คุยกับ NICECNX ถึงบ้านใหม่ระดับโลก EP ใหม่ และวันที่ "ฮิปฮอป" ไม่ได้ถูกแสงส่อง

กลายเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสุดๆ ของ NICECNX (บรรณวัฒน์ เรืองอารยะไชย) เพราะหลังจากการทำอัลบั้มแรกแล้ว ล่าสุดเขาได้เข้าสู่ค่ายฮิปฮอประดับโลกที่เปิดในไทยอย่าง Def Jam Thailand ในเครือ Universal Music Thailand และกำลังจะมี EP อัลบั้มที่ตัวเขาทำออกมาเป็นแนวซิตี้ป็อป

และในโอกาสที่ได้เจอกันทาง Sanook ก็ได้พูดคุยกับ NICECNX ถึงการเริ่มต้นในค่ายระดับโลก การทดลองแนวใหม่ และมุมมองในวันที่ฮิปฮอปไม่ได้ถูกแสงส่องเหมือนแต่ก่อนจนหายไปจากหลายๆ ไลน์อัพเทศกาลดนตรี 

NICECNX

NICECNX มาอยู่ใน Def Jam Thailand ได้อย่างไร 

NICECNX : เขาจีบมานานละครับ เขาถูกชะตา ก็ถามว่ามาอยู่ด้วยไหม แต่ตอนนั้นมีค่ายเดิม แต่พอค่ายเลิกทำก็ถามพี่เขาว่ามาอยู่ได้ไหมครับ ผมก็มีหน้าที่สนใจแค่เพลงและเนื้อเพลง ส่วนอื่นๆ ทีมมาร์เก็ตติ้งก็จะมาถามว่าแบบนี้โอเคไหม แล้วที่เหลือจะเสนอไอเดีย ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะหน้าที่ศิลปินคือการแต่งเพลงในสตูดิโอกับทัวร์คอนเสิร์ต เรื่องมาร์เก็ตติ้งควรมีหลังบ้านเป็นมืออาชีพครับ

เพลง “ถ้าหากว่ารักต้องเจ็บ” มีที่มาอย่างไร  

NICECNX : ตอนนั้นไปทัวร์คอนเสิร์ตกับน้อง Rachyo ก็มีน้องพึมพำว่า “ถ้าหากว่ารักต้องเจ็บ นั้นดีอย่างไร” แค่นี้เลย ผมก็แบบขอได้ไหมประโยคนี้ ซื้อเลยได้ไหม เอามาทำเพลง พอกลับมากรุงเทพก็มองว่าประโยคนี้น่าสนใจ แบบ “ถ้าคำว่ารักต้องเจ็บแล้วมันดียังไง” แต่บางคนก็ยังทนอยู่ 

EP AT NIGHT ต่างจากอัลบั้มก่อนหน้าในมุมไหนบ้าง 

NICECNX : เป็นเพลงที่แมส ฟังได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ได้เฉพาะกลุ่ม สื่อสารออกมาเวลาอยู่ในเมืองใหญ่กลางคืนผมเป็นอย่างไรตามเพลงเลย ประสบการณ์ทั้งหมดเรื่องความรักในอัลบั้มนี้ อัลบั้มนี้เป็นซิตี้ป็อป ไม่ค่อยมีแร็ป เพราะอยากให้จบๆ เป็นอัลบั้ม อย่างอัลบั้มนี้เป็นซิตี้ป็อป อัลบั้มหน้าจะเป็นแร็ป มันเป็นการท้าทายตัวเองเพราะตอนนี้ผมไม่ใช่แร็ปเปอร์ ไม่ใช่ฮิปฮอปอย่างเดียว เป็นศิลปินที่ถ่ายทอดศิลปะให้คนฟังครับ เหมือนโตขึ้นครับ 

ที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์ที่คนฟังฮิปฮอปจะมี คนที่เปิดรับแนวอื่นๆ และคนที่มองว่าฮิปฮอปต้องมีแบบดั้งเดิม ที่ผสมผสานหลายแนว ไนซ์มองมุมนี้อย่างไร เพราะไนซ์เป็นคนที่ไม่ค่อยอยู่ในกรอบ

