลงเพื่อนำเข้าสู่พาร์ทเพลงโฟล์ค 

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

ในพาร์ทเพลงโฟล์คนั้น วงได้เริ่มจากเพลง “ลุงขี้เมา”, “ตุ๊กตา”, “ลูกรอ” ซึ่งพาร์ทนี้เป็นเพลงอะคูสติกที่เราบอกเลยว่าซาวด์ดีมากๆ ก่อนตามด้วย “ไม่ไผ่”, “คนเก็บฟิน” และเพลงฮิตสุดๆ อย่าง “ทะเลใจ” กับ “ชีวิตสัมพันธ์” ซึ่งผู้ชมได้สร้างบรรยากาศดีสุดๆ ในงานด้วยการเป็นเหมือนคอรัสให้กับวงตอนที่ร้อง โดยตลอดทั้งงานสิ่งที่เราชอบคือการแพนกล้องที่โฟกัสคนแสดงหลักขึ้นจอใหญ่ทั้งตอนร้องและไปที่มือของคนที่โชว์

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

หลังจากผ่านช่วงเพลงโฟล์ค การแสดงก็กลับมาในโหมดดนตรีที่เร็วขึ้น เริ่มจาก “ดอกไม้กับผีเสื้อ”, “ยอดมนุษย์ 2%”, “แม่สาย”, “ลุงฟาง”, “รักต้องสู้” ก่อนจะมีการส่งข้อความเด็ดถึงฝ่ายค้านในรัฐบาลให้เปิดใจช่วยเหลือผลักดันประเทศพร้อมร้องเพลง “แง้มใจ” โดยการแสดงที่เหลือก็มากับความสนุกมากขึ้น เริ่มจาก “นางงามตู้กระจก”, “เจ้าตาก” มาถึงเพลงรักอย่าง “รักทรหด” ก่อนตามด้วยเพลง “คนจนผู้ยิ่งใหญ่” ที่มีเงินรูปหน้าวงโปรยลงมา ก่อนตามด้วยเพลง “คนหนังเหนียว”, “วิชาแพะ”, “บิ๊กสุ” และเพลงน่ารักที่ร้องโดยอ๊อดอย่าง “กระถางดอกไม้ให้คุณ” และตามด้วย “รั้วทะเล”, “หลงวัฒน์” ก่อนจะเป็นการร้องเพลง “คาราบาวในโลกของพระเจ้า” ที่ทางวงทำเพื่อเล่าถึงสมาชิกที่เสียชีวิตไปแล้ว 

 คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

และก่อนงานจะจบ ก็มีพาร์ท VTR เล่าประวัติวง และตามด้วยโมเมนต์ที่สมาชิกทุกคนเผยความในใจบอกลา หลังวงจะหยุดรับงานในเดือนเมษายนปีหน้า และแต่ละคนได้พูดสิ่งที่จะทำ ขณะที่เล็กได้เผยว่าตัวเขาได้แต่งเพลง “วิถีควายเฒ่า” เพื่อบอกลากคนฟัง ก่อนตามด้วยแอ๊ดที่บอกว่าตัวเขาตั้งใจจะไปทำงานแต่งเพลง แต่ก็ทำให้ทุกคนดีใจด้วยการแง้มความเป็นไปได้กับการกลับมาเจอกันในปีที่ 45 ของวงจนบรรยากาศงานเปลี่ยนอีกครั้ง ก่อนจะโชว์เพลง “บัวลอย” เพื่ออำลาแฟนๆ โดยจอทั้ง 8 ได้ฉายสมาชิกทุกคน เรียกได้ว่าจุดเริ่มต้นและตอนจบนั้นอิมแพ็คมาก แต่ทว่า “บัวลอย” กลับไม่ใช่จุดอวสานของงาน เพราะคนที่อยู่ต่อก็ได้ชมอังกอร์เพลง “มนต์เพลงคาราบาว” กับ “กัญชา” กันต่อ 

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

สำหรับการแสดงของวงคาราบาวนั้น เรารู้สึกทึ่งกับความสามารถร้องและเล่นดนตรีมากๆ เพราะทุกคนทำหน้าที่ตัวเองเต็มที่มากกับเครื่องดนตรี และการร้องที่บอกเลยว่าตรงปกสุดๆ แถมยังถ่ายทอดได้อินสุดๆ ตามวัยที่ผ่านอะไรมาเยอะ และแม้สมาชิกจะมีอายุเยอะ แต่ทุกคนก็เล่นกันต่อเนื่องแบบไม่พัก ซึ่งความสมบูรณ์เหล่านี้ทำให้เราตกใจมากๆ เมื่อพบว่าสมาชิกเองก็อยู่ในช่วงที่รักษาตัวจากอาการป่วย และรู้อายุจริงของพี่ๆ หลายคนที่เข้าสู่หลักเลข 7 กันแล้ว แต่ยังเอาคนดูอยู่สุดๆ และยังมีอินเนอร์การถ่ายทอดที่สะกดเราไว้ได้ จนงานนี้ไม่จำเป็นต้องมีพร็อพหวือหวาและแขกรับเชิญเลย และเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากเต็มไปด้วยพลังงานแบบนี้ในวันที่มีอายุเท่าสมาชิก 

