เอกชน ลุ้นหนัก โหวตเลือกนายกฯ จบ 22 ส.ค.นี้
ดร.ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า ภาคธุรกิจ คาดหวังเป็นอย่างมากว่า การโหวตนายกรัฐมนตรี รอบที่ 3 ในวันที่ 22 สิงหาคม นี้ จะได้ตัวนายกฯ และมีการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อมาบริหารประเทศโดยเร็ว หลังประเทศเกิดสุญกาศมาหลายเดือนเกินไปแล้ว ขณะนี้เศรษฐกิจประเทศกำลังการแก้ปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะภาคการส่งออก ที่ชะลอไปมาก ซึ่งสร้างผลกระทบไปทั้งห่วงโซอุปทาน (Supply Chain) ทั้ง ภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการจ้างงาน ไปจนถึงปัญหาการขาดสภาพคล่อง การบริโภคก็อ่อนแอลง ขณะที่ปัญหาภัยแรง ก็กำลังรอรัฐบาลเข้ามาแก้ไข บริหารจัดการอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ เห็นด้วย หากนายกฯของประเทศ คนต่อไปจะเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่กำลังจะถูกเสนอชื่อเข้าสู่การโหวตในสภาฯในรอบนี้ เนื่องจากขณะนี้ ไม่เห็นใครที่มีความเหมาะสมที่จะบริหารเศรษฐกิจประเทศ เท่านายเศรษฐา เพราะนายเศรษฐา เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์ด้านการบริหารธุรกิจหลายแสนล้านบาท หากบริหารเศรษฐิกิจไม่ดี ธุรกิจเขาก็พังเช่นกัน จึงเห็นควรให้ทุกฝ่ายเปิดโอกาสให้นายเศรษฐา เข้ามาบริหารประเทศ ขณะที่บุคคลอื่นๆที่มีชื่อแคนดิเดตนายกฯ ล้วนแต่เป็นนักการเมืองอาชีพกันหมด จึงอยากให้ทุกฝ่าย มองข้ามเรื่องในอดีต และช่วยประคับประคอง เพื่อให้เกิดการตั้งรัฐบาลได้สำเร็จโดยเร็ว
“ประเทศไทยตอนนี้ เหมือนเรือที่ลอยอยู่ท่ามกลางพายุ เรามองเห็นว่า กัปตันคนนี้น่าจะมีฝีมือดี นำพาเรือลำใหญ่ ฝ่าพายุเศรษฐกิจไปได้ เพียงแต่เราอย่าไปติดเรื่องเล็กน้อยในอดีต หากมองลึกลงไปทุกคนล้วนมีแผลหมด จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงไม่รู้ แต่เราก็ ignore เอาเรื่องใหญ่เดินหน้าประเทศให้ได้ดีกว่า ส่วนประเด็นร้องเรียนก็มีสิทธิ แต่ผู้เกี่ยวข้องต้องกลั่นกรองให้มาก อย่านำเป็นประเด็นเสมอไป ก็หวังว่า การโหวตนายกฯ 22 ส.ค.นี้ ควรได้ตัวนายกฯ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในปลายส.ค.หรือขอไม่เกิน ก.ย.นี้ จากนั้นจะได้เห็นหน้าตาครม.” ดร.ธนิตกล่าว
พร้อมกันนี้ มีประเด็นที่อยากฝากรัฐบาลใหม่ไว้ หากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ ต้องการให้นายเศรษฐา หรือพรรคเพื่อไทย สรรหาบุคคลที่มีฝีมือ มีประสบการเข้ามาช่วยบริหารเศรษฐกิจประเทศ โดยอยากเห็นรายชื่อทีม เป็นบุคคลเป็นที่ยอมรับ เหมือนเห็นชื่อ นายเศรษฐา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสิ่งที่กังวล และไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ หากโหวตนายกฯในวันที่ 22 ส.ค.นี้ นายเศรษฐาไม่ผ่านการโหวต จะส่งผลให้การตั้งรัฐบาล จากที่เคยหวังว่าไม่ควรเกินต้นกันยายนนี้ จะลากยากไปอีก ก็จะยิ่งสะท้อนได้ว่า มีการเล่นเกมทางการเมืองจริงๆ หากเป็นแบบนั้นเศรษฐกิจไทยจะยิ่งแย่
ส่วนที่พรรคเพื่อไทย มีนโยบาย ปรับขึ้นค่าแรง 600 ต่อวันนั้น มองว่า ไม่น่าเป็นห่วง เพราะพื้นฐานคนพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักการเมือง 100% เชื่อว่า จะมีความเข้าใจไม่ปรับขึ้นค่าแรงงทันที แต่จะเป็นการทยอยขึ้นภายใน 4 ปี ซึ่งภาคธุรกิจมีเวลาสามารถปรับตัวได้
ด้าน นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ตอนนี้ ภาคเอกชนก็มีความคาดหวังอย่างมาก ที่จะมีการโหวตชื่อนายกฯในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ประเทศจะได้มีตั้งรัฐบาล เพื่อเข้ามาบริหาร แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจประเทศโดยเร็ว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.