สรุปงบไตรมาส 3/67 "กลุ่ม ปตท." พร้อมผ่างบท้ายปี หุ้นตัวไหนได้ไปต่อ ?

     "กลุ่ม ปตท." ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ออกมาบทสรุปคือ PTT , PTTEP , GPSC มีกำไรแต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน PTTGC , TOP , OR พลิกกลับมาขาดทุน ขณะที่ IRPC ขาดทุนต่อเนื่อง

     ขยายภาพผลประกอบการไตรมาส 3/67 บริษัทแม่อย่าง "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT" มีกําไรสุทธิ 16,324 ล้านบาท ลดลง 47.8% จากงวดเดียวกันปี 66 มีกําไร 31,297 ล้านบาท และมีกําไรจากการดําเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จํานวน 68,892 ล้านบาท ลดลง 73,400 ล้านบาท หรือ 51.6% เนื่องจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดําเนินงานลดลง โดยธุรกิจการกลั่นมีผลการดําเนินงานลดลงจากผลขาดทุนสต๊อกน้้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อย ขาดทุนสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 3/67 ประมาณ 20,000 ล้านบาทจากไตรมาส 3/66 มีกําไร 20,000 ล้านบาท

     กําไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ลดลงจาก 11.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แตะ 2.9 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ผลจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสําเร็จรูปส่วนใหญ่กับน้ำมันดิบที่ปรับลดลง

     โดย "ธุรกิจปิโตรเคมี" ผลการดําเนินงานเพิ่มขึ้นตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น "กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ" ผลการดําเนินงานลดลงตามการรับรู้ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น (Mark-to-market) ของสินค้าระหว่างการขนส่ง รวมทั้ง "กลุ่มธุรกิจน้้ำมันและการค้าปลีก" ผลการดําเนินงานลดลงตามกําไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรและปริมาณขายเฉลี่ยลดลง

     "กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ" ผลการดําเนินงานลดลงจาก "ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ" มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้นมากจากการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool คํานวณราคาก๊าซฯในปีนี้ และปริมาณขายลดลง แม้ราคาขายโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น

     ประกอบกับผลการดําเนินงานของบริษัทย่อยในกลุ่มธุรกิจก๊าซฯปรับลดลง โดยหลักจาก "บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จํากัด (PTTLNG)" เนื่องจากมีการลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 (LMPT2) ขณะที่ "ธุรกิจจัดหาและจัดจําหน่ายก๊าซฯ" และ "ธุรกิจก๊าซธรรมชาติสําหรับยานยนต์ (NGV)" มีกําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าเนื้อก๊าซฯที่ปรับลดลงตามราคา Pool Gas นอกจากนี้ "ธุรกิจระบบท่อส่งก๊าซฯ" มีผลการดําเนินงานเพิ่มขึ้น ตามปริมาณการจองใช้ท่อส่งก๊าซฯที่เพิ่มขึ้น

     ส่วนงวด 9 เดือนปี 67 มีกำไรสุทธิ 80,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,502 ล้านบาท หรือ 1.9% จากช่วงเดียวกันปี 66 ที่มีกำไร 79,259 ล้านบาท จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง รวมทั้งภาษีเงินได้ลดลง

     ถามว่า โบรกประเมินกำไร PTT ปีนี้อย่างไร

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า เบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิ PTT ทั้งปี 2567 ที่ 8.7 หมื่นล้านบาท ลดลง 21.9% yoy คาดแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติงวดไตรมาส 4/67 จะเห็นการฟื้นตัวจากงวดไตรมาส 3/67 โดยความคาดหวังจะอยู่ที่กลุ่มธุรกิจโรงกลั่น และปิโตรเคมีซึ่งเป็นการเข้าสู่ช่วงฤดูกาล ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะเพิ่มขึ้นตามฤดูหนาว

     รวมถึงความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพื่อทำของขวัญในช่วงเทศกาลปลายปีจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มสะท้อนให้เห็นได้จากค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ 4QTD67 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 4.9 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดีขึ้นจากค่าเฉลี่ยในงวดไตรมาส 3/67 ที่ 3.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งน่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงกลั่นดีขึ้นได้ QoQ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีคาดจะค่อยๆทยอยเห็นการฟื้นตัว แต่ความโดดเด่นอาจจะยังไม่เด่นชัดมากนัก คงต้องรอ

