คลัง เล็งใช้กองทุนเดิม ตั้งกองทุนวายุภักษ์3
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) อยู่ระหว่างการทำรายละเอียดกองทุนวายุภักษ์ 3 วงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าอีกไม่เกิน 2 เดือนจากนี้จะสามารถจัดตั้งกองทุนได้ และสามารถดำเนินการกระตุ้นตลาดหุ้นไทยได้ทันที
สำหรับรูปแบบกองทุนวายุภักษ์ จะตั้งเป็นกองทุนใหม่ หรือ ไปใช้กองทุนวายุภักษ์ 1 หรือ 2 ไม่มีความแตกต่างกัน เป้าหมายสำคัญคืออะไรทำได้เร็วกว่าก็จะใช้วิธีนั้น ซึ่งจะช่วยดันเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้เร็วขึ้น
"ตอนนี้อยู่ระหว่าง สคร.พิจารณา จะใช้กองเก่าหรือกองใหม่ไม่ใช่ประเด็น อันไหนทำได้เร็วกว่าก็ใช้อันนี้ วันนี้มองว่าใช้กองทุนเดิมน่าจะเร็วกว่า เพราะการตั้งกองทุนใหม่จะมีเรื่องของกฎระเบียนทำให้มีความล่าช้า ทั้งนี้กองทุนใหม่ ที่เราจะใส่เข้าไปกว่า 1 แสนล้านบาท เมื่อรวมกับกองทุนวายุภักษ์เดิม ที่มีมูลค่ากว่า 3.4 แสนล้านบาท จะทำให้สภาพคล่องของตลาดทุนไทยสูงกว่า 5 แสนล้านบาท " นายลวรณ กล่าว
ปัจจุบันคลัง มีการกระตุ้นตลาดหุ้นผ่านกองทุน Thai ESG ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดการซื้อในช่วงใกล้สิ้นปี เพื่อใช้หักลดหย่อนภาษี จึงเกิดแรงซื้อในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ จึงจำเป็นต้องมีกองทุนวายุภักษ์เข้าไปเสริม เพื่อเติมเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ตลาดทุน สำหรัลการปรับปรุงเงื่อนไขกองทุน Thai ESG จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ภายใน 2 สัปดาห์นี้
สำหรับข้อเสนอ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เสนอให้ลดเงื่อนไขกองทุน Thai ESG เป็นการหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ผ่านมา ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาว่าคุ้มค่ากับเม็ดเงินภาษีหรือไม่ ซึ่งวันนี้เป็นโอกาสของการพัฒนาตลาดทุนไทย ซึ่งไม่ใช่เรื่องการเติมเงินผ่านกองทุนวายุภักษ์3 หรือการให้สิทธิประโยชน์ภาษีลงทุนเพิ่มเติมเพียงอย่างเดียว แต่มีการทำงานรวมกัน ทั้ง ก.ล.ต. และ ตลท. ที่ได้มีการทยอยมาตรการออกมาเรียกความเชื่อมั่นตลาดหุ้นไทย ให้นักลงทุนเชื่อมั่นกลับมาลงทุนได้อย่างมั่นใจ
ส่วนเรื่องการบริหารจัดการพอร์ตหุ้นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือ เพื่อนำไปสู่การพิจารณาขายหุ้นที่ไม่ทำกำไรนั้น การได้มาของหุ้นรัฐวิสาหกิจมีหลายวิธี คือ 1.กระทรวงการคลังเป็นเจ้าของหุ้นตัวนั้นตั้งแต่แรก 2.ได้หุ้นมาจากการล้มละลายในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง และ 3.ได้หุ้นจากผลการกระทำผิดกฎหมายของ ปปง.ทำให้เกิดการดำเนินคดี ถูกยึดทรัพย์และตกเป็นของแผ่นดินถูกส่งเข้ากระทรวงการคลัง ซึ่งได้มอบนโยบายให้ สคร.จัดความสำคัญ คือ 1.เป็นหุ้นที่มีความสำคัญเชิงนโยบายหรือไม่ 2.เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเชิงปันผลและมีรายได้ที่ดีรือไม่ และ3.การถือหุ้นของกระทรวงการคลังจะมีสิทธิ์และเสียงในการชี้นำแนวนโยบายหุ้นตัวนั้นได้หรือไม่ได้ ต้องมาคัดหุ้นดูว่าเหลืออะไรบ้าง ถ้าเป็นเศษหุ้นที่ถือเพียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการบริหาร เช่น หุ้นที่ได้มาโดยยึดทรัพย์ก็ให้พิจารณาขายออก
สำหรับปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้ จะต้องเร่งรัดงบประมาณปี 2567 ออกสู่ระบบโดยเร็วที่สุด จึงได้เร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลการการจัดเก็บภาษีรายได้จากเป้าหมาย 2.78 ล้านล้านบาท แม้กรมจัดเก็บภาษียังมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.6 หมื่นล้านบาท มองว่าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 3 เดือน จะครบกำหนดงบปี 2567 มองว่าทุกหน่วยงานร่วมมือกัน จะทำได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการดูแลการเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 เพื่ออัดฉีดเงินออกสู่ออกสู่ระบบ หลังจากภาพรวมการเบิกจ่ายงบลงทุน ปี 2567 จำนวน 8.5 แสนล้านบาท ในไตรมาส 3 ของปีงบ 67 (เม.ย.-มิ.ย.) โดยต้องเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 21% ปัจจุบัน เบิกจ่ายไปแล้ว 38.6%
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.