รีวิว KIA EV5 รุ่น Earth Exclusive AWD อยากได้ของดีก็ต้องยอมจ่าย!
Kia EV5 ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีที่สามารถสร้างกระแสในประเทศไทยได้ไม่น้อย เพราะนอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม ราคาที่น่าคบหา ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากหันไปเล่นรถยนต์ไฟฟ้า แต่ยังกังวลกับแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดประเทศไทย
Kia EV5 ถูกเปิดตัวในประเทศไทยที่งาน Bangkok International Motor Show 2024 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่นย่อย ได้แก่
- Kia EV5 Light ราคา 1,249,000 บาท
- Kia EV5 Air ราคา 1,349,000 บาท
- Kia EV5 Earth Long Range ราคา 1,549,000 บาท
- Kia EV5 Earth Exclusive AWD ราคา 1,749,000 บาท
สำหรับรุ่นที่เราได้มีโอกาสทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่น EV5 Earth Exclusive AWD ซึ่งเป็นรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อเพียงรุ่นเดียวที่มีวางจำหน่าย
มอเตอร์คู่ 230 แรงม้า แบตเตอรี่เคลมทะลุ 600 กม.!
Kia EV5 รุ่น Earth Exclusive AWD ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุดรวม 230 แรงม้า (PS) แรงบิดรวมสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม.
ส่วนแบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 88.1 kWh ให้ระยะทางขับขี่ไกลสุด 620 กม. ต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC)
แต่หากต้องการระยะทางขับขี่มากกว่านี้ แนะนำให้ลองพิจารณารุ่น Earth Long Range ที่ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 88.1 kWh เท่ากัน แต่ติดตั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า 1 ตัว กำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ไกลเพิ่มขึ้นเป็น 665 กม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่สามารถรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC กำลังไฟสูงสุด 141 kW ใช้ระยะเวลาชาร์จจาก 10-80% ในเวลา 38 นาที และชาร์จปกติ AC สูงสุด 11 kW (3-phase) จาก 0-100% ใช้เวลา 8 ชั่วโมง 10 นาที
ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยว แต่ไม่ทิ้งความเป็นเอสยูวี
รูปลักษณ์ภายนอกของ Kia EV5 ถือเป็นไฮไลต์ที่ทำให้คนที่มีแผนจะซื้อรถใหม่หันมามอง EV จากค่ายเกาหลีคันนี้ได้ไม่น้อยทีเดียว เนื่องจากมีการออกแบบที่ดูโฉบเฉี่ยวจากหน้าจรดท้าย แต่ยังคงความภูมิฐานสมกับความเป็น C-SUV เทียบเท่าคู่แข่งอย่าง Honda CR-V, Mazda CX-5, Peugeot 3008/5008 และอีกหลายรุ่น
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก Kia EV5 Earth Exclusive AWD
- ระบบไฟหน้าทํางานอัตโนมัติ (Auto light)
- ไฟท้ายแบบ LED
- แร็คหลังคา
- ระบบปัดนํ้าฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor)
- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
- มือเปิดประตู Flush Type แบบไฟฟ้า
- หลังคาซันรูฟ Panoramic เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
- ฝากระโปรงท้ายไฟฟ้า Smart Tailgate
จุดต่างสำคัญของ Kia EV5 รุ่นบนทั้ง 2 รุ่น (Earth Long Range และ Earth Exclusive AWD) กับอีก 2 รุ่นเริ่มต้น (Light และ Air) คือการตกแต่งบริเวณซุ้มล้อและขนาดล้อ โดย 2 รุ่นบนจะตกแต่งซุ้มล้อและกาบข้างด้วยวัสดุสีดำเงา พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ส่วน 2 รุ่นเริ่มต้นจะตกแต่งด้วยวัสดุสีดำด้าน พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
