"กานต์ ณัฐชา" กังวลเสียงห้าวเป็นอุปสรรค กลบลุคสาวหวาน เจ็บจี๊ดถูกบูลลี่ไม่สวย
มีผลงานการแสดงให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับนักแสดงสาวดาวรุ่งวิกหมอชิต กานต์-ณัฐชา รัตน์ชยางคานนท์ ที่ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงจากเวทีการประกวด ไทยซุปเปอร์โมเดล 2020 ซึ่งหลายคนยกให้เป็นอีกหนึ่งนางเอกหน้าหวาน แถมมีน้ำเสียงห้าวเป็นเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
เมื่อ sanook.com มีโอกาสเจอ กานต์ ณัฐชา มาร่วมงานมาร่วมงาน 7 สี ช่วยชาวบ้าน สานฝันการศึกษา จึงได้พูดคุยถึงเรื่องเป็นนางเอกเสียงห้าว เจ้าตัวยอมรับเป็นอุปสรรรคต่อการแสดงละครไม่น้อย ถึงขั้นต้องไปเรียนการใช้เสียงแบบจริงจัง ทั้งยังเคยถูกคอมเมนต์บูลลี่ หน้าตาไม่สวย มาเป็นนางเอกได้ยังไง บั่นทอนจิตใจจนกือบรับมือไม่ไหว
เป็นนางเอกที่เสียงห้าวมาก ?
"จริงๆ หนูเป็นคนเสียงห้าว เวลาเล่นละครต้องดัดเสียงไปใช้ช่องเสียงอีกช่องเสียงนึง ถามว่าเรารู้ตัวเองมั้ย ไม่ใช่ค่ะ ผู้กำกับเขาบอก ก็จะมีบางซีนมันไม่ได้จริงๆ มันยากสำหรับเรามาก ต้องบอกว่าคือหนูเป็นคนเสียงห้าวตั้งแต่เกิดเลย เราก็ไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองเสียงห้าว จนมาเล่นละครเขาก็บอกว่า เรื่อง หงส์ฟ้า เรื่องแรกเลยที่เขาทักว่าเสียงห้าวกว่าพระเอกอีก"
ลุคเราดูหวานแต่พอพูดเสียงห้าวมาก ?
"อย่าพูด(หัวเราะ) มีแต่คนบอกอย่าพูดนะ ถามว่ามองเป็นจุดด้อยมั้ย ไม่นะคะ อาจจะเป็นเพราะว่าพอเรามาอยู่ในจุดที่เราต้องเป็นนางเอก ด้วยหน้าตาลุคเรามันอาจจะต้องออกหวาน ก็มีคนมาทักตอนโตนี่แหละค่ะ ตอนเด็กเราใช้ชีวิตปกติ คนรอบตัวเราไม่ได้โฟกัสเรื่องเสียง พอมาเป็นนักแสดงเพิ่งถูกทักค่ะ เราก็ไปเรียนเพิ่มเลยนะ เรียนการใช้เสียง"
เริ่มเรียนจริงจังเรื่องการใช้ช่องเสียง หลังจากถูกครูสอนการแสดงทัก ?
"ใช่ค่ะ เราไปเรียนเพิ่มเติม ในละครก็จะมีหลายเสียงหน่อย ถามว่าเล่นละครแต่ละเรื่องใช้เสียงเหมือนกันมั้ย แล้วแต่คาแร็กเตอร์ค่ะ อย่างเรื่อง ฤทัยบดี จะออกห้าวๆ หน่อยก็ใช้เสียงปกติได้ แต่ว่าเรื่อง หงส์ฟ้า คือผู้หญิงทีอ่อนแอแล้วก็เป็นสาวหวาน เรื่องนั้นเป็นเรื่องแรกที่เราต้องแบบตั้งสติทุกซีนในการปรับเสียงก่อน"
ทุกวันที่ไปถ่ายละครต้องตั้งสติปรับเสียงก่อนเข้าฉากตลอด ?
"ใช่ค่ะ (หัวเราะ) ปรับเสียงก่อนบทจำได้อยู่แล้ว เราปรับเสียงเราตั้งแต่ทำการบ้าน ถามว่าเป็นความกังวลอยู่ในใจมั้ย ช่วงแรกๆ ก็กังวลค่ะ แต่หลังๆ มาทางผู้กำกับเขาก็ค่อนข้าง เออ ช่างมันเหอะ ได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ซีนที่มันจะต้องหวาน เป็นซีนรักกุ๊กกิ๊กเขาจะเคร่งหน่อย"
มีจังหวะเผลอหลุดพูดเสียงปกติมั้ย ?
