นโยบายลดค่าไฟ ครม.เศรษฐา 1 คาดใช้เงิน 1.5 หมื่นล.

นโยบายเร่งด่วนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1 ที่น่าจับตามองคือการลดค่าไฟทันที เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้น แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) กระทรวงพลังงาน ระบุว่า การลดค่าไฟฟ้าขึ้นอยู่กับ 2 ทางเลือก คือ

1.ภาครัฐเจรจาชะลอคืนหนี้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะทำให้ค่าไฟรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค.2566 อยู่ที่ 4.10 บาทต่อหน่วย จากราคาที่ได้ประกาศไว้ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย

2.การใช้งบประมาณรัฐสนับสนุนอย่างน้อย 15,000 ล้านบาท เพื่อให้ค่าไฟอยู่ที่ 4.25 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากทำได้แม้จะมีการประกาศค่าไฟรอบ 4 เดือนสุดท้ายไปแล้ว ก็ยังสามารถเปลี่ยนและใช้วิธีให้ส่วนลดย้อนหลังเหมือนที่เคยทำในอดีตได้

ทั้งนี้ จากรายงานตัวเลขต้นทุนที่แท้จริง พบว่า ค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 จะอยู่ที่หน่วยละ 4.07 บาท แต่มติ กกพ.เรียกเก็บค่าไฟที่หน่วยละ 4.45 บาท นั้น เพื่อคืนหนี้ให้กับ กฟผ.ประมาณ หน่วยละ 38 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาทต่อ 1 สตางค์ ในยอดรวม 1 งวด หรือจะอยู่ที่ประมาณ 22,800 ล้านบาทที่ต้องคืน กฟผ. 

นอกจากนี้ ในการแก้ปัญหาราคาค่าไฟที่สำคัญคือ ต้องรีบเพิ่มกำลังผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยในเรื่องของภาระค่าใช้จ่ายที่น้อยลง เพราะหากเพิ่มกำลังผลิตขึ้นมาไม่ได้ ก็จะแบกค่าใช้จ่ายไว้อย่างนี้อีกต่อไป ซึ่งการแก้ปัญหาในเบื้องต้นแบบเร่งด่วนก็คือ รัฐบาลจะต้องดูตัวเลขเองว่าจะให้ค่าไฟอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งกฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้น 100% และรัฐบาลอยากให้รับไว้ก่อนก็ได้ แต่ต้องดูว่าสถานะรับได้เท่าไหร่ และจะดูราคาในระยะยาวมากกว่าที่จะดูราคาในงวดนี้งวดเดียว 

ปัจจุบัน กฟผ. ยังคงแบกภาระค่า FT ที่ราว 1.35 แสนล้านบาท ถ้างวดนี้ได้คืนปกติจะเหลือราว 1.1 แสนล้านบาท ถ้าไม่ได้คืนจะเหลือเท่าเดิม อาจบวกลบนิดหน่อยเพราะงวดก่อนหน้ายังไม่ได้มาคิด ซึ่งยังไม่ได้มีการบวกลบกันจริงจัง
 

ส่วนประเด็นที่ภาคเอกชนตั้งสมมติฐานว่าจะลดราคาค่าไฟลงมากกว่านี้ โดยการไปซื้อ LNG มาก่อนนั้น ในการดำเนินธุรกิจแล้วเป็นไปได้ยาก ไม่มีคนขาย เพราะการไปซื้อตอนที่ราคาถูก เพื่อให้ส่ง LNG มาในช่วงที่ราคาแพงจะไม่มีนักธุรกิจที่ไหนยอมส่งให้ ซึ่งทุกอย่างจะต้องมีสัญญา นอกเสียจากจะซื้อมาในช่วงราคาถูกและเก็บในคลัง ซึ่งปัจจุบันคลังจัดเก็บยังมีน้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า แนวทางการลดราคาพลังงานตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายดังกล่าวอย่างชัดเจนว่า ความจริงแล้วนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายหลักที่สำคัญของพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยอยู่แล้วและตนได้แจ้งต่อที่ประชุมร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการประชุมทำนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา

จึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนไม่ใช่เฉพาะแค่ราคาพลังงานแต่รวมไปถึงค่าครองชีพอื่นๆด้วย เพราะพลังงานเป็นต้นทุนการผลิตสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค การปรับลดราคาพลังงานให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรมจึงเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง 

ทั้งนี้ ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจึงได้กำหนดนโยบายดังกล่าวไว้ในนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้วเช่นกัน และมั่นใจว่า เมื่อนโยบายตรงกันทั้งในส่วนของนโยบายรัฐบาลและนโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ตนรับผิดชอบอยู่ด้วยก็จะทำให้นโยบายนี้เกิดเป็นรูปธรรมได้มากขึ้นและเร็วขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินการในเรื่องราคาพลังงานนั้นมีเรื่องหลักๆ ที่ต้องเร่งดำเนินการคือ ราคาน้ำมัน และ ราคาไฟฟ้า ซึ่งมีองค์ประกอบของราคาหลายอย่าง เช่น เรื่องภาษี เรื่องค่าการตลาด เรื่องภาระการเงินและเงินกู้ และอีกหลายเรื่องที่มาประกอบกัน

