Uptick Rule เริ่มวันนี้ลดผันผวน หุ้นไทยแกว่งกรอบ 1,285-1,320 จุด

การเมืองนอกเข้มข้น

     นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า วันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เดือน พ.ค. ชะลอตัวตามคาด นำโดย US PCE ลดลงสู่ระดับ +2.7% จาก +2.6% และ US Core PCE ลดลงสู่ +2.6% จาก +2.8% ช่วยเพิ่มโอกาสต่อการตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯในช่วงถัดไปหนุนตลาดสินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้นในช่วงแรก

     แต่อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมาปิดแดนลบจากความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่แกว่งขึ้น ขานรับความกังวลผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศส ในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งคาดพรรคฝ่ายขวาจัด(RN) น่าจะได้คะแนนเสียงข้างมากอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศส

     อีกทั้งช่วงปลายสัปดาห์ทางฝั่งสหรัฐฯก็มีดีเบตระหว่าง โดนัล ทรัมป์ ว่าที่ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและโจ ไบเดน ว่าที่ผู้สมัครจากเดโมแครต ซึ่งบทสรุปของการดีเบตรอบนี้ สะท้อนคะแนนความนิยมทรัมป์มากกว่า ซึ่งเดโมแครตคงต้องทำการบ้านให้หนักขึ้นในการดีเบตรอบถัดไป ซึ่งคาดจะจัดขึ้นวันที่ 10 ก.ย. นี้

     ส่วนปัจจัยในประเทศ SET ยังคงพยายามเลี้ยงตัวเหนือระดับ 1300 จุด โดยวันนี้ตลาดจะเริ่มใช้กฎ Uptick Rule เป็นวันแรก คาดจะช่วยให้ปริมาณการ Short หดตัวลง ถื อเป็นปัจจัยที่จำกัด Downside Risk ของตลาดได้ในระดับหนึ่ง แนะกลยุทธ์เป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดี กำไรเติบโต และ Valuation ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง

     "คาด SET วันนี้ “Sideways” ในกรอบ 1,290 - 1,320 จุด แม้ตัวเลขเงินเฟ้อ US จะชะลอตัวลงตามคาด แต่ตลาดเพิ่มความกังวลต่อประเด็นการเมืองในฝรั่งเศสและสหรัฐฯ

     ขณะที่ในประเทศยังมีปัจจัยบวกจากการเริ่มใช้ Uptick Rule ดังนั้นมองจังหวะย่อเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว วันนี้แนะนำ “RCL” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 41 บาท ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และการตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนของสหรัฐฯ ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นดัชนีค่าระวางเรือตู้ขยับขึ้น ผสานกับตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลกที่ค่อยๆฟื้นตัว

     Container Index ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี สู่ระดับ 3,714 จุด เป็นแรงหนุนเชิงบวกกลุ่มเรือตู้ ผสานราคาหุ้นปัจจุบันยังคงเทรดต่ำกว่า Book Value เพิ่มแรงเก็งกำไรมากยิ่งขึ้น"

SET ซึมในกรอบแคบ

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า คาด SET วันนี้ “แกว่งในกรอบ” ต้าน 1,310 / 1,315 จุด รับ 1,290 / 1,285 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง S&P500 -0.4% จากผลประกอบการรายตัว ล่าสุด Nike รายงานกำไรแย่กว่าคาด ขณะที่ US Bond Yield 10ปี ดีดตัว +10 bps สู่ 4.39% จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มิ.ย.24 (รายงานรอบสุดท้าย) ดีกว่าคาด แม้เงินเฟ้อ PCE จะออกมาต่ำตามที่ตลาดประเมิน +0.1%m-m, +2.6%y-y

     ส่วนจีนการฟื้นตัวยังขาดความต่อเนื่อง ล่าสุด PMI ภาคผลิตยังต่ำกว่าระดับขยายตัวภาคบริการต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ภาพรวมต่างประเทศให้น้ำหนักเป็นกลาง 

     ส่วนภายใน ฝ่ายวิเคราะห์ยังมองบวกต่อการเริ่มใช้มาตรการ Uptick Rule มีผลวันนี้ คาดช่วยลดความผันผวนจากการ Short ขณะที่ต้นสัปดาห์ลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลในช่วงรอยต่อก่อน Digital Wallet เริ่มใช้ปลายปี หนุนเศรษฐกิจที่การฟื้นตัวยังค่อยเป็นค่อยไป 

     วันนี้มอง SET เริ่มแกว่งในกรอบตั้งฐานได้ หุ้นนำ คือ หุ้นมีแรงหนุน Bond Yield ไทยเช้านี้อ่อนลงสู่ 2.685% หุ้น Domestic คาดกระแสมาตรการกระตุ้นหนุน แนะนำ : CPAXT, GULF, BEM (ผลบวกโครงการ Double Deck ดีกว่าประเมินไว้เดิม)

     สัญญาณทางเทคนิค แท่งเทียนปิดลบต่อเนื่องในลักษณะของ TWO CROWS โดยยังคงปิดต่ำกว่า EMA (5,10 วัน) ถึงแม้เครื่องมือทางด้านเทคนิคหลายเครื่องมือยังมีสัญญาณที่ทรงตัวถึงเป็นบวก อาทิ MODIFIED STOCHASTIC (%K > %D) และ RSI ค่อนข้างทรงตัวที่ 38% และ MACD ยังอยู่เหนือ SIGNAL LINE แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายที่กลับมาเร่งตัว สะท้อนถึงความผันผวนที่ยังมีอยู่ ฉะนั้นให้น้ำหนักดัชนีมีภาพของการซึมลงได้ เน้นแนวรับ 1,295 / 1,290 จุด โดยมีแนวต้านขยับลงที่ 1,310 / 1,315 จุด สำหรับ SET50 ให้น้ำหนักดัชนีมีภาพย่อตัวลง เน้นแนวรับ 802 - 800 จุด โดยมีแนวต้านขยับลงที่ 810 - 812 จุด

     สำหรับ นักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงได้ เน้นซื้อที่แนวรับเป็นหลัก และขายทำกำไรหากดัชนีแกว่งตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านที่กำหนด ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงไม่ได้ แนะนำ WAIT AND SEE รอดัชนียืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA (5 วัน) จึงกลับมาพิจารณาอีกครั้ง แนะนำเก็งกำไร หุ้น BTG เป้าหมาย 22.90 / 23.50 บาท แนวรับ 22.20 บาท จุดตัดขาดทุน 21.80 บาท

     หุ้น PSL เป้าหมาย 10.0 / 10.40 บาท แนวรับ 9.70 บาท จุดตัดขาดทุน 9.50 บาท

     หุ้น CKP เป้าหมาย 4.08 / 4.24 บาท แนวรับ 3.88 บาท จุดตัดขาดทุน 3.80 บาท

     หุ้น INSET เป้าหมาย 2.64 / 2.82 บาท แนวรับ 2.46 บาท จุดตัดขาดทุน 2.40 บาท