TAN ปิดเทรดวันแรก 16.40 บาท ต่ำจอง 0.61% VI ถือหุ้นใหญ่สะท้อนพื้นฐานธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (18 ต.ค.2566) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์
โดยเปิดซื้อขายที่ราคา 16.80 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 1.82% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 16.50 บาท ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 17.40 บาท ปรับตัวต่ำสุดที่ 14.00 บาท และปิดซื้อขายที่ราคา 16.40 บาท ปรับลดลง 0.10 บาท หรือคิดเป็นลดลง 0.61% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2,244.60 ล้านบาท
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TAN เปิดเผยว่า มีความพอใจกับราคาเปิดซื้อขายวันแรก แม้สภาวะตลาดในปัจจุบันไม่เอื้ออำนวย
ทั้งนี้ TAN วางแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ได้แก่ (1) ขยายสาขาแบรนด์ธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่กลุ่มบริษัทได้รับสิทธิในปัจจุบัน โดยในช่วงไตรมาส 3/2566 นอกจากการขยายธุรกิจในประเทศไทย กลุ่มบริษัทมีการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ
โดยมีการเปิดสาขาของ HARNN สาขาแรกในประเทศเวียดนาม และสิงคโปร์ และเปิดสาขา Marimekko สาขาแรกในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งกลุ่มบริษัทได้รับสิทธิการจัดจำหน่ายสินค้าแต่เพียงผู้เดียว (Exclusive Right) ในการนำเข้า จัดจำหน่าย ทำการตลาดสินค้าแบรนด์ Marimekko ในประเทศสิงคโปร์เป็นระยะเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทได้รับสิทธิในการบริหารจัดการร้านอาหารในเครือของ Gordon Ramsey เชฟชื่อดังระดับโลกในประเทศไทย โดยปีนี้คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ 2 สาขา รวมถึงจะลงทุนในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนธุรกิจและพัฒนาช่องทางการจำหน่ายออนไลน์รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
(2) ปรับโครงสร้างเงินทุนผ่านการชำระหนี้สินให้แก่สถาบันและ (3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารจัดการสาขาเดิม การขยายสาขาใหม่ รวมทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ตั้งเป้ารายได้ปี 66 พุ่ง 1,500 ล้าน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,288.41 ล้านบาท ตามกำลังซื้อในกลุ่มสินค้าแฟชั่นลักซ์ชัวรีที่ยังเติบโตต่อเนื่อง รวมทั้งในช่วงไตรมาส 4/2566 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ทำให้มีความต้องการใช้และการจับจ่ายใช้สอยค่อนข้างสูง
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทได้วางยุทธศาสตร์ขยายระบบนิเวศทางธุรกิจผ่านการต่อยอดแบรนด์ไลฟ์สไตล์ ภายใต้พอร์ตโฟลิโอสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพิ่มแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์แบรนด์ใหม่ที่มีศักยภาพเติบโต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กลุ่มบริษัท รวมทั้งนำเสนอแบรนด์กลุ่ม HARNN ผลิตภัณฑ์บอดี้แคร์ สกินแคร์ สปา และอโรมาเทอราพี ซึ่งกลุ่มบริษัทเป็นเจ้าของออกสู่ตลาดโลก ผ่านการต่อยอดจากจุดแข็งการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่มีแบรนด์สินค้าหลากหลายและมีศักยภาพในการเติบโตสูง พร้อมช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุม
ผสานรวมกับความเป็นเลิศทางการตลาด (Marketing Excellence) และความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติการ (Operational Excellence) รวมถึงทีมผู้บริหารและพนักงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นมาอย่างยาวนาน จึงช่วยสนับสนุนให้ TAN สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับภูมิภาค
“เชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ TAN จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากฐานทุนที่แข็งแกร่ง การขยายสาขาทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงการเพิ่มแบรนด์ใหม่ในพอร์ตโฟลิโอ การขยายระบบนิเวศทางธุรกิจสู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์อาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสร้างการเติบโตแบบ Group Brand Synergy พร้อมมุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทไลฟ์สไตล์สัญชาติไทยในเวทีระดับภูมิภาค” นายธนพงษ์ กล่าว
เซียนหุ้นถือหุ้นใหญ่สะท้อนพื้นฐานธุรกิจ
นายธนพงษ์ กล่าวว่า การเข้าถือหุ้นใหญ่ของนักลงทุนรายใหญ่นั้น มองว่าเป็นการสะท้อนพื้นฐานของธุรกิจและผลการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวดึงดูดความน่าสนใจและความเชื่อมั่น ส่วนระยะเวลาการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะถือหถ้นในระยะยาวเพียงใด
จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้น 10 รายแรก พบว่า นายนเรศ งามอภิชน ถือหุ้นอันดับ 2 จำนวน 3,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.00% นายสุระ คณิตทวีกุล ถือหุ้นอันดับ 3 จำนวน 2,513,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.84% นายสถาพร งามเรืองพงศ์ (เซียนฮง) ถือหุ้นอันดับ 4 จำนวน 2,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.83%
หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ถือหุ้นอันดับ 5 จำนวน 2,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.83% นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ (ผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้บริหาร บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA) ถือหุ้นอันดับ 6 จำนวน 1,515,100 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.51% และนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล (เสี่ยปู่) ถือหุ้นอันดับ 8 จำนวน 1,500,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.50%
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.