PCE ลุยระดมทุน จ่อเทรด SET ครึ่งหลังปี 67 ขยายโอกาสเติบโต
นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าระดมทุนเพื่อขยายโอกาสการเติบโตในอนาคต ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขอในการเสนอขายหุ้นหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) ของบริษัทแล้ว
หลังจากได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้น IPO พร้อมแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบ Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และยื่นคำขอให้รับหุ้นสามัญเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 26 ต.ค.2566
โดยบริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น จำนวน 750 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น ภายหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,750 ล้านบาท และจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจธุรกิจการเกษตร
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุน บริษัทจะเน้นลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล (B100) เช่น โรงสกัดน้ำมันปาล์ม รวมถึงลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และควบคุมต้นทุน อีกทั้งเพื่อต่อยอดหรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ ของ บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) และบริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด (PACO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักของกลุ่ม PCE
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทย่อยภายในกลุ่ม PCE ประกอบด้วย
1.บริษัท นิว ไบโอดีเซล จำกัด (NBD) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย น้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ และน้ำมันพืชสำหรับการบริโภค ภายใต้ตราสินค้า “รินทิพย์” โดยมีถังเก็บน้ำมันปาล์มและน้ำมัน B100 ทั้งหมด 80 แทงค์ สามารถจัดเก็บได้ปริมาณ 100,000 ตัน
2.บริษัท ปาโก้เทรดดิ้ง จำกัด (PACO) ประกอบธุรกิจซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม เมล็ดในปาล์ม และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากปาล์ม โดยจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
3.บริษัท พี.เค. มารีน เทรดดิ้ง จำกัด (PKM) ประกอบธุรกิจให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือมาตรฐาน ขนาดเกินกว่า 500 ตันกรอส มีพื้นที่ให้บริการกว่า 50,000 ตร.ม. และมีคลังน้ำมัน ทั้ง 2 แห่ง จำนวน 58 แทงค์ ที่สามารถรองรับปริมาณการจัดเก็บได้ถึง 240,000 ตัน โดยมีท่าเทียบเรือทั้งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
4.บริษัท เพชรศรีวิชัย จำกัด (PC) ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางบกภายในประเทศ ซึ่งมีรถให้บริการมากกว่า 150 คัน เพื่อขนส่งน้ำมันปาล์ม รวมถึงสินค้าแห้งและอื่นๆ
5.บริษัท พี.ซี. มารีน (1992) จำกัด (PCM) ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเรือ 13 ลำ ขนาด 1,800-3,100 ตัน ซึ่งขนส่งสินค้าได้ทั้งของแห้งและของเหลว ได้กว่า 1,000,000 ตัน
นายประกิต กล่าวว่า PCE มีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับองค์กรให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่ง ทั้งด้านฐานะการเงิน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และยกระดับการบริหารจัดการองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่าบริษัทจะมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10% จากปี 2566 ที่มีปริมาณการผลิตกว่า 700,000 ตัน เนื่องจากปัจจุบันมีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบและไบโอดีเซลในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีโอกาสเติบโตในทิศทางที่ดี ขณะที่ผลผลิตปาล์มยังมีไม่เพียงพอกับความต้องการของความต้องการใช้ของทั่วโลก
โดยประเทศไทยยังมีพื้นที่สำหรับเพาะปลูกเพื่อการเกษตรอีกจำนวนมาก จากปัจจุบันใช้พื้นที่เพาะปลูกปาล์มอยู่เพียง 6 ล้านไร่ ขณะที่อินโดนีเซีย ใช้พื้นที่เพาะปลูกปาล์ม 100 ล้านไร่ และมาเลเซีย ใช้พื้นที่เพาะปลูกปาล์ม 50 ล้านไร่ ซึ่งปาล์มน้ำมันเป็นพืชเกษตรสำหรับบริโภคและพลังงานที่มีต้นทุนถูกกว่าพืชชนิดอื่น จึงถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และยังมีความต้องการใช้ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับการบริหารจัดการและประสบการณ์ มากกว่า 40 ปี ในฐานะผู้นำธุรกิจน้ำมันปาล์มพร้อมระบบซัพพลายเชนครบวงจรของ PCE ที่ประกอบธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยมีธุรกิจโรงสกัดและโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม รวมไปถึงธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายน้ำมันปาล์มและผลผลิตพลอยได้อื่นๆ พร้อมทั้งให้บริการด้านคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ รวมทั้งยังมีธุรกิจให้บริการขนส่งทางเรือและทางบก ทำให้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทมีความสามารถในการรองรับเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
“PCE มองว่าธุรกิจอุตสาหกรรมปาล์มยังมีแนวโน้มที่ดีและสดใสต่อเนื่อง เพราะความต้องการใช้มีมากกว่ากำลังการผลิต ขณะนี้ PCE เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ทั้งความสามารถในการผลิต ระบบซัพพลายเชนที่สามารถเพิ่มศักยภาพในการให้บริการกับลูกค้า และรองรับการขยายตัวของความต้องการใช้ในอนาคตได้ ซึ่งจะทำให้เราก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันปาล์มอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดธุรกิจจนสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต” นายประกิต กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.