OSP ทิ้งดิ่ง! ขายโรงงานเมียนมาร์ฉุดไตรมาส 3 วูบ ... จังหวะ ซื้อ รึ ถอย ?

ราคาหุ้น "OSP" ซื้อขายวันนี้(2 กันยายน 2567) ณ เวลา 11.46 น. อยู่ที่ 21 บาท ลดลง -1.40 บาท คิดเป็น -6.25% มูลค่าการซื้อขาย 328.64 ล้านบาท โดยราคาขึ้นสูงสุด 21.50 บาท และ ลดลงต่ำสุด 20.50 บาท

 

รอจังหวะลงทุน

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า "บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP" จำหน่ายเงินลงทุนใน บริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น อีเกิ้ล จำกัด (MGE) และ บริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น กลาส จำกัด (MGG) รวมเรียก “MGE Group” ซึ่งเป็นบริษัทร่วมค้าที่ OSP มีสัดส่วนความเป็นเจ้าของ ร้อยละ 35% และ 51.84% ตามลำดับ ดำเนินธุรกิจให้บริการผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้ว (OEM) มูลค่ารายการราว 5 หมื่นล้านเมียนมาจัต หรือคิดเป็นเงินไทยราว 800 ล้านบาท ซึ่งในปัจจุบันเงินลงทุนคงเหลือใน 2 บริษัทดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 136 ล้านบาท

     อย่างไรก็ตาม บริษัทย่อยของ OSP มีภาระค้ำประกันเงินกู้ให้ทั้ง 2 บริษัทเป็นจำนวนเงินประมาณ 35.8 ล้าน USD และ 15,558 ล้านเมียนมาจัต คิดเป็นเงินไทยราว 1,470 ล้านบาท ดังนั้นฝ่ายวิเคราะห์ประเมินเบื้องต้นว่าการจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าว จะทำให้ OSP จะมีการรับรู้ผลขาดทุนจากหนี้สินค้ำประกันราว 500-600 ล้านบาทในกรณีเลวร้ายสุดในไตรมาส 3/2567

     การจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามแผนการยกเลิก (Divest) ธุรกิจที่มีผลประกอบการอ่อนแอ หรือไม่เป็นไปตามแผนของบริษัท เพื่อรองรับการทำ M&A ตามที่เคยให้ข้อมูลในประชุมนักวิเคราะห์ไม่ใช่ประเด็นใหม่ และคาดจะสิ้นสุดแผนดังกล่าวในปี 2567 ทำให้จะไม่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษอีกในปี 2568 เป็นต้นไป

     ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่าราคาหุ้น OSP ตอบรับเชิงลบต่อประเด็นดังกล่าว เชิงกลยุทธ์ แนะนำชะลอการลงทุน และรอหาจังหวะเข้าลงทุนอีกครั้งหลังงบไตรมาส 3/2567 ออก

 

จับตาบุ๊กขาดทุนขายโรงงาน 800 ลบ.

     บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) ปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ" แต่เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 24.60 บาท จาก 23.20 บาท เนื่องจากหุ้นมีอัพไซด์จำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายใหม่

     และแนวโน้มกำไรชะลอในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 แม้ฝ่ายวิเคราะห์ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567 เพื่อสะท้อนกำไรที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 จากธุรกิจต่างประเทศ แต่กำไรหลักในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 คาดว่าจะลดลงจากผลกระทบตามฤดูกาล

     ขณะที่กำไรสุทธิจะถูกกดดันจากการบันทึกขาดทุนจากการขายโรงงานผลิตขวดแก้วในเมียนมาร์ ประเมินเบื้องต้นในกรณีแย่สุดจะมีผลขาดทุน 800 ล้านบาทซึ่งจะเป็นดาวน์ไซด์ต่อกำไรสุทธิปี 2567 นี้ OSP ซื้อขายที่ P/E ปี 68 ที่ 20.3 เท่า เทียบกับ 18.3 เท่าของกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์ชอบ CPF ราคาเป้าหมาย 28.10 บาท เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีหลัง

3 ประเด็นที่ยังชอบ OSP

     บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 28 บาท โดยมีมุมมองเป็นลบเล็กน้อย จากประเด็นจำหน่ายธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโรงแก้วที่เมียนมาร์ แม้การจำหน่ายธุรกิจโรงแก้วในเมียนมาร์จะไม่ส่งผลกระทบต่อ core business อย่างธุรกิจเครื่องดื่มในเมียนมาร์ แต่ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าหลังการจำหน่ายและโอนหุ้นโรงแก้วเสร็จสิ้น ฝ่ายวิเคราะห์คาด OSP จะมี impairment loss ที่ -794 ล้านบาท ทั้งนี้ การ divestment ธุรกิจโรงแก้วในเมียนมาร์เป็นไปตามแผนของ OSP โดยในปี 2024E จะ focus ใน core business 

     ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการขายธุรกิจโรงแก้วในเมียนมาร์ จะเป็น short term pain for long term gain สำหรับ OSP โดยช่วยลดภาระการขาดทุนจากการประกอบธุรกิจดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายฯมองว่า การขายธุรกิจโรงแก้วในเมียนมาร์ไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจเครื่องดื่มในเมียนมาร์ เนื่องจากสินค้าเครื่องดื่มในเมียนมาร์ อยู่ในรูปแบบกระป๋อง และธุรกิจโรงแก้วในเมียนมาร์ รับผลิตและจัดจำหน่ายขวดแก้ว OEM โดยฝ่ายฯคาดรายได้ธุรกิจเครื่องดื่มในเมียนมาร์ในไตรมาส 3/2567  ยังคงเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาลคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 

     ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 2,885 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY และกำไรปกติที่ 3,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY ฝ่ายฯคงประมาณการกำไรปกติที่ 3,204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY เบื้องต้นฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรปกติในไตรมาส 3/2567 จะขยายตัว YoY จากรายได้ทั้งในและต่างประเทศที่ขยายตัว และ GPM ขยายตัว แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล, GPM ปรับตัวลดลง QoQ และ tax rate เพิ่มขึ้น เนื่องจากสัดส่วนรายได้ต่างประเทศลดลง ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่ได้รวมผลกระทบจากการขายธุรกิจโรงแก้วในเมียนมาร์ในประมาณการ โดยรอรายละเอียดเพิ่มเติมจากบริษัท หลังจบ transaction

     อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์คงราคาเป้าหมายที่ 28 บาท อิง 2024E Core PER 26.0x ฝ่ายวิเคราะห์ชอบ OSP จาก 1) market share ของ energy drink ในประเทศที่ฟื้นตัว และ 2) รายได้เมียนมา เติบโตสวนกระแสความไม่สงบในเมียนมา โดยได้ประโยชน์จากโรงงานที่ตั้งอยู่ที่เมียนมา ส่งผลให้ยอดขาย Shark ดีต่อเนื่อง และ 3) valuation ไม่แพง ปัจจุบันเทรดอยู่ที่ 2024E Core PER 20.9x น่าสนใจ ยังไม่สะท้อนกำไรปกติปี 2024E ที่เติบโตโดดเด่น

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.