บางองค์ประกอบเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ต้นทุนของก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า หรือต้นทุนของราคาน้ำมันดิบ เป็นต้น แต่สิ่งที่สามารถพิจารณาดำเนินการได้คือ โครงสร้างและองค์ประกอบที่มารวมกันจนเป็นราคาขายของพลังงานเหล่านี้ จะต้องมาดูว่าส่วนไหนที่สามารถตัดทิ้ง หรือปรับลดลงได้ก็จะทำทั้งหมด และเมื่อค่าใช้จ่ายลดลง ราคาของพลังงานต่าง ๆ ก็จะสามารถปรับลดลงได้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน 

ในขณะเดียวกันยังมองถึงเรื่องของราคาน้ำมันราคาถูกพิเศษสำหรับประชาชนบางกลุ่ม เช่น ปัจจุบันกลุ่มชาวประมง สามารถซื้อน้ำมันที่เรียกว่า น้ำมันเขียวในราคาพิเศษ จึงเห็นว่า น่าจะดำเนินการเช่นเดียวกันนี้กับกลุ่มอื่น ๆ ด้วย เช่น กลุ่มเกษตรกร เป็นต้น

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวต่อว่า นโยบายหลักสำคัญอีกประการหนึ่ง ตนเห็นว่า ควรจะให้โอกาสเสรีในการหาน้ำมันสำเร็จรูป ที่ไม่ใช่การนำน้ำมันดิบเข้ามากลั่นจนทำให้มีต้นทุน ค่าใช้จ่ายที่ควบคุมลำบาก แต่หากเป็นการนำน้ำมันสำเร็จรูปที่ ไม่ต้องมีค่าการกลั่น หรือค่าใช้จ่ายอื่น เพราะราคาทุกอย่างคำนวณจบแล้ว

และถ้าหากใครสามารถนำพลังงานราคาถูกเข้ามาได้ ก็ควรเปิดโอกาสให้ทำได้ โดยภาครัฐควรจะเป็นผู้กำกับดูแลให้การจัดหาพลังงานเป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็ว ไม่ใช่วางกฎกติกาจนทำไม่ได้ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาแม้ว่าจะทำงานด้านกฎหมาย แต่ก็มีความสนใจเรื่องของพลังงานของไทย และศึกษาหาข้อมูลเรื่องพลังงานมาโดยตลอด โดยเฉพาะเรื่องน้ำมันของประเทศไทยมีประวัติน่าสนใจและได้รับรู้เรื่องราวของพลังงานมาจากบิดาคือ พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงเศรษฐการ (ปัจจุบันคือกระทรวงพาณิชย์) และเจ้ากรมการพลังงานทหาร ที่ได้รับมอบหมายจาก จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม และจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตชต์ ให้ไปสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย 

กระทั่งค้นพบแหล่งน้ำมันที่ อ.ฝาง จ. เชียงใหม่ สามารถขุดเจาะน้ำมันขึ้นมาและสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของไทยขึ้นมากลั่นน้ำมันดิบนั้น จนประสบความสำเร็จโดย นอกจากจะจัดหาน้ำมันให้กับหน่วยงานของรัฐแล้ว ยังสามารถขายน้ำมันราคาถูกให้กับประชาชนด้วย นำมาสู่การก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหาร  ซึ่งปัจจุบันองค์การเชื้อเพลิงของกรมการพลังงานทหารและปั๊มน้ำมันสามทหารได้ถูกแปรเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และเป็น บริษัท ปตท.จำกัด ในปัจจุบัน 

ดังนั้นที่มาของพลังงานในประเทศไทยมี 2 เรื่อง คือเรื่องความมั่นคงของประเทศ และ การหาน้ำมันราคาถูกให้ประชาชนใช้ ผมจึงคิดว่าภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลและของกระทรวงพลังงานวันนี้ ไม่ใช่เรื่องของการทำธุรกิจน้ำมันแต่เป็นเรื่องการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศและการหาพลังงานให้ประชาชนในราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม

ส่วนเรื่องการทำธุรกิจของบริษัทที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของกระทรวง แต่กระทรวฃงพลังงานมีหน้าที่กำกับดูแล ให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมถูกต้องแล้วเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าถึงการหาพลังงาน หาน้ำมัน หาเชื้อเพลิงมาใช้ได้อย่างเสรี จะต้องไม่ปิดกั้นต้องให้โอกาสเพื่อให้ราคาถูกลงให้ได้ เป็นการลดต้นทุน เพราะพลังงานเป็นต้นทุนต่าง ๆ ในชีวิต ถ้าสามารถลดต้นทุนตรงนี้ลงได้ ค่าครองชีพก็จะลดลงตาม

ผมจึงคิดว่านี่คือภารกิจของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การทำธุรกิจ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.