หวังโหวตนายกฯจบเร็ว ดึงเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับดันหุ้นไทยฟื้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(15 ส.ค.66) อยู่ที่ 1,520.73 จุด ลดลง 14.43 จุด คิดเป็น -0.94% มูลค่าการซื้อขาย 48,598.75 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,535.97 จุด และลดลงต่ำสุด 1,517.34 จุด
5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ดังนี้
1. KBANK ปิดที่ 127 บาท ลดลง 1 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,246.75 ลบ.
2. CPALL ปิดที่ 62 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,693.39 ลบ.
3. PTTEP ปิดที่ 161.50 บาท ลดลง 4.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,530.89 ลบ.
4. PTT ปิดที่ 36 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,404.07 ลบ.
5. BANPU ปิดที่ 9.25 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,386.53 ลบ.
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า พรรคเพื่อไทยประกาศได้พรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงทำให้เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาลล่าสุดอยู่ที่ 315 เสียง(เสียงพรรคพลังประชารัฐ 40 / รวมไทยสร้างชาติ 36) ซึ่งต้องหาเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกอีก 61 เสียง จึงจะสามารถผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทยได้โดยท่าทีของ สว. สะท้อนโอกาสที่ทำให้การโหวตนายกรอบที่ 3 มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น(>375 เสียง)
ขณะที่ประเด็นต้องติดตาม คือ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้(16 ส.ค.66)ว่าจะพิจารณารับ หรือ ไม่รับ คำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่เสนอให้วินิจฉัย การใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 41 ของรัฐสภา ในการโหวตเลือกนายกฯ
หากศาลไม่มีคำสั่งห้ามใดๆ หรือ ไม่รับไว้พิจารณาใดๆ ก็น่าจะทำให้กระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเดินหน้าไปด้วยดี โดยตลาดคาดว่าวันโหวตนายกจะอยู่ในช่วง 18-22 ส.ค.66 ประเด็นดังกล่าว ทำให้ในช่วงสั้นสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อ SET Index ทั้งในมุมของ Flow ต่างชาติ และมูลค่าการซื้อขายให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ขณะที่ระยะกลาง-ยาว หลังได้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่ที่มีเสถียรภาพ คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จะกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง หลังล่าสุดเดือน ก.ค.66 ปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 14 เดือนจาก 56.7 จุด สู่ระดับ 55.6 จุด
หวัง Fund Flow หนุนช่วงครึ่งหลัง ส.ค.
ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงรายงานงบ 2Q66 ออกมาแล้ว 459 บริษัท ส่วนใหญ่กำไรออกมาไม่ต่ำคาดแรงเหมือนช่วงที่ผ่านๆ มา โดยต่ำคาดเพียง -2.39%
ขณะที่ Fund Flow ในเดือนนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค โดยถูกต่างชาติขายสุทธิเพียง -235 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่า ทั้งตลาดหุ้นไต้หวันที่ถูกขายสุทธิ -3 พันล้านเหรียญ , เกาหลีใต้ -909 ล้านเหรียญ และ อินโดนีเซีย -817 ล้านเหรียญ
โดยในช่วงครึ่งหลังของเดือน ส.ค. หากมีการโหวตได้นายกฯ คนใหม่ได้เร็ว ก่อน 22 ส.ค. 66 ในวันถัดมา 23 - 25 ส.ค. 66 จะมีการจัดงาน Thailand Focus พอดี น่าจะได้รับความสนใจ และเป็นแรงจูงใจในการลงทุนสำหรับนักลงทุนต่างมากขึ้น หนุนให้ Fund Flow มีโอกาสไหลกลับเข้ามาหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะถัดไปได้
อย่างไรก็ดี ทิศทางการเมืองใกล้เข้าสู่จุดเปลี่ยน และคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อจากนี้คาดช่วยหนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนค่อยๆฟื้นขึ้น ค่าเงินบาทเริ่มชะลอการอ่อนค่าน่าจะหนุน Fund Flow กลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ หลังจากขายสุทธิต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีเกิน 1.2 แสนล้านบาท(ytd) อีกทั้งภาพการเมืองกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ส่งสัญญาณสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้แกนนำ คือ พรรคเพื่อไทย ทำให้การโหวตนายกรัฐมนตรีรอบที่กำลังจะเกิดขึ้น มีโอกาสสำเร็จสูง ดังนั้นดัชนีมีโอกาส Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆช่วงสั้น มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ที่ 1,520-1,545 จุด
พรุ่งนี้แกว่งแคบ
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงแรงรับบรรยากาศตลาดหุ้นทั่วโลกลงแรงเช่นกัน อีกทั้งมีแรงขาย Sell on fact หลังผลประกอบการไตรมาส 2/66 ประกาศออกมาเกือบทั้งหมด ขณะที่ Bloomberg consensus หั่นคาดการณ์ EPS หุ้นไทยเหลือ 91 บาท/หุ้น จากต้นปีที่ผ่านมาคาด 106 บาท/หุ้น ทำให้พี/อีตลาดขึ้นมาแตะ 16.7 เท่าถือว่าแพง ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้(16 ส.ค.66)คาดแกว่งในกรอบ แนวรับ 1,510 จุด แนวต้าน 1,530 จุด
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.