ผ่าเกม "หุ้นวายุภักษ์" ในมือ "คลัง-กองทุนVAYU" ยังน่าซื้อ รึ แพงเกิน ?
จบไปแล้ว! ปิดการจองซื้อ "กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง" แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.67 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดจองตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.67 ซึ่งไทม์ไลน์จากนี้กองทุนฯจะเริ่มลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป และในวันที่ 15 ต.ค.67 หน่วยลงทุน VAYU1 เข้าซื้อขายในตลาด
คาดหวังเม็ดเงินลงทุนกว่าแสนล้านบาทจะไหลเข้ามาในช่วงต้นเดือน ต.ค. และหลายฝ่ายต่างคาดหวังเม็ดเงินจะมากกว่า 1.5 แสนล้านบาทซึ่งจะช่วยผลักดันดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นต่อได้ แม้บทสรุปยอดจองซื้อวายุภักษ์หนึ่งจวบจนวันนี้(21 ก.ย.67)ยังไร้ตัวเลขที่แน่ชัดออกมาก็ตาม
แต่กระนั้น "หุ้นวายุภักษ์" ถูกโฟกัสมานานนับเดือนและราคาหุ้นมีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คำถาม คือ หุ้นที่กองทุนรวมวายุภักษ์หมายตา วันนี้ราคาหุ้นถูก หรือ แพง ? และ น่าสนใจหรือไม่ ?
ทีมข่าว "โพสต์ทูเดย์" ได้รวบรวมข้อมูล "หุ้นวายุภักษ์" ที่น่าสนใจ ภายใต้เงื่อนไข 5 ข้อสำคัญ ข้อแรก คือ "ต้องเป็นหุ้นที่ถือโดย กระทรวงการคลัง , กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง , กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)" เนื่องด้วยน่าจะเป็นหุ้นที่เป็นเป้าหมายและโอกาสที่เม็ดเงินลงทุนจากการเปิดจองซื้อกองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่งในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่ม
โจทย์ที่สอง คือ "กำไรปี 2567 - 2568 โตต่อเนื่อง"
โจทย์ข้อที่สาม คือ "ESG Score อยู่ระดับ AAA"
โจทย์ข้อที่สี่ คือ "อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ปีนี้จนถึงปีหน้าต้องมากกว่า 5%ขึ้นไป"
และ โจทย์ข้อสุดท้าย คือ "ราคานับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD)เพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยแค่ไหน" หากราคาหุ้นเป็นบวกนั่นอาจสะท้อนการปรับขึ้นมาค่อนข้างแรง แต่หากราคายังติดลบนั่นอาจบ่งชี้ว่าราคายังถูก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องใช้หลายแนวทางในการพิจารณาประกอบการลงทุนเช่นกัน
ทั้งนี้ ทีมข่าว "โพสต์ทูเดย์" รวบรวมหุ้นที่เข้า 5 เงื่อนไขสำคัญมีรายละเอียดดังนี้คือ
1. กระทรวงการคลังและกองวายุภักษ์ฯ อิงข้อมูลจาก SETSMART พบว่าถือหุ้นทั้งหมด 31 บริษัท คือ AOT , ADVANC , BBGI ,BBL , *BCP , BKIH , BEYOND , BSRC , CENTEL , DMT , GLOBAL , HMPRO , IVL , KBANK , KCE , KTB , KWC , MCOT , MFC , NEP (ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย CB (Caution - Business) เตือนว่าบริษัทเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงาน), OR, *PTT , RPH , SCB , SCC , SCCC , SCGP , SPRC , TFFIF , THAI (อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ) และ TTB
2. กำไรปี 2567-2568 โตต่อเนื่อง อิงข้อมูลจาก IAA Consensus พบว่า 23 บริษัทกำไรโตต่อเนื่อง ดังนี้คือหุ้น AOT , ADVANC , BBGI ,BBL , *BCP , BEYOND , BSRC , CENTEL , DMT , GLOBAL , HMPRO , IVL , KBANK , KCE , KTB , OR , *PTT , SCB , SCC , SCCC , SCGP ,TFFIF , TTB
3. ESG Score อยู่ระดับ AAA อิงข้อมูลจากเว็บไซต์ SETTRADE พบว่า 9 บริษัทมีเรตติ้งสูงดังนี้ ADVANC , *BCP , BKIH , KBANK , KTB OR , *PTT , SCC , SCGP