     บล.ยูโอบีเคย์เฮียน แนะนำซื้อ “PTT” ราคาเป้าหมาย 38 บาท คาดว่าในไตรมาส 4/67 กำไรหลักจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกำไรในธุรกิจ E&P และโรงกลั่น ซึ่งจะช่วยชดเชยยอดขายก๊าซที่ลดลงตามฤดูกาลได้อย่างเพียงพอ

     ขณะที่ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) แนะนำขาย PTT ราคาเป้าหมาย 32 บาท เชื่อว่าธุรกิจก๊าซยังคงถูกกดดัน แม้ PTT อาจได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/67 จากธุรกิจโรงกลั่นและ E&P ต้นน้ำในไตรมาส 4/67 อีกทั้งฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าสูตรราคาอีเทนใหม่จะไม่เอื้อประโยชน์ต่อ PTT เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขก่อนที่จะลงนามสัญญาอย่างเป็นทางการ

 

     TOP กำไรไตรมาส 4 ดีขึ้น

     บล.ทิสโก้ คาดกำไรสุทธิของ TOP จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/67เนื่องจากผลกระทบเชิงลบจากการขาดทุนสต็อคน่าจะลดลงหรือหายไป อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของการดำเนินงานหลักอาจยังคงจำกัด ค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์ปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยในไตรมาสนี้ถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน ขณะเดียวกัน อะโรเมติกส์น่าจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน โดยมาร์จิ้นของ PX เทียบกับ ULG95 ลดลง 22% และ BZ เทียบกับ ULG95 ลดลง 18%

     นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมตลาดการกลั่นที่อ่อนแอต่อเนื่อง ฝ่ายวิเคราะห์มองเห็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการ Clean Fuel Project (CFP) ของ TOP จึงคงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 37 บาท อิงจาก EV/EBITDA สิ้นปี 2568 ที่ 7.5 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 10%

 

     PTTEP กำไร Q4 ทรงตัว

     บล.พาย ประเมินแนวโน้มผลประกอบปี 2567 คาด 7.35 หมื่นล้านบาท ลดลง -4%จากปีก่อน โดยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปีนี้คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรปีดังกล่าว ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/67 กำไรทรงตัว เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งปัจจัยฤดูกาลและการส่งมอบที่ค้างส่ง หักล้างกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลง คาดว่า Downside ของราคาน้ำมันดิบจำกัด เนื่องจากการควบคุมอุปทานของ OPEC+ บริษัทกำลังพิจารณาการตั้งด้อยค่าโครงการ LNG MOZ หลักจากที่มีดีเลย์ไป 6 เดือนส่งผลต่อ Downside ในประมาณการกำไร

     ส่วนโครงการคาดว่าการลงทุนในแหล่ง LLB มีความชัดเจน FID ภายในไตรมาส 1/68 ทั้ง 2 โครงการคาดว่าใช้เงินลงทุน 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 88% ของเงินลงทุนพัฒนาโครงการทั้งหมดในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า คิดเป็นปริมาณการขาย ณ ปี 2571 ประมาณ 10% จากทั้งหมด 587 KBOED

     คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐานที่ 181 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 10% และ TG 0% คิดเป็น PE’24 อยู่ที่ 7.3 เท่า คิดเป็นระดับ -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี พร้อมทั้งอัตราเงินปันผลปี 2567-2568 ที่ 6.9% , 6.6% ตามลำดับ ตั้งสมมติฐาน ราคาน้ำมันดูไบปี 67-68 ที่ 82$/bbl และ 77$/bbl ตามลำดับ และทั้งราคานํ้ามันดูไบระยะยาวที่ 70$/bbl ตั้งแต่ปี 2569 หากทั้ง 2 โครงการดีเลย์เพิ่ม 1 ปี ส่งผลต่อราคาเป้าหมาย 12 บาท

 

