รวมพลังเปิดตัว“ออมเบอร์ 5”หวังขยายฐานผู้ลงทุนหน้าใหม่กว่า 20,000 ราย
สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทประกันชีวิต และบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนที่เข้าร่วมโครงการ และสมาคมที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว “โครงการออมเบอร์ 5” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและให้กองทุนรวมเป็นทางเลือกในการออม การลงทุนอย่างต่อเนื่องและการสะสมความมั่งคั่งของผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีให้ผู้ลงทุน และส่งเสริมให้ประชาชนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อผลสําเร็จในระยะยาว (Long Term Purpose)
โครงการออมเบอร์ 5 มีเป้าหมายหลักในการขยายฐานผู้ลงทุนหน้าใหม่โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยทำงาน ให้มีความพร้อม มีวินัยการออมเพื่ออนาคตผ่านการลงทุนในกองทุนรวมแบบ Dollar Cost Average (DCA: การลงทุนสม่ำเสมอแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน) โดยประชาชนทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมโครงการด้วยการเปิดบัญชีกองทุนรวม เริ่มลงทุนสะสมจนครบ 5,000 บาท และร่วมสร้างแผนการลงทุนในกองทุนรวมแบบสม่ำเสมอรายเดือน (DCA) ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 500 บาท ซึ่งเมื่อลงทุนต่อเนื่องครบ 12 เดือน จะได้รับของสมนาคุณพิเศษเพื่อสนับสนุนการออมเพิ่มเติมมูลค่า 500 บาท โดยภาคธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน 22 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์ 14 แห่ง บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน 2 แห่ง ธนาคารพาณิชย์ 7 แห่ง และบริษัทประกันชีวิต 4 แห่ง
นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กล่าวสนับสนุนโครงการออมเบอร์ 5 ว่า ก.ล.ต.มีเป้าหมายให้ประชาชนมีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยการสะสมเงินออมและลงทุนในตลาดทุนเพื่อตอบสนองความต้องการใช้เงินในระยะยาว และเห็นว่า “โครงการออมเบอร์ 5” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมบริษัทจัดการลงทุน บริษัทจัดการลงทุน ตัวแทนขายหน่วยลงทุนและสมาคมธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. เป็นโครงการที่สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนในวงกว้างสามารถเข้าถึงการลงทุนในกองทุนรวมได้ด้วยเงินลงทุนไม่มาก และมีวินัยในการลงทุนแบบสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อความสำเร็จในระยะยาว
โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารจัดการเงินลงทุนให้อย่างมืออาชีพ ก.ล.ต. จึงสนับสนุนการให้ความรู้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวในวงกว้าง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า “โครงการออมเบอร์ 5” นี้ จะเป็นทางเลือกให้ประชาชนสามารถใช้ในการเข้าถึงการลงทุนได้ต่อไป
ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเช่นกันว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯส่งเสริมให้เกิดการขยายฐานผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวมมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการออมเบอร์ 5 นับเป็นโครงการที่ดี ที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยเกิดความตื่นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนวัยทำงานรุ่นใหม่ที่ควรส่งเสริมให้เกิดวินัยการออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยพร้อมสนับสนุนโครงการฯ อย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเรื่องกองทุนรวมผ่านสื่อโดยเฉพาะช่องทางดิจิทัล
อีกทั้ง ยังได้ร่วมกับสมาคมฯ ภายใต้โครงการให้เงินทำงานผ่านกองทุนรวม จัดมหกรรมกองทุนรวม “Fund Wealth Fair” ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายนนี้ ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะมีกิจกรรมสัมมนาและเวิร์กชอปหลากหลายหัวข้อเกี่ยวกับกองทุนรวม และการออกบูธเพื่อให้คำแนะนำและให้บริการลงทุนโดยตัวแทนจาก บลจ. เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาข้อมูลและสามารถเริ่มต้นออมสม่ำเสมอกับโครงการออมเบอร์ 5 ได้อย่างมั่นใจ
นางชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะตัวแทนบริษัทจัดการลงทุน แนะนำโครงการออมเบอร์ 5 ว่า กองทุนรวมเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับคนไทยในการออมและการลงทุนเพื่ออนาคต อย่างไรก็ดีพบว่าจำนวนผู้ลงทุนบุคคลในกองทุนรวมมีจำนวนเพียง 1.7 ล้านคนในปี 2565 ถือว่ามีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ ดังนั้น AIMC จึงได้ริเริ่มโครงการด้วยหลักคิดเรื่องความเพียงพอของเงินออมของคนไทย