"มีๆ หลุดเสียงธรรมดาไม่เท่าไหร่ คือหนูเป็นคนหัวเราะห้าวด้วย จริงหัวเราะก็ไม่สวย(หัวเราะ) ในเรื่อง ฤทัยบดี ก็เล่นอย่างนี้เลย แต่หัวเราะไม่ได้เรียนนะคะ ถ้าหัวเราะในละครก็จะเป็นแบบเบาๆ ยิ้มหัวเราะนิดๆ อยู่แล้ว"
ตอนนี้การเปลี่ยนใช้ช่องเสียงพูดเริ่มพัฒนาขึ้น โดยไม่ต้องกังวลแล้วหรือยัง ?
"ก็ดีขึ้นค่ะ หลักๆ เราก็พอได้เป็นตัวละครเต็มที่มันก็จะปรับไปอัตโนมัติ แต่ก็ยังมีเนื้อเสียงของเราอยู่ แต่ผู้กำกับก็ไม่ติอะไรมาก การใช้เสียงก็เปลียนไปตามตัวละครค่ะ แต่มันก็ไม่ค่อยห่างกันมาก สุดท้ายแล้วด้วยความเป็นนางเอกก็ต้องหวาน (หัวเราะ) แต่ค่อนข้างจากตัวจริง มีแค่เรื่อง ฤทัยบดี ที่ค่อนข้างเป็นตัวเองห้าวได้"
จากนี้ผู้ใหญ่รู้แล้วว่าบทที่จะให้กานต์เล่นต้องออกห้าวหน่อย ?
"ใช่ค่ะ ห้าวหน่อย แต่ว่าหวานหนูก็ยังได้อยู่นะคะ ก็พร้อมจะฉีกคาแร็กเตอร์ ทำได้ค่ะเสียงแบบนี้ก็เหมือนเป็นเอกลักษณ์ของเราไปเลย"
ในบางครั้งเคยรู้สึกแย่มั้ยที่เสียงเราเป็นแบบนี้ ?
"เอาจริงๆ ก็มีบ้างค่ะ เวลาเราย้อนดูตัวเองในละคร บางทีถ้าเราเหนื่อยมากๆ เสียงเราจะแหบอัตโนมัติ เราก็จะแบบทำไมวันนั้นเสียงเราเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร"
แสดงว่ามีเหตุการณ์ที่เสียงเราทำให้การทำงานสะดุดบ้าง ?
"มีบ้างค่ะ(หัวเราะ) ย้อนกลับไปหงส์ฟ้า คือบทมันต้องร้องไห้เยอะมาก แล้วเวลาหนูน้องไห้บางทีก็อยู่กับตัวละครมากเกินไป คือไม่ได้ควบคุมสติเราในเรื่องการใช้เสียง เราก็ร้องไห้ออกมาเสียงห้าวเลย จนผู้กำกับบอกว่าคัทๆ ทำอารมณ์ใหม่ของใหม่ได้มั้ย คนดูกำลังจะซึ้งแล้ว แล้วผู้กำกับก็แบบมันไม่ได้กานต์ ร้องไห้เสียงฮือๆ แบบนี้ เราไม่ทันตั้งสติในการใช้เสียง"
กานต์มองว่าตอนนี้การแสดงเราพัฒนามากน้อยแค่ไหน ?
"กานต์จะเป็นคนชอบดูผลงานตัวเองมาตลอดค่ะ คือการดูผลงานมันจะทำให้เรารู้ว่าควรจะปรับตรงไหน เพิ่มตรงไหน ทุกวันนี้ก็ยังต้องปรับต้องพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ คือกานต์มองว่าการแสดงมันคือศิลปะ ที่เราจะไม่สามารถทำเหมือนเดิมซ้ำๆ เล่นเดิมๆ ได้นะ สิ่งหนึ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มก็คือหาคาแร็กเตอร์ตัวละคร ต้องอยู่กับตัวละครจริงๆ"
มีช่วงที่รู้สึกท้อถอดใจบ้างมั้ย ?
"ท้อแท้มั้ย มันมีมุมนั้นค่ะ แต่เราไม่ถึงขั้นท้อจนอยากจะออกจากวงการนะ บางทีแค่รู้สึกเหนื่อยล้ากับคอมเมนต์หลักๆ เลย ที่บั่นทอนเราจริงๆ คอมเมนต์นั้นไม่ได้เกี่ยวกับผลงานเราเท่าไหร่ค่ะ คือเป็นการเขาไม่ชอบหน้าเรา เขาบอกว่าหนูไม่สวย"
เจอคอนเมนต์บูลลี่หน้าตาบ่อยขนาดไหน ?