     IRPC โค้ง 4/67 ดีขึ้น

     บล.เคจีไอ แนะนำขาย ราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 1.45 บาท อิงจาก PB ที่ 0.4 เท่า แม้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/67 จะดีดตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เพราะ spread ของน้ำมันเครื่องบินและน้ำมันดีเซลฟื้นตัวขึ้นจากอุปสงค์การใช้เชื้อเพลิงสร้างความอบอุ่นตามฤดูกาล แต่ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าราคาหุ้นจะยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มที่เป็นลบของ PP จากอุปทานใหม่ก้อนใหญ่ที่จะท่วมทะลักเข้ามาในตลาดในช่วงปี 2567-2569

     บล.ทรีนีตี้ แนะนํา Trading Buy ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 1.72 บาท แนวโน้มไตรมาส 4/67 ประเมินว่ามีโอกาสที่จะขาดทุนลดลงจากราคานํ้ามันที่อยู่ในระดับตํ่าแล้ว ดังนั้นคาดว่าไม่น่าจะเกิด stock loss มากเหมือนไตรมาส 3/67 ที่เกิดขึ้น ขณะที่ผลการดําเนินงานปกติคาดว่าจะขาดทุนอยู่ใน 1-1.5 พันล้านบาท ค่าใช้จ่ายปลายปีที่อาจจะสูงขึ้น ขณะที่ GIM คาดว่าจะทรงตัว QoQ ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับประมาณการปี 2567-2568 ลงเป็นขาดทุน -5.6 พันล้านบาท และขาดทุน -4.6 พันล้านบาท ด้วยแนวโน้มปิโตรเคมีที่เป็น down cycle

     แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมียังฟื้นตัวกว่าเดิมที่คาดไว้ แนวโน้ม supply จากประเทศจีนยังมีเข้ามาเพิ่มขึ้น แนวโน้มราคาหุ้นเคลื่อนไหวยังคงเป็น sideway ต่อไป ยังไม่มีปัจจัยสนับสนุน ปัจจุบันราคาหุ้น Trade ที่ -2SD downside จํากัดแต่ต้องรอเวลาการฟื้นตัว จึงแนะนํา Trading Buy แนวโน้ม ไตรมาส 4/67 น่าจะขาดทุนน้อยลง ไม่มีผล stock loss

 

GPSC กำไรไตรมาส 4/67 อ่อนแรง

     ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 5.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6%qoq จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่คาดปรับตัวดีขึ้น ตามทิศทางต้นทุนก๊าซฯและถ่านหินที่มีแนวโน้มลดลง YoY จากความกังวลเกี่ยวกับสภาวะสงครามที่เริ่มคลี่คลายช่วงสั้นงวดไตรมาส 4/67 คาดกำไรปกติอ่อนตัวลงต่อเนื่อง QoQ กดดันจากรายได้จากการขายไฟฟ้าโดยรวมที่คาดปรับตัวลดลง ตามการเข้าสู่ช่วง low season ของการใช้ไฟฟ้าในช่วงปลายปี รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะปรับตัวลดลงตามต้นทุนพลังงาน ทั้งก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการเตรียมสำรองพลังงานไว้ใช้ในช่วงฤดูหนาวของหลายประเทศทั่วโลก 

     นอกจากนี้คาดยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นปกติจากการบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานในช่วงปลายปี ถึงแม้คาดว่ายังมีแรงหนุนชดเชยได้บางส่วนจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ ตามการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลลม และเปิด COD ของโรงไฟฟ้า CFXD ในเดือน ธ.ค.2567 รวมถึงผลประกอบการของโรงไฟฟ้า XPCL ที่คาดจะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากปริมาณน้ำที่คาดยังอยู่ในระดับสูง และฐานต่ำในงวดไตรมาส 3/67 ก็ตาม

 

PTT พลิกเกมล่าท้าวิกฤติ เปิดรับพันธมิตรเสริมธุรกิจยกกลุ่ม

ปตท. มุ่งมั่น Net Zero ควบคู่ CCS เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

ปตท. มุ่งมั่น Hydrocarbon ควบคู่ลดก๊าซเรือนกระจก

PTT ทุ่มงบ 1,650 ลบ. ซื้อ "เทวา ฟาร์มา (ประเทศไทย)"

เปิดวิชั่น "ดร.คงกระพัน" ชูธุรกิจต้องดี-ขนาดใหญ่-มีจุดแข็ง สู่เป้า Net Zero

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.