โดยออกแบบเครื่องมือลงทุนในกองทุนรวมที่ไม่ซับซ้อนเข้าถึงง่าย ด้วย Key Message “ออมเงินแบบคนมีความสุขต้อง “555” กับโครงการออมเบอร์ 5 ที่มาพร้อมกับกระบวนการง่ายๆ เพื่อให้การลงทุนประสบผลสำเร็จ ได้แก่ การตัดสินใจเพื่อเริ่มต้นออมและลงทุนที่ไม่ยากด้วยยอดเงินเริ่มต้นที่ไม่สูงจนเกินไปนัก การเปิดบัญชีกองทุนรวมที่ไม่เสียเวลาอย่างที่เคยคิด การสร้างวินัยจากการออมที่จะพาไปสู่เป้าหมายในระยะยาวและการส่งเสริมกำลังใจและของสมนาคุณเมื่อมีวินัยลงทุนครบตามเงื่อนไข ทั้งนี้ ถ้าโครงการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย คาดว่าจะได้ผู้ลงทุนหน้าใหม่รวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ราย โดยจะเป็นผู้ลงทุนที่มีคุณภาพ มีวินัยการลงทุนที่ดี ซึ่งจะเป็นฐานผู้ออมใหม่ที่มีคุณภาพในระยะยาวต่อไป
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ได้กล่าวสนับสนุนโครงการ “ในฐานะตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ที่มีบทบาทสำคัญอันหนึ่งคือส่งเสริมผู้ลงทุนในการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์เพื่อการออม การออมโดยการลงทุนผ่านกองทุนรวมเป็นแนวทางที่สำคัญทางหนึ่งที่จะสนับสนุนการออมโดยเฉพาะกับคนที่พึ่งเริ่มต้นการออมผ่านตลาดทุน และในปัจจุบันมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทหลักทรัพย์ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้พร้อมจะช่วยสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ด้วยรูปแบบต่างๆ อาทิ กลั่นกรองและคัดเลือกกองทุนที่โดดเด่นที่เหมาะสมกับการออมและลงทุนระยะยาว ให้คำแนะนำและปรึกษาการลงทุนในกองทุนรวม หรือร่วมสนับสนุนรางวัลของสมนาคุณ เราเชื่อว่า การออมและลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประชาชนไทย และการสนับสนุนให้เกิดผู้ลงทุนรายใหม่ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางนี้เช่นกัน”
นายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า “การลงทุนระยะยาวแบบประกันชีวิตจะช่วยให้ตลาดทุนไทยพัฒนาเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในธุรกิจประกันชีวิตให้มีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ตลาดทุน สามารถให้คำแนะนำและวางแผนการลงทุนใน Investment Link Insurance Products (“ILP”) ซึ่งได้แก่ กรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (“Unit Linked”) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการออมและลงทุน และให้โอกาสของผลตอบแทนในระยะยาวที่สูงขึ้น เชื่อมั่นว่าโครงการออมเบอร์ 5 จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเติบโตของผลิตภัณฑ์ unit linked และช่วยให้เกิดการต่อยอดกับกลุ่มลูกค้าประกันชีวิตที่มีอยู่เดิมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น”
ด้านธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นช่องทางการขายกองทุนรวมที่เข้มแข็งด้วยสาขาของธนาคารรวมถึงระบบโมบายแบงค์กิ้งแอปที่เข้าถึงผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นางกิตติยา โตธนะเกษม ผู้อำนวยการสถาบันธนาคารไทย สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “ธนาคารพาณิชย์ไทยให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อแนะนำทางเลือกการออมเงินที่เหมาะสมกับลูกค้าและระดับการรับความเสี่ยงที่ต่างกัน และยังได้ให้ความรู้เรื่องการออมสู่ประชาชนเสมอมา ธนาคารพาณิชย์และสถาบันธนาคารไทย จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ และมั่นใจว่าสาขาของธนาคาร รวมถึงบริษัทจัดการลงทุนที่อยู่ในเครือ ซึ่งมีผู้แนะนำการลงทุนหลายหมื่นคน จะร่วมกันช่วยส่งเสริมสุขภาพทางการเงินที่ดีแก่ประชาชนทั่วไป”
นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน กล่าวว่า บลน. พร้อมสนับสนุนโครงการออมเบอร์ 5 ให้เกิดผลรูปธรรมอย่างเต็มที่เช่นกัน ด้วยจุดแข็งที่ บลน. สามารถขายกองทุนรวมของบริษัทจัดการต่างๆได้ในแพลทฟอร์มเดียว รวมทั้งมีนักกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวม ช่วยแนะนำผสมผสานกองทุนรวมที่โดดเด่นจาก บลจ.ต่าง ๆ เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอได้ดังใจผู้ลงทุนพร้อมความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.