เปิด 3 ทางรอดธุรกิจ "พลังงานบริสุทธิ์ (EA)"

     เกิดคำถามตัวโตๆอีกครั้งกับ "บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA" นอกจาก "หาเงินคืนหนี้" ที่เพียรพยายามหามาทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการขายสินทรัพย์บริษัท การระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือแม้แต่ขายสินทรัพย์ให้นักลงทุนแล้ว นั่นก็คือ "ผู้ร่วมทุนรายใหม่" ที่จะเข้ามาเสริมทัพ "เงินทุน" คนสำคัญคนนั้นคือใคร ? และจะเปิดตัวได้เมื่อไหร่ ? 

     เป็นคำถามที่ดูไร้คำตอบ แม้ล่าสุดยังตอกย้ำความ "ไม่ชัด" ด้วยประโยคที่ว่า "EA ยังคงเจรจาหา Strategic Partner ที่มีศักยภาพเข้ามาเพิ่มทุน และ เพิ่ม Synergy ระหว่างกัน" ซึ่งยังไม่หงายการ์ดว่าคือใคร..เช่นเดิม

     แม้ทุนใหม่ยังไม่ชัด แต่สิ่งที่ต้องชัดในตอนนี้ คือ "แผนฟื้นธุรกิจครึ่งปีหลัง" เหตุกำไรครึ่งปีแรกลดลง

     นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน EA กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะเน้นไปที่ธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ โดยจะเน้นจำหน่ายรถหัวลากไฟฟ้า(EV Truck)เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ส่งมอบให้กับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่หลายราย เช่น กลุ่มบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD กลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอช เอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เป็นต้น 

     นอกจากนี้ ยังมีคู่ค้าอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการเจรจาและเตรียมการส่งมอบ EV Truck เพราะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการจากปัญหาราคาน้ำมันที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงและสอดรับกระแส Green Energy ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์โลก ส่วน ธุรกิจแบตเตอรี่ บริษัทอยู่ในระหว่างปรับปรุงการออกแบบเพื่อนำแบตเตอรี่ไฟฟ้าไปใช้ในการผลิตรถหัวลากไฟฟ้า รวมถึงการนำแบตเตอรี่ไปจำหน่ายในรูปแบบของ Energy Storage (ESS)

     ส่วน ธุรกิจไบโอดีเซล บริษัทมีรายได้ 2,042.40 ล้านบาท จากรายได้จากการผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) จากการผลิตและจำหน่ายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และจากการผลิตและน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) รวมถึงรายได้จากการผลิตและจำหน่าย PCM

     ขณะที่ ธุรกิจอื่นๆบริษัทยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจบริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า รายได้โครงการรับเหมาก่อสร้างติดตั้ง Solar Rooftop และรายได้จากโครงการกำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่เกาะล้านที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และเทศบาลนครภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต

“แม้รายได้และกำไรในครึ่งปีแรกจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้มีการส่งมอบ EV Bus ให้กับลูกค้ารายใหญ่ลดต่ำลง แต่ EA ยังมีรายได้ประจำที่เกิดขึ้นจากการขายไฟให้กับภาครัฐเดือนละประมาณ 1,000 ล้านบาทเพียงพอสำหรับการชำระคืนดอกเบี้ยหุ้นกู้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้และคืนหนี้ให้กับเจ้าหนี้สถาบันการเงิน” 

     สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,430.44 ล้านบาท ลดลง 68% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,480 ล้านบาท เนื่องด้วยธุรกิจผลิตและจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากส่งมอบรถน้อยลง จํานวน 1,500 ล้านบาท ลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน จํานวน 773 ล้านบาท ลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนครสวรรค์ เนื่องจากการหมดระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (adder) จํานวน 689 ล้านบาท ลดลงจากผลกระทบจากการปรับลดค่า FT ของทางภาครัฐ จํานวน 574 ล้านบาท นอกจากนี้ยังลดลงจากส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าสุทธิ จํานวน 167 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากการแบ่งกําไร(ขาดทุน)ให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม จํานวน 686 ล้านบาท

     ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,487.75 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า จํานวน 1,393.31 ล้านบาท หรือลดลง 23.7% 0และลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนจํานวน 3,468.51 ล้านบาท หรือลดลง 43.6% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 541.73 ล้านบาท ลดลง 74.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,160.25 ล้านบาท โดยหลักลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ เนื่องจากส่งมอบรถน้อยลง จํานวน 814 ล้านบาท ลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียม ไอออนจํานวน 535 ล้านบาท ลดลงจากผลการดําเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจังหวัดนครสวรรค์เนื่องจากการหมด ระยะเวลาการรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล(adder) จํานวน 345 ล้านบาท ลดลงจากผลกระทบจากการปรับลดค่า FT ของทางภาครัฐจํานวน 215 ล้านบาท ลดลงจากส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าสุทธิ จํานวน 193 ล้านบาท

