"น้ำท่วม" รอบนี้ กระทบ "หุ้นนิคมฯ" แค่ไหน ?

     สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปีนี้อาจไม่รุนแรงหากเทียบกับปีพ.ศ. 2565 ที่ไทยเผชิญอิทธิพลพายุ 3 ลูก ทั้ง พายุมู่หลาน, หมาอ๊อน, โนรู และไม่รุนแรงเท่าปี 2554 ที่ได้รับอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมจากพายุที่เคลื่อนตัวมาจากทะเลจีนใต้รวม 5 ลูก ทั้ง พายุนกเต็น, ไหหม่า, ไห่ถ่าง, สาด, นาลแก

     แต่ถึงกระนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมมิใช่น้อย และยังคงต้องติดตามสถานการณ์ "น้ำ" อย่างใกล้ชิด ด้วยกรมอุตุนิยมวิทยาเตือน "พายุดีเปรสชัน"ลูกใหม่เตรียมเข้าไทย 20-23 ก.ย.นี้

     น้ำท่วมรอบนี้นอกจากภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆย่อมได้รับผลกระทบไม่ต่าง ช่วงที่เกิดน้ำท่วมปี 2565 ระยะเวลา 2 เดือนตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงราว 5% แน่นอนว่าหุ้นที่ได้รับผลกระทบเป็นหุ้นที่มีโรงงานหรือกิจการส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม อาทิ กลุ่มนิคม, กลุ่มอิเล็กฯ, กลุ่มยานยนต์ เป็นต้น เพียงแต่วันนี้ "โพสต์ทูเดย์" โฟกัสที่ "นิคมอุตสาหกรรม" หากสถานการณ์น้ำท่วมบานปลายขยายวงกว้างย่อมกระทบหนัก

     แต่ด้วยที่ผ่านมา นิคมฯขนาดใหญ่ อย่าง "บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA" ที่มีนิคมอุตสาหกรรมกว่า 13 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 77,600 ไร่ หรือ 30,700 เอเคอร์ หรือ 12,400 เฮคเตอร์ และมีนิคมในเวียดนาม ทั้ง เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน (WHA Industrial Zone 2 – Nghe An) คาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับเฟส 1 ของโครงการ บนพื้นที่ 1,200 ไร่ ภายในสิ้นปีนี้ , WHA Smart Technology Industrial Zone 1 จังหวัดทาญฮว้า เริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปีนี้ และ WHA Smart Technology Industrial Zone 2 จะได้รับใบรับรองการลงทุน (IRC) ภายในสิ้นปีนี้เช่นกัน

     รวมทั้ง "บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA" ที่มีนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี และ อมตะซิตี้ ระยอง , นิคมฯในประเทศเวียดนาม ทั้ง อมตะซิตี้ เบียนหัว (ACBH) จังหวัดด่งนาย (Dong Nai) อยู่ไม่ไกลจากเมืองโฮจิมินห์ , นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ลองถั่น (ACLT) จังหวัดด่งนาย ติดถนนไฮเวย์ เป็นเขตเศรษฐกิจ (Industry Zone) , นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ฮาลอง (ACHL) จังหวัดกว๋างนิญ อยู่ในเขต Economic Zone , ร่วมกับพันธมิตรตั้ง "นิคมอุตสาหกรรมดานัง" ในพื้นที่ภาคกลางของเวียดนาม นอกจากนี้ยังมี นิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ นาเตย (AMATA CITY NATUEY) ประเทศลาว และ อมตะซิตี้ ย่างกุ้ง (AMATA CITY YANGON)

     ทั้ง WHA และ AMATA มีการวางแผนรับมือสถานการณ์น้ำในไทย ทั้ง การปรับระดับพื้นที่ภายในนิคมฯให้สูงขึ้น พร้อมระบบป้องกันและระบายน้ำที่มีมาตรฐานที่ดีจึงไม่ได้รับผลกระทบเหมือนนิคมฯเล็กๆหรือนิคมฯที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง หากแต่ต้องยอมรับว่า ผลกระทบโดยตรงอาจจะไม่มาก แต่ถ้าพื้นที่รอบนอกเกิดน้ำท่วมย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจทางอ้อมเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การขนส่ง , การเดินทางเข้าพื้นที่ หรือ ลูกค้าไม่สามารถเข้ามาดูที่ก่อนซื้อเพื่อตั้งโรงงาน เป็นต้น  

     และด้วยทั้งสองบริษัทมีนิคมฯในเวียดนาม ดังนั้นจึงต้องประเมินผลกระทบ "สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศเวียดนาม" หลังจาก "ไต้ฝุ่นยางิ" พัดขึ้นฝั่งเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2567 โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากสุด คือ จังหวัดท้ายเงวียน (Thai Nguyen) และจังหวัดไฮฟอง (Haiphong) ซึ่งเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง แม้ทั้ง WHA และ AMATA ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จึงอาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจะขยายวงกว้างหรือไม่ 

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่าสถานการณ์น้ำท่วมในไทย ทั้ง WHA และ AMATA คาดว่าไม่ได้รับผลกระทบเพราะเตรียมตัวและบริหารจัดการน้ำอย่างดี เพียงแต่หากพื้นที่รอบนอกได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมย่อมส่งผลกระทบทางอ้อมต่อกิจการในนิคมฯเช่นกัน 

     โดยหุ้นนิคมฯที่น่าสนใจ เลือก "AMATA" โดดเด่นที่สุด ด้วย Valuation ที่ถูกหากเทียบกับ WHA ประกอบกับผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แนวโน้มอุปสงค์ของที่ดินเพิ่มขึ้น ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 คาดการขายที่ดินจะทำได้ดีต่อเนื่อง ผลประกอบการในงวดครึ่งปีหลังเติบโต HoH และ YoY จากการโอนที่ดินเร่งตัวขึ้น Backlog แข็งแกร่งหนุนกว่า 15,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% QoQ และเพิ่มขึ้น 90% YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) ปรับตัวดีขึ้น YoY บวกปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ได้แก่ นโยบายจูงใจให้เข้ามาตั้งฐานการผลิต เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีกลุ่ม EV ดังนั้นคงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 29.40 บาท