คลัง ลุยปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ จ่อแก้กฎหมาย“ยสท.” เปิดทางหารายได้เพิ่ม
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ 3 สายพันธุ์ สหภาพแรงงานยาสูบ และผู้ค้าปลีก ซึ่งได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงความเดือดร้อนภายหลังมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ เมื่อปี 2560 ที่ส่งผลให้โครงสร้างราคาขายปลีกบุหรี่ในตลาดมีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างบุหรี่ต่างประเทศกับบุหรี่ในประเทศ รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องบุหรี่เถื่อนที่มีการลักลอบนำเข้ามาขายในประเทศไทยจำนวนมาก แม้หน่วยงานกำกับดูแลจะมีการกวดขันอย่างเข้มข้นก็ตาม ซึ่งสร้างปัญหาให้กับอุตสาหกรรมบุหรี่อย่างหนัก
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบนั้น กระทรวงการคลังพร้อมรับโจทย์เพื่อหาหารือกันต่อในหลากหลายมิติ เพราะเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อน จึงจำเป็นต้องใช้เวลาไม่สามารถสรุปได้โดยง่าย เพราะโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 อัตรา คือ การจัดเก็บตามมูลค่า โดยราคาขายปลีกที่ต่ำกว่า 72 บาท จัดเก็บภาษีในอัตรา 25% ส่วนราคาขายปลีกที่มากกว่า 72 บาท จัดเก็บภาษีในอัตรา 42% ขณะเดียวกันยังมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณอีก ที่ 1.25 บาทต่อมวน
นอกจากนี้ ยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีที่ต้องตัดจ่ายให้กับองค์กรต่าง ๆ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), กองทุนพัฒนากีฬา, กองทุนคนชรา เป็นต้น รวมทั้งยังมีภาษีท้องถิ่นต่าง ๆ ที่ต้องมาคุยกันถึงโครงสร้างทั้งหมดว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
“ในการหารือครั้งนี้ก็มีการเสนอความคิดเห็นว่าควรจะมีการลดราคาขายปลีกลงให้ต่ำกว่า 72 บาท ตรงนี้มองว่ามีทั้งผลดี และผลเสีย โดยผลดีคือ เพื่อให้แรงจูงใจในการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนน้อยลง แต่ข้อเสียคือ เมื่อราคาถูกลงการบริโภคบุหรี่ก็อาจจะเยอะขึ้น ดังนั้นจึงต้องมาดูผลกระทบต่อสังคมด้วย จึงอยากขอเวลาในการทำการบ้านเพื่อนัดหมายมาคุยกันใหม่ให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์สูงสุดอีกครั้ง” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 30 พ.ค. 2567 จะมีการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับกรมสรรพสามิต ซึ่งจะมีการหารือกันในเรื่องนี้ด้วย แต่คงยังไม่ได้ข้อสรุป โดยคงต้องให้หน่วยงานไปทำการบ้านก่อน
อย่างไรก็ดี อีกประเด็นสำคัญที่ต้องหารือ คือ การแก้ไขกฎหมายของ ยสท. เพื่อเพิ่มอำนาจให้ ยสท. สามารถบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าการปรับโครงสร้างภาษียาสูบที่ผ่านมา ยสท. ได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นการแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการหารายได้ให้เพิ่มขึ้น รวมถึงให้สามารถรับซื้อใบยาสูบได้มากขึ้นด้วย
“ปัจจุบัน ยสท. ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการรับจ้างผลิตเพื่อการส่งออกเท่านั้น แต่หากสามารถปลดล็อกกฎหมายส่วนนี้ให้สามารถรับจ้างผลิตเพื่อขายในประเทศได้อย่างมีคุณภาพที่เหมาะสม ก็จะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยดูดซับใบยาในตลาด และยังอาจจะสามารถเพิ่มโควตาในการรับซื้อใบยาเพิ่มอีกด้วย อีกทั้งได้มอบให้ส่วนงานไปศึกษาเรื่องการนำใบยาสูบของเกษตรมาผลิตเป็นมวนบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อการส่งออก ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการขยายตลาดในต่างประเทศ เพราะมีดีมานต์อยู่เป็นจำนวนมาก ก็ให้ส่วนงานไปดูในรายละเอียดก่อน ซึ่งเรื่องนี้สามารถทำได้เลยไม่ต้องแก้กฎหมาย” รมช.การคลัง ระบุ
อย่างไรก็ดี ในส่วนข้อเรียกร้องของเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ เรื่องเงินค่าชดเชยปัจจัยการผลิต ที่ปี 2567 ขอไว้ 80 ล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังพร้อมรับเป็นโจทย์ไปพูดคุยว่าจะใช้งบกลาง หรือใช้กลไกส่วนใดในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีด้วย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.