4. Dividend Yield สูงกว่า 5% ต่อเนื่องในปี 2567-2568 อิงข้อมูลจาก IAA Consensus พบว่า 8 บริษัทที่มียิลด์สูงคือ *BCP , DMT , *PTT , SCB , SCCC , SPRC , TFFIF , TTB
5. ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน(YTD) ระหว่างวันที่ 2 ม.ค. - 20 ก.ย.2567 ข้อมูลจาก SETSMART พบว่า 17 บริษัทที่ราคายังไม่บวก ดังนี้คือ BBL -1.28% , *BCP -15.52% , BEYOND -16.53% , BSRC -5.88% , CENTEL -10.29% , DMT -14.07% , GLOBAL -9.88% , HMPRO -11.11% , IVL -9.72% , KCE -27.73% , MCOT -10.69% , OR -9.42% , *PTT -6.99% , RPH -8.59% , SCC -22.22% , SCGP -20.83% , SPRC -16.97%
หากคัดกรองเฉพาะหุ้นที่เข้าธีม "คลังถือหุ้น , กำไรโตต่อเนื่องจนถึงปีหน้า , ESG เรตติ้งระดับ AAA , ปันผลมากกว่า 5% และราคายังไม่ขึ้นแรง" พบว่ามีเพียง 2 บริษัทเท่านั้นที่เข้าธีมที่สุด นั่นก็คือ "BCP" อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 3.54 เท่า PEG 0.03 เท่า อัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี(Price to Book Value (P/BV)) 0.67 เท่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) 50,601.93 ล้านบาท
และ "PTT" อัตราส่วนราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) 7.39 เท่า PEG 0.10 เท่า P/BV 0.8 เท่า Market Cap. 949,719.63 ล้านบาท
"หุ้น BCP ปิดการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 36.75 บาท ราคาหุ้น YTD ยังคงติดลบ -15.52% แต่ ESG เรตติ้งระดับ AAA กำไรปีนี้ 9,247.31 ล้านบาท ยิลด์ 5.64% ส่วนกำไรปีหน้า 11,026.08 ล้านบาท ยิลด์ 6.19% ราคาเป้าหมายปีนี้ 46.41 บาท
ขณะที่หุ้น PTT ปิดที่ 33.25 บาท ราคา YTD ยังคงติดลบ -6.99% แต่ ESG เรตติ้งระดับ AAA กำไรปีนี้ 97,906.70 ล้านบาท ยิลด์ 5.56% ส่วนกำไรปีหน้า 103,614.25 ล้านบาท ยิลด์ 5.76% ราคาเป้าหมายปีนี้ 38.13 บาท"
จุดวัดใจ
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังจากปิดยอดจองซื้อวายุภักษ์เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2567ที่ผ่านมา นักลงทุนมองว่าจะมีเม็ดเงินกว่า 1 แสนล้านบาทไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 ประกอบกับมีการเก็งกำไรล่วงหน้าว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาผลักดันดัชนีไปต่อได้ แต่ตลาดหุ้นอาจจะพักก่อนเพราะวิ่งมาราธอนมานาน ดัชนีอาจจะพักเติมพลัง โดยเฉพาะหากดัชนีเกินระดับ 1,480 จุด ใกล้ 1,500 จุดอาจจะพักเชิงจิตวิทยา
นอกจากนี้ สังเกตุการซื้อของนักลงทุนสถาบันในช่วง 3-4 วันแรกของเดือน ต.ค. หรือตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2567 ว่าสถาบันรายงานซื้อหลักพันล้านบาทเข้ามาต่อเนื่องหรือไม่และตลาดหุ้นไปต่อหรือไม่ เพราะหากสถาบันซื้อแต่ตลาดหุ้นไปต่อไม่ไหว นั่นอาจบ่งบอกว่าตลาดอาจจะอยากพักจากแรงเก็งกำไรเม็ดเงินจองซื้อวายุภักษ์ที่จะเข้ามาช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
"ตลาดจะพักหรือไม่ อาจต้องรอดูช่วงเข้าใกล้ 1,500 จุด หรือ รอดูตลาดช่วง 3-4 วันแรกของ 1ต.ค.2567 ถ้าสถาบันซื้อแต่หุ้นไม่ค่อยไปเราต้องเตรียมหาจังหวะหมุนพอร์ตบ้าง เพราะการขึ้นมาจากวายุภักษ์มีแรงขายทำกำไรรอ แล้วยิ่งสถาบันซื้อเยอะแต่หุ้นไม่ไปไหนแสดงว่าโมเมนตัมชะลอ แต่ถ้าสถาบันซื้อแล้วหุ้นไปต่อ เราก็ปล่อย Let Profit Run แต่ยังไงก็ต้องระวังเพราะดัชนีขึ้นมาแรง"
ยอดจอง"วายุภักษ์"วันแรกทะลุหมื่นล้าน คาด 5 วันไม่ต่ำกว่า 3.5 หมื่นล้าน
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.