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

และในฐานะคนที่แทบไม่ได้ฟังเพลงคาราบาวมากนัก เรากลับค้นพบว่าภายใต้ภาพจำการเป็นวงดนตรีเพื่อชีวิตที่หลายคนมองว่าเป็นอิมเมจหลัก แต่จริงๆ แล้วพวกเขาความสามารถโหดมากๆ ทั้งการร้องของแอ๊ต,เล็ก และ เทียรี่ ไปจนถึงความสามารถในการเล่นดนตรีที่แทบทุกคนเล่นดนตรีได้มากกว่า 1 ชิ้น และขณะเดียวกันเพลงที่พวกเขาทำก็มีความหลากหลายไม่ใช่แค่ประเด็นสังคม แต่มีเรื่องมิตรภาพ การให้กำลังใจ และผลงานที่มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ แถมเรายังได้อัปเดตเรื่องราวต่างๆ ของสมาชิกในงานครั้งนี้ด้วย และเราอยากให้หลายๆ คนเปิดใจกับผลงานพวกเขา   

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

ทางฝั่งของสคริปต์ แม้จะเป็นการโชว์เพลงส่วนใหญ่ แต่ก็มีการเลือกเพลงมาดี และมีสคริปต์สำหรับคนหลากหลายเพศและวัย ไม่การเมืองหนักไป และยังเน้นเรื่องธีมหลักอย่างการฉลอง 40 ปีทั้งการนำเพลงหลากหลายยุคมาโชว์ การเล่าย้อนอดีต การให้เกียรติสมาชิก รวมถึงพาร์ท VTR และตอนจบที่เป็นการบอกความในใจ และทางฝั่งของคนดูก็ทำให้บรรยากาศสมบูรณ์มากๆ ทั้งการเชียร์ ทั้งการร้องตาม แม้จะมีบางคนที่จัดเต็มเกินเบอร์ไปบ้าง แต่โดยรวมบรรยากาศก็ถือว่าดี

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

สำหรับโปรดักชั่นนั้น งานครั้งนี้มีจอใหญ่ที่มีการฉายภาพสมาชิกวงขณะกำลังเล่น และภาพ VTR ต่างๆ รวมถึงแบ็คกราวด์ประกอบเพลง และมีการปล่อยควัน, พลุ การฉายไฟจากเพดานฮอลล์ (ซึ่งวางเป็น 3 เหลี่ยม) และสปอตไลท์ และไฟไพโรเทคนิค ที่เข้ากับโชว์พาร์ทเดือดๆ และที่ต้องชมเลยว่าแม้จะไม่ได้มีลูกเล่นบนเวทีเยอะอย่างเช่นการหมุนสลับตำแหน่ง แต่ซีนเปิดตัวปิดตัวนั้นออกมาน่าจดจำ และการแพนกล้องจับศิลปินนั้นถือว่าดีเลย เพราะได้เห็นทั้งอินเนอร์และลีลาการเล่นที่มือของมือกีตาร์จนเราแอบมองว่าคนคุมกล้องน่าจะมีความเนิร์ดทางดนตรีระดับหนึ่ง ส่วนพาร์ทดนตรีนั้นเราประทับใจตอนเพลงโฟล์ค ส่วนดนตรีพาร์ทอื่นๆ ก็ดี แต่ก็ยังมีโมเมนต์ลำโพงมีเสียงหอนและหึ่งออกมาบ้าง และมีบางช่วงที่บางเครื่องดนตรีที่จมหาย แต่ก็ไม่ได้มีทำให้อรรถรสเสียไปมากนัก และเราก็เข้าใจด้วยว่าการเล่นดนตรีหลายชิ้นนั้นมันมีความท้าทายเรื่องซาวด์ 

คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว

ความดีงามของการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว ทำให้เราดีใจถึงความเป็นไปได้ที่เราอาจได้ชมคอนเสิร์ตใหญ่รอบต่อไป ซึ่งในฐานะคนที่ได้ชมการแสดงของวงครั้งแรก เราก็อยากบอกทุกคนว่า “อย่าตัดสินคาราบาวว่าเป็นแค่วงการเมือง วงเพื่อชีวิตที่คอนเทนต์ไกลตัว” เพราะพวกเขามีอีกหลายมุมที่พิเศษจนเราอยากให้คุณมาสัมผัสด้วยตัวเอง