อุปกรณ์มาตรฐานครบ วัสดุและงานประกอบก็ไม่ได้แย่อย่างที่ลือกัน
ภายในห้องโดยสารถือว่ามีความโปร่งโล่งอย่างที่คาดหวังจากรถกลุ่ม C-SUV โดยเฉพาะเบาะนั่งตอนหน้าที่ไม่ได้ออกแบบให้มีคอนโซลกลางกั้นระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารเหมือนกับรุ่นอื่นๆ หากแต่เบาะรองนั่งของฝั่งผู้โดยสารถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้าย Bench seat ยาวไปชนกับเบาะของผู้ขับขี่ ทำให้ห้องโดยสารมีความรู้สึกกว้างมากขึ้นไปอีก
คอนโซลหน้าโดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Digital Supervision แบบ LCD TFT ขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมเข้ากับหน้าจอสัมผัส LCD TFT ขนาด 12.3 นิ้ว อีกหนึ่งจอ โดยกึ่งกลางระหว่างจอทั้งสองจะเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบสัมผัส ที่ออกแบบเรียบเนียนราวกับเป็นส่วนหนึ่งของหน้าจอ
สิ่งที่น่าชมเชยของหน้าจอ Kia EV5 คืออิน Interface ที่ใช้งานง่าย ทั้งขนาดของปุ่มและฟอนต์ที่ค่อนข้างใหญ่ สามารถสัมผัสได้อย่างสะดวก แต่ปัญหาที่เจอคือแถบช็อตคัตที่อยู่บริเวณส่วนล่างของหน้าจอนั้น ผู้ใช้งานอาจเผลอแตะไปโดนได้แบบดื้อๆ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการวางฝ่ามือเพื่อสัมผัสกับหน้าจอ จุดนี้อาจจะต้องปรับตัวในการใช้งานกันพอสมควร
โดยปุ่มช็อตคัตดังกล่าวจะช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้สะดวกขึ้น เช่น แผนที่นำทาง, ระบบความบันเทิง, การตั้งค่า, ปุ่มโฮม และอื่นๆ แต่อย่างที่บอกว่ามืออาจเผลอไปโดนได้ง่ายจริงๆ
ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ 2 โซน พร้อมช่องแอร์สำหรับเบาะแถวหลัง ให้ความเย็นรวดเร็วทันใจแบบไม่มีปัญหา โดยปุ่มปรับแรงลมและอุณหภูมิแอร์จะถูกแยกไว้บริเวณใกล้กับช่องแอร์ จึงไม่ต้องมานั่งเล็งนิ้วบนหน้าจออยู่บ่อยๆ
ในรุ่น Earth Exclusive AWD ติดตั้งเบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนัง Bio PU สามารถปรับระดับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมฟังก์ชันนวดแบบ Air-Cell 6 จุดฝั่งผู้ขับขี่ และนวดแบบ Lumbar Stretch ฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งความแตกต่างของทั้ง 2 แบบ คือ เบาะฝั่งผู้ขับขี่จะสามารถปรับนวดได้ละเอียดมากกว่า ขณะที่เบาะผู้โดยสารจะเป็นการยืดยุบของระบบ Lumbar support เท่านั้น
เบาะนั่งผู้ขับขี่ยังเป็นแบบ Relaxation ที่สามารถปรับเอนเบาะทั้งตัวไปทางด้านหลัง เสริมด้วยเบาะรองน่องเพื่อเพิ่มความสบาย เหมาะสำหรับการจอดรถนั่งรอชาร์จไฟ หรือรอรับลูกที่โรงเรียน โดยที่เบาะรองน่องจะไม่สามารถยกขึ้นขณะรถกำลังเคลื่อนที่ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยขณะขับรถนั่นเอง
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ก็มีให้แบบครบๆ ทั้งระบบ Apple CarPlay และ Android Auto, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, Wireless Charger, กล้องมองรอบทิศทาง พร้อมเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง, แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง, เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อม Auto Brake Hold, กุญแจแบบ Smart Key และไฟเรืองแสง Ambient Light
ส่วนรุ่น Earth Exclusive AWD มีการเพิ่มเติมฟังก์ชันที่ไม่มีในรุ่นอื่นๆ ได้แก่ เบาะนั่งคู่หน้าพร้อมระบบอุ่นและระบายอากาศ, โต๊ะอเนกประสงค์หลังเบาะนั่งผู้โดยสาร, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Head-up Display, ลำโพง Harman Kardon 10 จุด และลิ้นชักอเนกประสงค์ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 5-55 องศาเซลเซียสบริเวณเบาะแถว 2