NICECNX : ผมก็เป็น แบบก่อนจะทำเพลงแบบคนนี้ป็อป แล้วมองว่าแนวนี้ไม่ใช่ฮิปฮอป แต่จริงๆ ฮิปฮอปมันคือการใช้ชีวิตมากกว่า การเป็นอยู่มากกว่า Sprite ก็คือฮิปฮอปคนหนึ่ง แต่แนวเพลงมันเป็นสไตล์ของเขา ที่เขาถนัด เราถนัดอะไรก็ทำอย่างนั้น ผมมองว่าฮิปฮอปคือการใช้ชีวิตมากกว่า ผมก็เจอหลายๆ มุมมอง อย่างผู้ใหญ่จะมองผมฮิปฮอป แต่คนที่ฟังแร็ปจ๋าๆ จะแบบนี่ไม่ใช่ฮิปฮอป นี่มันป็อป ผมรู้สึกว่าไม่มีกรอบเรื่องนี้ แบบ Post Malone คนก็จะมองว่าเป็นฮิปฮอป บางคนก็มองว่าไม่ใช่ฮิปฮอป แต่เป็นศิลปิน แต่ด้วยรูปลักษณ์และสไตล์เขาเป็นฮิปฮอป แต่ด้วยแนวเพลงของเขาจะมีทั้งร็อค ทั้งฮิปฮอปมากกว่าครับ 

NICECNX

แล้วปัจจุบัน มีคนที่มองว่าเดี๋ยวนี้กราฟความอินฮิปฮอปมันมีความขึ้นลง จากปี 2017-2018 ที่บูมมากๆ ปัจจุบันก็มีกระแสดนตรีแนวอื่นขึ้นมาสลับขึ้นลง และมีหลายงานที่ไม่มีศิลปินฮิปฮอป เรามองยังไง 

NICECNX : มันอาจจะไม่ได้มีความขึ้นลง เพราะทุกคนมีฐานคนฟัง แต่วันนี้กลุ่มคนที่ฟังฮิปฮอป เขาก็ยังฟังอยู่ แต่เขาอยากฟังแนวอื่น และคนที่ฟังแนวอื่นเขาก็มาฟังฮิปฮอป จริงๆ ก็อยากฝากผู้ใหญ่ในเรื่องการให้โอกาสหลายๆ กลุ่มดนตรี หลายๆ แนว บางคนไม่มีชื่อเสียง ไม่มีค่าย ก็อยากให้มาโชว์ศักยภาพ บางคนยอดสตรีมมิ่งสูง แต่ไม่มีเวทีขึ้น บางทีการที่หายไป อาจเป็นการตัดสินใจของหลายๆ งานว่ากระแสมันดร็อปหรือเปล่า แต่ตัดสินใจพร้อมกัน พอฮิปฮอปไม่มีทีนี้ก็ว่าวุ่นเลย ก็ต้องไปหาเล่นตามร้านกัน ผมก็เหมือนกัน เมื่อก่อนอยู่ได้ทุกเวที แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยละ ก็อยากกลับไปเล่นงานใหญ่ๆ Big Mountain ส่วนใหญ่จะเป็นการให้โอกาสจากศิลปินอื่น อย่างพี่ มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ ที่ให้ไปเล่นงาน OCTOPOP ที่ราชมังฯ เป็น โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ ที่ชวนไปเล่นคอนเสิร์ตและเอาเพลงผมไปเล่น ก็หลายๆ คนครับ แต่อยากให้มีเวทีสำหรับฮิปฮอปครับ  

หลังจากนี้ NICECNX มีแพลนอะไรต่อ เพราะ Defjam เป็นประตูใหญ่มากๆ สำหรับศิลปินฮิปฮอปสู่เวทีโลก 

NICECNX : อยากจะสองอย่างคือฟีทเจอริ่งกับศิลปินต่างชาติในค่าย Universal เหมือนกัน อยากขึ้นคอนเสิร์ตต่างประเทศ และมีคอนเสิร์ตให้ได้ แต่ต้องดังกว่านี้ก่อนครับ 

NICECNX

อยากให้คนจำ NICECNX อย่างไร 

NICECNX : อยากให้จดจำ NICECNX เป็นศิลปิน ไม่ว่าจะปล่อยผลงานอะไร อยากให้เป็นความท้าทายและชาเลนจ์ของศิลปินคนนี้ว่าอัลบั้มหน้าอาจจะเป็นร็อคก็ได้แบบ Paper Planes “ทรงอย่างแบด” เพลงหน้าอาจจะเป็นแดนซ์ฮอลล์ เรเกตอน ที่เปิดตามผับ ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นอยากให้คนติดตามผมที่เป็นผมครับ  

Photo : Thanapol W.