i-ELOOP และ i-STOP ของดี แต่ไม่มีก็ได้
เทคโนโลยีในรถยนต์ คือ สิ่งถูกคิดค้นมาเพื่อช่วยให้การขับรถดีขึ้น ทั้งเรื่องของสมรรถนะ ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ รวมไปถึงในยุคนี้ก็ล้วนที่จะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย แต่ครับแต่ หากเทคโนโลยีนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วมีปัญหา ทางออกของผู้ใช้รถส่วนใหญ่คือการหาทางแก้ไขกันเอง ทั้งที่ค่ายรถควรจะผลิตวัสดุที่มีคุณภาพให้สมกับเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามา
ปีที่แล้วผมเคยเขียนถึงรถยนต์ยุคใหม่ ที่หากใครที่ใช้รถทุกวันและสังเกตกันให้ดี แบตเตอรี่จะหมดเร็วกว่าในยุคก่อน ๆ เพราะรถที่ผลิตตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่ใช้ระบบไดชาร์จ ที่เรียกว่า Alternator Management System หรือ AMS ที่ต้องอาศัยการทำงานของแบตเตอรี่มากขึ้น แต่ได้ประโยชน์ทำให้ช่วยประหยัดน้ำมันและลดไอเสียได้
ทว่าแบตเตอรี่ที่ใส่มาจากโรงงานคุณภาพไม่เพียงพอที่จะยืนระยะได้เกินกว่า 1 ปี รถยิ่งขับเยอะแบตฯ ยิ่งหมดเร็ว เพราะการทำงานของไดชาร์จยุคใหม่จะถูกควบคุมด้วยกล่อง ECU แบตเตอรี่ก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น เพราะหน้าที่ของมันไม่ใช่แค่จ่ายไฟตอนสตาร์ตเครื่องยนต์แล้วจบอีกต่อไป ทำให้รถหลายยี่ห้อแบตหมดเร็วภายในเวลาไม่ถึงปี
นั่นเป็นประสบการณ์ตรงที่ที่ผมเจอจากการใช้งานรถญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่งครับ ทำให้ผมต้องไปหาแบตเตอรี่จากร้านข้างนอกที่มันคุณภาพดีกว่าแบตเตอรี่ของศูนย์มาเปลี่ยนเอง และที่ตลก คือ เมื่อผมนำรถเข้าไปเช็กระยะที่ศูนย์ ดันไม่ตรวจสอบแบตเตอรี่ให้ เพราะเห็นว่าเป็นแบตฯ ที่เปลี่ยนมาจากข้างนอก ทั้งที่เหตุผลที่เปลี่ยนข้างนอกก็เพราะในการเข้าศูนย์ครั้งก่อนไม่ได้มีการแจ้งให้เปลี่ยน จนแบตฯ ไปหมดกลางทาง
มาถึงประสบการณ์ล่าสุดที่ผมเจอมากับรถอีกยี่ห้อครับ กับสุดยอดเทคโนโลยี i-ELOOP และ i-STOP ซึ่งเป็นระบบที่ทำงานคู่กันในรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งระบบ i-STOP ที่ว่านี้ มันก็คือระบบที่ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวขณะหยุดรถ ซึ่งก็จะมีชื่อเรียกต่างกันไปในรถหลาย ๆ ยี่ห้อ อาทิ Idling Stop, Auto Start Stop หรือ ECO Start/Stop แล้วแต่จะตั้งชื่อ
ซึ่งจากที่ผมเคยขับรถที่มีระบบนี้ และพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่รู้จักกันที่ใช้รถที่มีระบบนี้ บอกเลยว่าส่วนใหญ่ปิดระบบนี้เวลาขับ เพราะจะรำคาญมากเวลาจอดเพียงไม่กี่วินาที แล้วเครื่องดับ รวมถึงบางครั้งมันก็ดันดับในจังหวะที่เราไม่ต้องการ ส่วนรถรุ่นไหนที่ไม่มีปุ่มให้ปิดระบบนี้ก็ยิ่งหนักเลยครับ ก็ต้องใช้งานกันไป เว้นแต่จะไปหาวิธีปลดล็อกกันเองตามร้านข้างนอก
ซึ่งการที่รถมีปุ่มให้เปิด-ปิดการทำงานระบบที่ว่านี้ นั่นก็หมายความว่าในการใช้งานจริงค่ายรถก็ควรต้องทดสอบมาแล้วว่า สามารถใช้ฟังก์ชันนี้ได้โดยที่ไม่มีผลอะไรกับตัวรถ แต่อยู่ดี ๆ ขับ ๆ อยู่ กลับมีไฟสีส้มโชว์ อันเป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าระบบ i-ELOOP และ i-STOP นั้นผิดปกติ ซึ่งที่ช่วยได้ในตอนนั้นไม่ใช่ศูนย์บริการนะครับ แต่เป็น Google!
