นโยบายรัฐบาล "เศรษฐา" หนุน 11 กลุ่มอุตสาหกรรม ดัน SET ปี 67 พุ่ง 1,850 จุด

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า นโยบายภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ซึ่งจะเร่ง GDP Growth ให้เข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 5% ตามที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายไว้ แบ่งเป็นระยะสั้น และระยะกลาง-ยาว โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • นโยบายระยะสั้น อาทิ แก้ปัญหาหนี้(ภาคเกษตร ธุรกิจ ประชาชน), ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน, กระตุ้นภาคท่องเที่ยวและ แก้ไขรัฐธรรมนูญ
  • นโยบายระยะกลาง-ยาว อาทิ ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค, ผู้ว่า CEO, การทูตเศรษฐกิจเชิงรุก และ จัดทำ Matching Fund

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ มาจำแนกว่านโยบายใดบ้างที่ส่งผลต่อกลุ่มหุ้นในตลาดหุ้นไทย อาทิ

  • พักหนี้-แก้หนี้ ประชาชน เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย บวกต่อ FIN AGRI
  • ท่องเที่ยวกุญแจดอกแรกสร้างรายได้ประเทศ บวกต่อ TOURISM TRANS
  • เปิดประตูการค้า สู่ตลาดใหม่ๆ ยกระดับพาสปอร์ตไทย บวกต่อ กลุ่มส่งออก
  • สร้างและขยายโอกาสให้กับประชาชน 1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft Power บวกต่อ ICT
  • ยกระดับ “นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค” บวกต่อ HELTH
  • สานต่อนโยบาย Carbon Neutrality บวกต่อ หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน
  • GDP เพิ่มขึ้น 5% ต่อปีบวกต่อ BANK
  • นโยบายหลักที่ทุกคนคาดหวัง คือ นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท บวกต่อ COMM FOOD

สำหรับนโยบายดังกล่าว คาดทำให้เศรษฐกิจโตได้ดีกว่าที่คาดไว้ (ระดับเดิม คือ 2-3%) โดยมีโอกาสสูงที่ GDP Growth ไทยจะโตระดับ 5% ตามที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งหากเป็นจริง ถือว่าเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นมาก เนื่องจากสถิติในอดีตบ่งชี้ว่า หาก GDP ไทยช่วงปีที่โตมากกว่า 5% หนุน RETURN SET INDEX เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 37% (ข้อมูลตั้งแต่ปี 2543-ปัจจุบัน)

 

โดยในมุมพื้นฐาน เศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวแรง ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยใน 2 มุมหลัก ดังนี้

  • ทำให้ EPS67F มีโอกาสฟื้นตัวแรงกว่าที่คาดไว้ ความหมายคือ ตอนนี้ EPS Growth 67F อยู่ที่ 12.6% ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะขยับขึ้นสู่ระดับ 15%
  • Fund flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากขึ้น หนุน Turnover และปริมาณการซื้อขายรายวันสูงขึ้น ทำให้ระดับ Market earning yield gap กดต่ำลง และหนุนระดับ PE สูงขึ้น

ดังนั้น จึงทำให้ Target SET ปีหน้ามีโอกาสขยับขึ้น ทั้งจากฝั่ง EPS67F และ PE67F ที่สูงขึ้น ซึ่งหาก EPS ปีหน้าขึ้น 3% (ตาม GDP Growth) Target SET มีโอกาสขยับขึ้นสู่ระดับ 1,800-1,850 จุด

นโยบายที่มีโอกาสผลักดันเศรษฐกิจไทยในอนาคต ทำให้มี Upside ในเชิงประมารการทั้ง GDP Growth และ EPS67F หนุนประมาณการ Target SET ปี 2567 ขยับขึ้น กลยุทธ์การลงทุนเน้นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว อาทิ กลุ่ม COMM, FIN, FOOD, HELTH, ICT, AGRI เป็นต้น เลือก BJC, ADVANC, CPF เป็น Toppicks

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.