คลัง ยังมั่นใจใช้งบ 4.5 แสนล้านทำ Digital Wallet ช่วยดันจีดีพีปี 68 โต 1.3-1.8%

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า แม้ว่าเงื่อนไขวงเงินใน โครงการเติมเงิน  10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet จะปรับลดลงอยู่ที่ 4.5 แสนล้านบาท จาก 5 แสนล้านบาท แต่ยังเชื่อว่าโครงการ  Digital Wallet จะยังช่วยกระตุ้นอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือจีดีพีของไทยในปี 2568 ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.3-1.8% ตามการประมาณการเดิม เนื่องมาจากการคำนวณและวิเคราะห์จากมาตรการโครงการที่ผ่านมา พบว่า จะมีประชาชนมาลงทะเบียนไม่เต็ม 100% หรือเข้ามาร่วมโครงการประมาณ 80-90% เท่านั้น หรือประมาณ 40 กว่าล้านคน ซึ่งอยู่ในฐานประมาณการเดิมที่ได้ประมาณการไว้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง  

 

“การคำนวณวงเงินเหลือ 4.5 แสนล้านบาทนั้น ไม่ได้ผิดอะไรกับตอนแถลงสภาผู้แทนฯ เนื่องจากในตอนนั้น เป็นการคำนวณสมมุติฐานจาก 40 กว่าล้านคน และผลต่อจีดีพีประมาณ 1.3-1.8% เวลาเราประมาณการเศรษฐกิจไม่ได้ประมาณว่า จะมีคน 50.7 ล้านคนเข้ามาใช้โครงการทุกคนตั้งแต่แรก มันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครประเมินเศรษฐกิจากตรงนี้ถือว่าเป็นการประเมินที่เวอร์เกินจริง แต่อย่างไรก็ตามผลต่อจีดีพีขึ้นอยู่กับ ว่าเราสามารถทำให้เงื่อนไขมีผลกระทบในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจได้มากแค่ไหน ” นายเผ่าภูมิ กล่าว

 

ส่วนเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์สื่อสาร ยอมรับว่า ทำให้ใช้ยากขึ้น แต่จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น เพราะสินค้าดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท Import Content 

อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ลงทะเบียนเกินกว่าที่ตั้งงบไว้ 4.5 แสนล้านบาท กลไกงบประมาณจะสามารถรองรับได้ และหากคณะกรรมการชุดใหญ่ของ Digital Wallet ใช้แนวทางของแหล่งเงินจากงบประมาณตาม ที่สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเสนอ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และไม่จำเป็นต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความแล้ว

 

"การส่งความเห็นให้กฤษฎีกาตีความ จริงๆอยู่ในกระบวนการเข้าสู่การพิจารณาของครม.อยู่แล้ว เพราะเรื่องที่ต้องเข้าครม.แทบทุกเรื่องต้องเวียนผ่านความเห็นของกฤษฎีกา ซึ่งกฤษฎีกาก็นั่งอยู่ในบอร์ดชุดใหญ่ด้วย ก็สามารถให้ความเห็นได้อยู่แล้ว ขณะที่การใช้แหล่งเงินจากธ.ก.ส. หากคณะอนุกรรมการเสนอเข้าบอร์ดชุดใหญ่ และบอร์ดมีมติว่าเรื่องแหล่งเงินให้เป็นไปตามนี้ ก็หมายความว่า จะไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน ธ.ก.ส. ก็ไม่ต้องนำเรื่องส่งให้กฤษฎีกาตีความ" นายเผ่าภูมิ กล่าว

 

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)  พร้อมแต่งตั้งกองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้ชำระบัญชีนั้น คาดว่าใน 2-3 เดือน จะเห็นรูปร่างกระบวนการเข้าไปช่วยเหลือว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาหลายแนวทาง

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.