เพราะเมื่อไปเสิร์ชในกูเกิล ปรากฏว่าคนใช้รถรุ่นนี้เจอปัญหานี้กันถ้วนหน้า และมีแนวทางการแก้ไขกันแบบเสร็จสรรพ รวมถึงเมื่อเข้าไปในกลุ่มแฟนเพจของคนใช้รถรุ่นนี้ก็มีแนวทางการแก้ปัญหาในทิศทางเดียวกันครับ นั่นก็คือ เมื่อระบบมันมีปัญหา ถอดสายระบบนี้ออกไปดื้อ ๆ ตัดการทำงานของ i-ELOOP และ i-STOP ไปเลย ทุกอย่างจบ ดีกว่าเข้าไปเปลี่ยนอะไหล่ที่ราคาว่ากันว่าแตะหลัก 2 หมื่น
ส่วนระบบ i-ELOOP ที่คู่กันมานี้ คือ หนึ่งในเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน วิธีการคือนำพลังงานที่สูญเสียจากการเบรกรถ แปลงเป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วนำไปเก็บไว้ที่ตัวเก็บประจุไฟฟ้า (capacitor) เพื่อไปใช้เกี่ยวกับอุปกรณ์ระบบไฟต่าง ๆ อาทิ เครื่องเสียง แอร์ ซึ่งไฟจากส่วนนี้จะได้ใช้ประโยชน์ในช่วงที่ i-STOP ทำงาน (เครื่องยนต์หยุดทำงาน) นั่นเอง
อย่างไรก็ดี เราก็ไม่ควรปักใจเชื่อไปเสีย 100 เปอร์เซ็นต์นะครับ ควรจะเช็กกับศูนย์ด้วยเพื่อความชัวร์ ซึ่งคำตอบที่ได้จากศูนย์คือ “ระบบนี้สามารถตัดการทำงานได้ โดยไม่มีปัญหาอะไรกับการใช้งานของตัวรถ แต่ทางศูนย์ไม่รับทำ พร้อมแนะนำด้วยว่าสามารถไปหาอู่นอกจัดการได้เลย” อ้าว! ศูนย์บอกแบบนี้ก็จัดไปสิครับ รออะไร (ฮา)
ที่เล่ายาว ผมแค่อยากจะบอกว่าเทคโนโลยีที่เขาคิดค้นกันมาแล้วล้วนเป็นของดีทั้งสิ้นครับ เพียงแต่ว่าในการใช้งานจริง ค่ายรถช่วยใช้วัสดุที่มันมีคุณภาพและรองรับกับเทคโนโลยีนั้น ๆ ในระยะยาวด้วย ไม่ใช่ว่าใช้ไปไม่กี่ปีก็พัง เพราะไหน ๆ ก็อุตส่าห์ติดต้้งมาแล้ว ขอแค่นั้นเองครับ
ปล. ใครที่สงสัยว่าระบบนี้มันอยู่ในรถรุ่นใด ลองเอาคำว่า i-ELOOP และ i-STOP ไปเสิร์ชดูครับ รับรองว่า “ซูมซูม” มากันเพียบแน่นอนครับ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.