Kia EV5 ตั้งแต่รุ่น Air ขึ้นมาถูกติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS จำนวน 7 ฟังก์ชัน ได้แก่
- ระบบรักษาความเร็วคงที่อัตโนมัติแบบแปรฝัน (SCC with Stop & Go)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (BSCAA)
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาบนหน้าจอ (BVM)
- ระบบแจ้งเตือนและหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยหลัง (RCCA)
- ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน (LFA / LKA)
- ระบบป้องกันการชนด้านหน้าพร้อม Junction Assist
- ระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง (SEA)
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ประกอบด้วย ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง TSA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบควบคุมเบรกขณะลงทางชัน DBC, ระบบเบรก ABS / EBD, ระบบ Multi-Collision Brake, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลม และถุงลมนิรภัยระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
รุ่นมอเตอร์คู่แรงตามใจสั่ง แต่ช่วงล่างติดนิ่มไปนิด
มาถึงการทดสอบขับขี่ Kia EV5 รุ่น Earth Exclusive AWD กันบ้าง ต้องยอมรับว่าด้านอัตราเร่งของรุ่นมอเตอร์คู่ที่มีกำลังสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร สามารถตอบสนองได้รวดเร็วทันใจอย่างที่คาดว่าจากรถประเภทนี้
การขับขี่จากเชียงใหม่ไปยังเชียงราย ผ่านทางคดเคี้ยวและลาดชันเกือบตลอดเส้นทางทำได้อย่างมั่นใจ พละกำลังเหลือเฟือ จะมุดจะแซงก็ทำได้ตามใจสั่ง กดเมื่อไหร่เป็นมาเมื่อนั้น ถือเป็นข้อได้เปรียบของรถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือกว่ารถสันดาปชัดเจน
อย่างไรก็ดี ช่วงล่างของ Kia EV5 กลับพบว่ามีอาการติดนิ่มกว่าที่คาดหวังไว้สักเล็กน้อย แม้ว่าอาการโคลงจะค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับตัวถังแบบเอสยูวี แต่ในช่วงจังหวะจั๊มคอสะพานกลับพบว่ารถมีอาการ "สุดโช้ก" จนรู้สึกดีดเด้งเกินงามไปสักหน่อย
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Kia EV5 เหมาะกับการเป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป ไม่ได้เน้นขับซิ่งขับเร็วแต่อย่างใด ในทางกลับกันการใช้งานในเมืองที่ต้องเจอหลุมหรือฝาท่ออยู่บ่อยๆ ก็พบว่าสามารถซับแรงสะเทือนได้ดี ให้ผู้ใหญ่มานั่งโดยสารด้านหลังไม่มีโดนบ่นเรื่องความแข็งกระด้างอย่างแน่นอน
สรุปแล้ว Kia EV5 เป็นทางเลือกที่น่าคบสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถเอสยูวีไฟฟ้าขนาดพอเหมาะ จะขับใช้งานในชีวิตประจำวันก็ดี จะเป็นรถสำหรับครอบครัวในช่วงวันหยุดก็ได้ แถมยังได้ชื่อชั้นความเป็น Global Brand ต่างจากรถจีนอีกหลากหลายยี่ห้อที่มีในปัจจุบัน เอาเป็นว่าถ้าสนใจก็ต้องไปลองขับด้วยตัวเองที่โชว์รูมได้เลยครับ
รายละเอียดการรับประกันตัวรถ Kia EV5
- การรับประกันคุณภาพตัวรถ 7 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟรี 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 7 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
- การรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ (High-Voltage Battery) 8 ปี หรือ 160,000 กม.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.