     อย่างไรก็ตาม ถ้ามองถึงผลการดําเนินงานของธุรกิจไบโอดีเซล รวมทั้งธุรกิจอื่นยังคงเพิ่มขึ้นจํานวน 92 ล้านบาท รวมถึงเพิ่มขึ้นจากการแบ่งกําไร (ขาดทุน) ให้กับผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอํานาจควบคุม จํานวน 414 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนจากการขายและการให้บริการ จํานวน 2,869.99 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน จํานวน 1,915.32 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการบริหาร เพิ่มขึ้น 113.65 ล้านบาท จากการสํารองค่าเผื่อผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น จํานวน 164.02 ล้านบาท

     ส่วนงบดุล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 110,006.34 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมจำนวน 69,709.87 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 40,296.48 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2566 จำนวน 3,713.14 ล้านบาท โดยหลักลดลงจากการจ่ายปันผล 1,113.85 ล้านบาท ลดลงจากองค์ประกอบอื่นของส่วนของเจ้าของจำนวน 3,426.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,430.44 ล้านบาท

     ด้านการบริหารจัดการสภาพคล่อง หลังจากที่บริษัทได้ถูกปรับลดระดับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ (Negative) เป็น BB+ (Negative) ผู้บริหารได้ใช้นโยบายและการจัดการความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการบริหารจัดการอย่างเร่งด่วน กล่าวคือ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2567 กลุ่มกิจการได้เข้าทำสัญญาเงินกู้ยืมระยะยาวและเงินกู้ยืมร่วม (Syndicated Loan) กับสถาบันการเงินหลายแห่งคิดเป็นจำนวนเงินรวมประมาณ 8,500 ล้านบาท เพื่อวัตถุประสงค์ในการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินโดยมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยภายใน 3 ปี โดยกลุ่มกิจการจะทยอยจ่ายคืนเงินกู้ผ่านกระแสเงินสด (Cash Flow) จากการดำเนินงานตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาครัฐ (PPA) 

     หวังโหวตหุ้นกู้ 23 ส.ค. ผ่านฉลุย

     ซึ่งในวันที่ 9 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2567 สำหรับหุ้นกู้รุ่น EA248A ผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติการขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้โดยไม่ถือเป็นเหตุให้ผิดนัดจำนวน 1,500 ล้านบาท จากเดิมครบกำหนดในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยจากเดิมร้อยละ 3.11 ต่อปี เป็นร้อยละ 5.00 ต่อปี และมีหลักประกันให้เพิ่มเติม โดยไม่ถือเป็นเหตุผิดนัดชำระในวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น EA249A บริษัทได้ขออนุมัติการขยายวันครบกำหนด ไถ่ถอนหุ้นกู้โดยไม่ถือเป็นเหตุให้ผิดนัดจำนวน 4,000 ล้านบาท

"ผู้ถือหุ้นกู้ที่เข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าวไม่ครบองค์ประชุมซึ่งกำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 66 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนจึงจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2567 ในวันที่ 23 สิงหาคม 2567 โดยการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งนี้จะต้องมีองค์ประชุมมาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอน บริษัทคาดว่าจะครบองค์ประชุมและได้รับการอนุมัติ"

     อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีพัฒนาการที่สำคัญในไตรมาสที่สอง 2 โครงการที่สำคัญ คือ โครงการแรก EA ได้ลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาโครงการ (Joint Development Agreement) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Super Holding Company ในบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดแบบรวมศูนย์ของ สปป.ลาว ริเริ่มการเป็นศูนย์กลางการจำหน่าย และบริหารพลังงานสะอาดแบบครบวงจรของประเทศ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้มีเสถียรภาพในระยะยาว และตั้งเป้าภายใน 3 ปี เพิ่มรายได้ค่าไฟฟ้า ลดภาระ การนำเข้าน้ำมันดิบพัฒนาโครงการกักเก็บพลังงานไฟฟ้า จัดหาโซลูชั่น EV ลงทุนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมร่วมผลักดันสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์แห่งชาติ “Battery of Asia”

     โครงการที่สอง EA ร่วมลงนามเป็น Strategic Partner กับ CRRC Dalain ซึ่งเป็นการส่งเสริมการลดคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องยนต์สันดาปในแบบเก่าการเปลี่ยนแปลงเพื่อการยกระดับอุปกรณ์เส้นทางคมนาคม ซึ่ง EA และ CRRC Dalian ได้ร่วมมือใน 1.ร่วมกันออกแบบและพัฒนาระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่หรือระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่ดีเซลไฮบริด สำหรับรถไฟหัวรถจักรและรถไฟโดยสาร

     2.ร่วมกันสำรวจและประเมินความต้องการของลูกค้า จำหน่ายและจัดหาผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาร่วมกันในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ 3.ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตามความต้องการของตลาดเป้าหมาย โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตรถไฟที่แข็งแกร่งของ CRRC Dalian และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมและเทคโนโลยี Ultra-fast charge ของ EA เพื่อสร้างขีดความสามารถของเทคโนโลยีในระยะยาวในด้านต้นทุนและประสิทธิภาพ 4.ร่วมกันพิจารณาจัดตั้งโรงงานผลิตและประกอบในไทย

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.