"OR" กำไรไตรมาส 2/67 ทำได้ 2,537 ลบ. พร้อมเปิดตัว "Community Space" เร็วๆนี้
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้ขายและบริการ 183,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,055 ล้านบาท คิดเป็น 3.4% จากไตรมาสก่อนหน้า ปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจโดยหลักจากราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Mobility ส่วนหนึ่งจากการปรับเพดานราคาขายปลีกดีเซล รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Global มีปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility เพิ่มขึ้น 2.6% ตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 1% จากทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 23.2% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์และกัมพูชา
ขณะที่ EBITDA จำนวน 4,843 ล้านบาท ลดลง 1,330 ล้านบาท คิดเป็น -21.5% เมื่อเทียบกับ 1Q/67 โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลง อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้นตามปริมาณจำหน่าย และกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรฟื้นตัวอย่างมากในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) ภาพรวมปรับตัวดีขึ้น โดยหลักเนื่องจากไม่มีรายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมา ในไตรมาสนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากรายรับสกุลเงินต่างประเทศลดลงตามปริมาณจำหน่ายของลูกค้าต่างประเทศของกลุ่มธุรกิจ Mobility แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง และมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ส่งผลให้ใน 2Q/67 OR มีกำไรสุทธิ จำนวน 2,537 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 1,186 ล้านบาท หรือลดลง -31.9% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.21 บาท
สำหรับผลการดำเนินงาน 1H/67 มีรายได้ขายและบริการ 361,922 ล้านบาท ลดลง 23,517 ล้านบาท คิดเป็น -6.1% จาก 1H/66 โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายที่ลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility โดยรายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 7.7% อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 8.1% จากทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจค้าปลีกอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 15% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก
ด้าน EBITDA ใน 1H/67 จำนวน 11,016 ล้านบาท ลดลง 121 ล้านบาท คิดเป็น -1.1% เมื่อเทียบกับ 1H/66 โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นที่ลดลงตามปริมาณจำหน่าย อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ปรับเพิ่มขึ้นจากทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้นตามปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก
อีกทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปรับลดลง 6.1% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน(Share of gain from investments)ภาพรวมลดลง เนื่องจากรายการปรับปรุงการอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนในบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาเป็นหลัก ในงวดนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง ส่งผลให้ใน 1H/67 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 6,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 528 ล้านบาท (+9.2%) คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.52 บาท
"เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวดี อย่างไรก็ตาม การส่งออกและภาคการผลิตยังขยายตัวในระดับต่ำ ด้านอัตราเงินเฟ้อของไทยทยอยปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายตามราคาพลังงานในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ยังต้องติดตามความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้น รวมถึงมาตรการช่วยเหลือราคาพลังงานของภาครัฐในระยะต่อไป โดยคาดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสนี้ อยู่ที่ 2-4% ตามการประมาณการของธนาคารแห่งประเทศไทย
เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการบริการ ประกอบกับเงินเฟ้อในหลายประเทศทยอยปรับลดลง อย่างไรก็ตามยังมีความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะมาตรการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่อาจรุนแรงขึ้น ราคาพลังงานโลกยังผันผวนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ใน 2Q/67เติบโตได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้า จากการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภค อย่างไรก็ดีภาคแรงงานมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากตัวเลขตำแหน่งงานใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการปรับขึ้นค่าจ้าง เศรษฐกิจจีน ใน 2Q/67 เติบโตที่ 4.7% ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงกดดันจากภาคการบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตามการส่งออกและภาคการผลิตยังเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการยกระดับสงครามการค้า และนโยบายการปรับขึ้นภาษี"
ฐานะทางการเงิน ณ 30 มิถุนายน 2567 มีสินทรัพย์รวม 218,667 ล้านบาท ลดลง 1,569 ล้านบาท จากสิ้นปี 2566 โดยหลักมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ลดลง หักกลบกับสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น OR มีหนี้สิน รวมจำนวน 105,890 ล้านบาท ลดลง 4,838 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด สำหรับส่วนของผู้ถือหุ้น มีจำนวน 112,777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,269 ล้านบาท จากกำไรสุทธิระหว่างงวด หักการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งหลังของปี 2566 ในอัตรา 0.27 บาทต่อหุ้น จำนวน 3,240 ล้านบาท
"ปีนี้ OR มีแผนเปิดตัวธุรกิจ Community Space รูปแบบใหม่ที่จะไม่ได้มีส่วนประกอบของสถานีบริการน้ำมัน แต่เป็นการใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดพื้นที่บนพื้นที่ที่มีศักยภาพนอก PTT Station เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ โดยมีแผนเปิดตัว Community Space แห่งแรกในเร็วๆนี้"นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.