5 โบรกเคาะกรอบหุ้นไอพีโอ “MCA” ราคาเป้าหมาย 4.50 – 5.10 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินระดับความเหมาะสม ราคาหุ้น MCA ที่ราคา 5.10 บาทต่อหุ้น โดยให้น้ำหนักที่อุตสาหกรรมบริการทางการตลาดฟื้นตัว และธุรกิจใหม่(ผู้จัดจำหน่ายสินค้า) ช่วยหนุนการเติบโต ทั้งนี้อ้างอิงจากการเติบโตเฉลี่ยของ EPS ที่ 22% CAGR 2023 -2026 บนฐาน EPS ปี 2024 ที่ 0.26 บาท โดยประสบการณ์ในการให้บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดแบบครบวงจร และศักยภาพความแข็งแกร่ง จุดเด่นในการมีความสัมพันธ์ที่ดีและบริการสามารถวัดผลได้ตรงตามความต้องการลูกค้า ทำให้ฐานลูกค้าขยายตัวต่อเนื่อง
ขณะที่ภาวะอุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัวจาก COVID-19 โดยค่าใช้จ่ายการตลาดส่วนใหญ่กว่า 20% จะใช้ในกิจกรรมสร้างและบริหารแคมแพนทางการตลาด และกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ทางการตลาด ซึ่งตรงกับธุรกิจหลักของบริษัท ส่งผลให้บริษัทได้รับปัจจัยเชิงบวกจากการแนวโน้มการฟื้นตัว และการเติบโตของอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้บริษัทได้ขยายไปทำธุรกิจ Distributor หลังจากเห็นความต้องการที่มากขึ้นจากกลุ่มลูกค้าเดิมและสามารถ utilized capacity/expertise ของบริษัทได้ โดยเริ่มต้น pilot project รับสินค้าจำนวน 7 แบรนด์ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2566
นอกจากนี้ได้ประเมินผลการดำเนินการกลับสู่ขาขึ้นตามภาวะอุตสาหกรรม และมีโอกาสเกิด upside โดยคาดการณ์กำไรปกติในปี 2023 ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 119% (YoY) ขณะที่รายได้รวมปี 2023E ที่ 499 ล้านบาท (+34% YoY) โดยมี backlog เป็น secured revenue 96% และกำไรปกติปี 2024 ที่ 59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% (YoY) ขณะที่รายได้ปี 2024E ประเมินที่ 650 ล้านบาท (+30% YoY) อิงสมมติฐานเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากการกลับมาของภาคการท่องเที่ยว ส่วน GPM ในปี 2023 -24 ประเมินไว้ที่ 22% สะท้อนโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับปี 2022
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ให้ราคาเหมาะสม MCA ที่ 5 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ MCA เป็น ผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด พร้อมการให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดแบบครบวงจร โดยมีบริการหลัก 4 ประเภท 1) บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล 2) บริการบรรจุและจัดส่งสินค้า 3) บริการพนักงานแนะนำสินค้า 4) บริการจัดเรียงสินค้า โดยมองว่าภาพรวมการดำเนินงานในปี2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการจัดกิจกรรมการตลาดได้ใกล้เคียงกับสภาวะปกติก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด -19 และชัดเจนยิ่งขึ้นในปี 2567 หลังมีคณะรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่โอกาสทางธุรกิจที่มีมากขึ้นในการขยายสู่ธุรกิจใหม่ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้า ( Distributor)
และมีโครงการนำร่องตั้งแต่ 3Q66 จำนวน 1 โครงการ ในการเป็นสื่อกลางระหว่างเจ้าของสินค้าและผู้อุปโภคบริโภค ทำให้รายได้มีศักยภาพ เกิดขึ้นตามยอดขายสินค้าในช่องทางต่างๆส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด(Economies of Scale) ซึ่งจะสนับสนุนให้สร้างผลกำไรโดยรวมปรับดีขึ้น พร้อมประเมินรายได้จากการบริการ ในปี 2566-2567 ราว 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% (YoY) และ 625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% (YoY) ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับ 19%ต่อปี จึงใช้สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2566 ที่ระดับ 22.5% เท่ากับงวด 6 เดือนแรกปี 2566 และปรับดีขึ้นเป็น 23% ในปี 2567 ส่งผลให้ฝ่ายวิจัย ประเมินกำไรสุทธิในปี 2566-2567 ที่ 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% (YoY) และ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% ( YoY) หรือคิดเป็นอัตราการ เติบโตเฉลี่ย CAGR) เท่ากับ 50% ต่อปี
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)ให้ราคาเหมาะสมที่ 4.80 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า MCA เป็นผู้ให้บริการทางการตลาดที่หลากหลายและครอบคลุม ลูกค้าสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์ ทางการตลาดผ่านการร่วมงานกับบริษัทฯเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ลดความซับซ้อนของงาน เพิ่มความ ยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนงาน และมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีกว่า เมื่อเทียบกับการต้องร่วมงานกับผู้ให้บริการหลายรายพร้อมกัน ซึ่งเป็นจุดแข็งและโอกาสที่สำคัญของบริษัทฯ ที่จะใช้นำเสนอ หรือขยายการบริการใหม่ที่ต่อยอดงานเดิมกับลูกค้าได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ได้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2023-2024 ที่ 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% (YoY) และปี 2024 อยู่ที่ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75%(YoY) และคาดว่าจะรายได้จากการให้บริการรวมในช่วงปี 2023-24 เพิ่มขึ้น 22.8% และ เพิ่มขึ้น 23.3% ตามลำดับ เป็นผลมาจากรายได้จากทุกธุรกิจฟื้นตัวจากช่วงโควิดต่อเนื่อง ที่สำคัญการขยายงานในธรุกิจบริการใหม่ ได้แก่ 1) รายได้จากกลุ่มการบริการจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) เติบโตขึ้นมากที่สุด และเป็นหนึ่งในสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท และ 2) ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2023 บริษัทฯได้มีเริ่มดำเนินการโครงการนำร่อง (Pilot Project) สำหรับธุรกิจผู้จัดจำหน่าย สินค้า (Distributor) จำนวน 1 โครงการแล้ว โดยบริษัทฯจะมีรายได้ที่เกิดขึ้นตามที่ยอดขายสินค้าตามช่องทางต่างๆที่เกิดขึ้นในเวลา ดังนั้นส่วนเงินลงทุนในธุรกิจใหม่นี้จะมาจากเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหุ้นครั้งนี้
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ให้ราคาเป้าหมายของ MCA อยู่ที่ 4.60 บาท โดยฝ่ายวิจัยใช้วิธีประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้น MCA โดยใช้ P/E ของหุ้นที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันที่ระดับ 19.9x เท่า จากการขยายบริการและการเติบโตในธุรกิจใหม่อย่างการเป็นผู้จัดจำหน่ายที่คาดว่าจะทำให้รายได้เติบโตแข็งแกร่ง รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะมีการขยายตัวจากการเพิ่มงบการตลาดของบริษัทลูกค้าและการประหยัดจากขนาด ทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 61.0% CAGR ใน 2022-2025 และกำไรต่อหุ้นเติบโต 45.6% CAGR และคาดว่ารายได้สำหรับปี 2023-2025F จะอยู่ที่ 475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.3% (YoY) 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.0% (YoY) และ 685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6%(YoY)ตามลำดับ โดยบริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัลจะเป็นบริการหลักหนุนการเติบโตโดยคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 21.5% CAGR ใน 2022-2025 โดยใน 6 เดือนแรกปี 2023 มีจำนวนแบรนด์ที่ใช้บริการบริษัทแล้วอยู่ที่ 72 ราย (vs 2022 ที่ 57 ราย) ซึ่งภายในสิ้นปี 2023 คาดว่าจะมีจำนวนแบรนด์เพิ่ม ก่อนจะมีการเติบโตเฉลี่ยราวปีละ 10% นอกจากนั้นมองว่างบการใช้จ่ายทางการตลาดในแต่ละแบรนด์จะมีการปรับตัวขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ให้ราคาเหมาะสม MCA ที่ 4.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็น implied target P/E ที่19 เท่า สอดคล้องกับ forward PER ที่19 เท่า ทั้งนี้มองว่า MCA มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่งในอุตสาหกรรมจากความเชี่ยวชาญในการให้บริการการจัดกิจกรรมด้านการตลาดแบบครบวงจรได้มากกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมทั้งในกลุ่มของ listed company และกลุ่ม non-listed company ทำให้สามารถตอบโจทย์การทำกิจกรรมการตลาดได้ในหลายๆผ่านการส่งเสริม และวางกลยุทธ์ทางตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ สร้างความเชื่อมโยงกับผู้บริโภค และส่งเสริมยอดขาย ซึ่งมีฐานข้อมูลพนักงานรองรับการให้บริการทั่วประเทศกว่า 9,100 คน ขณะที่การดำเนินงานให้บริการของบริษัท ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีมาตรวจสอบผลการดำเนินงาน เพื่อวัดประสิทธิภาพในการทำงานให้กับทางลูกค้า สามารถนำไปต่อยอดพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้กับลูกค้าได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการของบริษัทได้มากขึ้นกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ
ทั้งนี้ ได้ประเมินผลการดำเนินงานของ MCA ที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ปี 2023 และคาดจะกลับไปสู่ระดับก่อนโควิดตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป โดยคาดกำไรสุทธิต่อหุ้นเติบโตเฉลี่ยที่ระดับCAGR 43% ในปี 2023-2025 และคาดกำไรสุทธิเติบโตจาก 17 ล้านบาทในปี 2022 เป็น 68 ล้านบาท ในปี 2025 จากรายได้เติบโต 32% 29% และ 17% ในปี 2023-2025 ตามลำดับ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในปี 2023-2025 ที่ระดับ 22-23% เทียบกับ 22.5% ใน1H23 และ 22.2% ในปี 2022 เป็นผลจากการเติบโตสูงของรายได้จากบริการ Merchandiser (มี GPM ที่ราว 17%) และรายได้จากบริการใหม่ SDS (GPM ราว 8-10%)ที่เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2H23 ซึ่งเป็นธุรกิจที่มี GPM ต่ำกว่าบริการกิจกรรมด้านการตลาดที่มี GPM สูงกว่าที่ราว 27% ในปี 2022
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.