"ช่วงแรกๆ จะรู้สึกแย่มากเพราะเราใหม่กับวงการมากค่ะ เราไม่เคยอยู่ในจุดที่ใครจะมาคอมเมนต์อะไรก็ได้ ตอนนั้นเรายังปรับตัวไม่ทัน แต่โชคดีช่วงนั้นเราถ่าย ฤทัยบดี พอดี ก็จะมี โดนัท ภัทรพลฒ์ พระเอกที่เล่นด้วยคอยปลอบคอยให้กำลังใจ จะเป็นคนคอยบอกว่าอะไรปล่อยวางได้ก็ปล่อยนะ เพราะว่าอะไรที่เขาคอมเมนต์เพื่ออยากให้เรพัฒนาแล้วเราทำได้เราก็ทำ แต่อะไรที่มันเกินความสามารถเราจริงๆ ก็ต้องปล่อย เพราะเราไม่สามารถเป็นที่ชื่นชอบ หรือว่าที่รักของทุกคนได้ขนาดนั้น ให้ทำหน้าที่ของเราในฐานะเป็นนักแสดงให้ดีที่สุดดีกว่า"
ตอนนั้นรู้สึกดาวน์ขนาดไหน ?
"ดาวน์ถึงขั้นแบบหนูร้องไห้กับโดนัทค่ะ ทำไมเขาถึงต้องคอมเมนต์ขนาดนี้ คือประมาณว่า หน้าไม่สวย เป็นนางเอกได้ยังไง พอได้รุ่นพี่ในวงการเขาคอยให้กำลังใจ เออ มันก็จริง เราไม่สามารถปรับหน้าตาเราได้ อย่างโดนัทก็บอกว่า โดนัทก็เคยเจอมา แล้วพักนึงเราจะข้ามผ่านมันไปได้ คือเราเก็บแค่คอมเมนต์ที่สามารถทำให้เราพัฒนาในการเป็นนักแสดงได้ก็พอแล้ว เรื่องหน้าตาเราพอใจของเราตอนนี้แล้ว ก็ถ้าอนาคตเราไม่พอใจตรงไหนเดี๋ยวค่อยว่ากัน"
เป็นประสบการณ์โดนบูลลี่ที่รู้สึกแย่มากที่สุด ?
"ใช่ค่ะ อาจจะเพราะกานต์เพิ่งเข้ามาในวงการด้วยมั้ง พอเข้ายืนอยู่ในจุดที่ใครจะคอมเมนต์อะไรก็ได้มันก็เลยรู้สึกแย่แบบนี้"
ตอนนี้ปรับจิตใจพร้อมรับกับคอมเมนต์ต่างๆ หรือยัง ?
"เราก็ไม่ได้โฟกัสที่รูปร่างหน้าตาเราแล้ว ตอนนั้นโฟกัสหนักมาก ทำไมวะ เราไม่ดีเหรอ ตรงไหนอะไรอย่างเนี่ย ตอนนี้เราก็มองว่าเสน่ห์ของเราอยู่ตรงไหน ความสามารถหรือว่าพัฒนาการทางด้านการแสดงเป็นยังไง เราโฟกัสคอมเมนต์พวกนี้มากกว่าแล้ว สำหรับใครที่คอมเมนต์แบบไม่เห็นสวยเลย เราก็ปล่อยผ่านไปเพราะว่าเราก็เต็มที่ที่สุดแล้ว"
วงการบันเทิงสอนอะไรเราบ้าง หลังจากก้าวเข้ามาสักพักใหญ่แล้ว ?
"ถ้าในมุมของคอมเมนต์ก็อย่างนี้แหละ อะไรที่เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ อะไรที่เป็นคอมเมนต์ในเชิงที่อยากเห็นเราเติบโตขึ้น จากคนที่เขารักเราจริงๆ เราก็ค่อยเก็บตรงนั้นมาพัฒนาตัวเอง อะไรที่มันเหนือความสามารถของเรา หรือคอมเมนต์ลบจริงๆ เราก็อาจจะต้องปล่อยวาง อาจจะมีบ้างที่เก็บมาคิด
แต่มันก็ดีขึ้นกว่าปีแรกๆ ที่เข้าวงการค่ะ เราก็ได้รับกำลังใจจากแฟนคลับชมว่าการแสดงดีขึ้นเยอะเลยนะ มีพัฒนาการทุกๆ เรื่องเลย ตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจของเรา ที่ทำให้เรายังอยู่ตรงนี้ค่ะ จริงๆ หนูก็พยายามทำทุกโอกาส ทำทุกเรื่องให้ออกมาดีให้เต็มที่ ให้เราไม่รู้สึกว่ากลับมานั่งย้อนดูตัวเองแล้วเรารู้สึกไม่ดีกับละครที่เราเล่น อยากให้ทุกคนชื่นชอบผลงานของเราทุกๆ เรื่องค่ะ"
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.