SET ลุ้นทดสอบ 1,370-1,385จุด เศรษฐกิจไทยฟื้นครึ่งปีหลัง สะสม Domestic Play

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.85% ทําสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 7 หลังจากสหรัฐฯรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานแย่กว่าคาด ช่วยคลายกังวลปัจจัยด้านดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.4% หลังจากสหรัฐฯรายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลงและจีนรายงานการนําเข้าน้ำมันดิบสูงขึ้น

     เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.3 แสนราย แย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.12 แสนราย ภายหลังจากทราบผลดังกล่าว พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2, 10 ปีปรับลง พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index และราคาทองที่ปรับขึ้นสะท้อนว่านักลงทุนคลายกังวลกับปัจจัยด้านดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ

     โดยข้อมูลจาก CME FED Watch ล่าสุดให้นํ้าหนักราว 49% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน แต่ยังประเมินว่าจากนี้จนถึงประชุมเดือนกันยายนจะคงดอกเบี้ยยาว ด้วย Dollar Index ที่อ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า สนับสนุนกระแสเงินทุนต่างชาติ 

     ส่วนจีนรายงานส่งออกประจําเดือน เม.ย. พบว่าขยายตัว 1.5%YoY ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.3%YoY แต่การนําเข้าเร่งตัวขยายเป็น 8.4%YoY ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 4.7%YoY ข้อมูลจาก CNBC ระบุว่าการส่งออกไปยัง ASEAN ขยายตัว 8%YoY และนําเข้าจาก ASEAN ขยายตัว 5%YoY การส่งออกของจีนและนําเข้าที่ขยายตัวสะท้อนอุปสงค์โลกที่ดีขึ้นและเป็น บวกกับไทยผ่านการส่งออกไปยังจีนและจํานวนนักท่องเที่ยวจีนที่อาจเร่งตัวขึ้นใน ครึ่งปีหลังตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมองเป็นบวกกับหุ้น China Play อาทิ ปิโตรเคมี (PTTGC SCC SCGP) ท่องเที่ยว (AOT) อุปโภคบริโภค (CBG) 

     ปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรใหม่ๆรอติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 1Q24 ที่กําลัง เข้าใกล้โค้งสุดท้าย (สัปดาห์หน้าสิ้นสุด) สําหรับคืนนี้ไม่มีปัจจัยที่มีนัยยะต้องติดตาม แต่สัปดาห์หน้านักลงทุนจะให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อสหรัฐฯในวันอังคารและพุธ หากรายงานต่ำกว่าคาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้น

     วันนี้(10 พ.ค.67)ประเมิน SET INDEX แกว่งขึ้นในกรอบ 1,370-1,385 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังมองระดับดัชนีปัจจุบันเป็นโอกาสสะสมเช่นเดิมด้วยระดับ Valuation ที่น่าสนใจ ขณะที่เศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวจะเป็นบวกกับไทย ส่วนสหรัฐฯกําลังอยู่ในช่วงคลายกังวลกับปัจจัยด้านดอกเบี้ย

     โดยที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง เน้นสะสมหุ้น Domestic Play ประกอบด้วย ค้าปลีก (BJC CRC CPALL CPAXT HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ท่องเที่ยว (AOT) ศูนย์การค้า (CPN) เครื่องดื่ม (TACC)

     หุ้นแนะนำวันนี้ คือ MTC ปรับคําแนะนําเป็น "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 53 บาท ผลการดําเนินงานใน 1Q24 ออกมา ตามคาดมีกําไรสุทธิที่ 1.4 พันล้านบาท (+29.8% YoY, +2.8% QoQ) อยู่บนเส้นทางการฟื้นตัว ขณะที่จบดุลแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ NPL ratio ปรับลดลงเหลือ 3% และ Coverage ratio ปรับ ขึ้นเป็น 120.9% เอื้อต่อการผ่อนคลายนโยบายสํารองหนี้ฯ ในอนาคต เรามีมุมมองเป็นบวกหลัง การประชุมนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น

     และ หุ้น CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 89.00 บาท) คาดกำไรสุทธิงวด 1Q24 ของ CPN อยู่ที่ 3,999 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 4Q23 และเพิ่มขึ้น 23%YoY ได้รับผลดีจากการรับรู้รายได้จากศูนย์การค้าใหม่ 3 แห่ง (1 แห่งเปิดปลายปี 23 อีก 2 แห่งเปิดในช่วง 1Q24) รวมกับยอดโอนอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้นกว่า 80% YoY อย่างไรก็ตาม ผลดีดังกล่าวมาชดเชยค่าใช้จ่ายในการต่อสัญญาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าที่ทําให้มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 400 ล้านบาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.