ประเสริฐ จันทรรวงทอง รับบทเซลล์แมน อุ้ม NT หนีตายขาดทุน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการะทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย ถึงกระแสการเข้ามาลงทุนคลาวด์ และ ดาต้า เซ็นเตอร์ของต่างชาติ ตามนโยบายคลาวด์ เฟิร์ส ของรัฐบาล จะทำให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT มีพื้นที่ยืนในตลาดนี้หรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างเงื่อนไขนโยบายดังกล่าว เพื่อสร้างมาตรฐานการจัดซื้อ จัดจ้าง ราคา และ สเปค สำหรับภาครัฐในการใช้คลาวด์ตามนโยบายนี้ เชื่อว่าในรายละเอียดจะมีพื้นที่ให้ภาครัฐได้ใช้งานกับ NT อย่างแน่นอน
เขายอมรับว่า รายได้ใหม่ของ NT หลังหมดรายได้จากสัญญาพันธมิตรทางธุรกิจคลื่นมือถือ 2100 MHz และ 2300 MHz ที่ทำสัญญากับเอกชน คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ปีละ 10,000 ล้านบาท รวมถึงคลื่น 850 MHz ที่มีลูกค้าอยู่กว่าล้านเลขหมาย คือ รายได้จากคลาวด์ ซึ่งที่ผ่านมา NT ได้รับงบประมาณจาก สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เพื่อทำโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (Government Data Center and Cloud service : GDCC) ให้กับหน่วยงานภาครัฐ
ทว่างบประมาณล่าสุดในปี 2566-2568 ต้องดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อให้บริการกับหน่วยงานรัฐประมาณ 25,000 วีเอ็ม ซึ่ง คณะรัฐมนตรี ครม. เพียง 1,100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้งบประมาณกองทุนดีอี ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน โดยภาครัฐแจ้งความประสงค์ขอใช้งานเข้ามาถึง 40,000 วีเอ็ม
ปีนี้เอ็นทียังมีกำไรหลักร้อยล้านบาท แต่ปีหน้าขาดทุนแน่นอน เพราะเงินหายไปถึง 10,000 ล้านบาท
นอกจากรายได้คลาวด์ที่รองนายกฯและรมว.ดีอี มั่นใจว่า NT มีศักยภาพในการให้บริการแล้ว ตนเองกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับกระทรวงมหาดไทยในการให้บริการเทคโนโลยีสมาร์ทมิเตอร์ (Smart Meter) เพื่อให้บริการกับหน่วยงานภาครัฐ กับ การไฟฟ้า และ การประปา ทั้งในส่วนนครหลวง และภูมิภาค โดยสมาร์ทมิเตอร์ของ NT เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยี อาร์เอฟไอดี RFID (Radio Frequency Identification) คลื่นวิทยุระยะสั้น ทำให้สามารถตรวจวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าและน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องใช้พนักงานตรวจสอบตามบ้าน แบบเดิม ระบบนี้ยังสามารถแจ้งเตือน กรณีที่เกิดความผิดปกติในการใช้งาน เช่น การรั่วซึมของน้ำ ซึ่งจะช่วยประหยัดทรัพยากร กำลังคนและลดค่าใช้จ่ายให้กับหน่วยงานได้
ผมได้มีโอกาสหารือคุยกับท่าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้ว ให้ช่วยสนับสนุนในเรื่องนี้ เพื่อให้ NT มีรายได้ใหม่ๆในระยะยาว โดยกำลังอยู่ในระหว่างการเสนอโครงการให้กับหน่วยงานรัฐเพื่อขยายการใช้งานในระดับประเทศต่อไป
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า อีกหนึ่งโครงการสำคัญ คือ การบริหารจัดการซอฟต์แวร์และระบบอี-ออฟฟิศ (e-Office) ซึ่งรัฐบาลมีนโยบาย รัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์(e-Government) ส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐทุกแห่งยกระดับการให้บริการประชาชน ลดการใช้กระดาษ ซึ่ง ระบบอี-ออฟฟิศ ของ NT จะเป็นระบบไร้กระดาษ (paperless) ที่ถูกนำมาใช้ในหน่วยงานภาครัฐ ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้การดำเนินงานของภาครัฐมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย NT ได้พัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ที่ใช้ในระบบ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับคลาวด์ของ NT ได้ เพื่อให้การจัดเก็บข้อมูลและการใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นตามนโยบายคลาวด์เฟิร์ส และมีระบบไซเบอร์ซีเคียวริตี้ที่ปลอดภัยรองรับ
ปีนี้ NT จะมีการออกแคมเปญใหญ่เพื่อเชิญชวนให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานภาครัฐเข้ามาใช้ระบบ e-Office อย่างแพร่หลาย รวมถึงใน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่ไร้กระดาษเต็มรูปแบบ หากทุกหน่วยงานนำระบบนี้มาใช้อย่างแพร่หลาย NT จะมีโอกาสในการเพิ่มรายได้จากการขายซอฟต์แวร์และบริการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลในคลาวด์
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.