SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,355-1,370 จุด แนะ “Selective Buy” ชู TIDLOR และ KCE

บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า SET เคลื่อนไหวภายในกรอบ โดยกรอบบนถูกจำกัด บริเวณแนวต้าน 1,370 และ 1,380 จุด ตามลำดับ ขณะที่กรอบล่างมีแนวรับ 1,355 จุด ยังรองรับได้ และใช้เป็นจุดติดตาม หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,350 จุด ประเด็นสำคัญติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้

ทั้งนี้ ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะเปราะบางตามตลาดหุ้นโลก จากความกังวลสถานการณ์ ตึงเครียดในตะวันออกกลาง และเฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยล่าช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม โดยสัปดาห์นี้คาดอัตราการว่างงานของสหรัฐจะทรงตัว และการ ประชุมของเฟดจะยังมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่การเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของหุ้นกลุ่ม Real Sector คาดจะมีอัตราการเติบโตต่ำ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "Selective Buy" ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) หุ้นเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ซึ่งคาดจะมีการเติบโตที่ดี YoY และจะประกาศในช่วง สองสัปดาห์หน้า เลือก HMPRO TRUE GFPT KCE TOP ขณะที่แนะนำระมัดระวังการลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งมีความเสี่ยงค่าเงินบาทอ่อนจะกดดันผลประกอบการไตรมาส 1/2567

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะนำหุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลประกอบการไม่ผันผวนตามเศรษฐกิจ เลือก หุ้นการแพทย์ (BDMS BCH) หุ้นขนส่งทางบก (BEM) หุ้นค้าปลีก (CPALL CPAXT) หุ้นสื่อสาร (ADVANC) หุ้นอสังหาฯ ปันผลดี (AP)

3) หุ้นที่สามารถเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (Hedging) จากกรณีความไม่สงบในตะวันออกกลาง ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง 

โดยนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง เลือกหุ้นน้ำมัน ยืนต้นอย่าง PTTEP ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น และหุ้นโรงกลั่นจะได้ผลบวกผ่านกำไรสต๊อกที่เพิ่มขึ้นเชิงพื้นฐานชอบ BCP 

(ทั้งนี้ หากสถานการณ์ลุกลามไปสู่การสู้รบอย่างเต็มรูปแบบอาจหนุนราคาน้พมันเกิน 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในระยะสั้น เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานของอิหร่านที่คิดเป็น 3-4% ของอุปทานโลก และในกรณีเลวร้ายกระทบการส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบ Hormuz อาจกระทบการส่งออกได้สูงสุดถึงกว่า 17% ของอุปทานโลก) 

ขณะที่มองลบต่อกลุ่มค้าปลีกน้ำมัน (ค่าการตลาดแคบ) และกลุ่มสายการบิน (ต้นทุนเพิ่ม)

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TIDLOR เลือกหุ้นเด่นของกลุ่มไมโครไฟแนนซ์ เนื่องจากคาดกำไรปี 2567 จะฟื้นตัวแข็งแกร่งสุดที่ 23%YoY พร้อมกับ valuation น่าสนใจที่ PE 13 เท่า ขณะที่ไตรมาส 1/2567 คาดกำไร 1.03 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%QoQ (ECL และ opex ลดลง) และ 7%YoY (NII และ non-NII เพิ่มขึ้น) เติบโตสูงที่สุดในกลุ่มฯ

KCE มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จากกำไรจะเติบโตแข็งแกร่งสุดในกลุ่ม โดยปี 2567 คาดกำไรสุทธิจะเติบโต 32%YoY จากการเติบโตที่ดีของ EV และเริ่มบริหารจัดการต้นทุนได้ดีมากขึ้น ขณะที่ valuation น่าสนใจ โดยปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 2567 เพียง 21.1 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -1SD ของ PE mean

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.