"QTCG" เดินหน้าประมูลงาน 4 พันล้านเติมพอร์ต ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20%
ราคาหุ้น "บมจ.คิวทีซีจี (QTCG)" เข้าซื้อขายครั้งแรกวันนี้(4 เม.ย. 2567) เปิดเทรดที่ราคา 2.18 บาท เหนือจอง 81.67% จากราคาเสนอขาย 1.20 บาท โดยราคาขึ้นไปแตะสูงสุด ที่ 2.28 บาท และลดลงต่ำสุด 1.15 บาท
และราคากลับมาปิดที่ราคาไอพีโอ 1.20 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,027.29 ล้านบาท
นายธิติวัฒน์ เงินนำโชคธนรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ QTCG เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายวันนี้(4 เม.ย.67)ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโตทางธุรกิจ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันให้ QTCG มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการด้านรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารแบบครบวงจรระดับชั้นนำของประเทศ สอดรับกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของบริษัท ภายใต้การขับเคลื่อน Q – QUALITY สร้างผลงานที่มีคุณภาพและมาตรฐานภายใต้งบประมาณและส่งมอบงานตรงตามเวลาที่กำหนด โดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ
T – TECHNOLOGY ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ทันสมัยเพื่อลดต้นทุนและระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
C – COMMITMENT มุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า คู่ค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างยั่งยืน
G – GRIT มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ในการสร้างผลงาน และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคมและประเทศชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ หัวใจหลัก ของความสำเร็จของ QTCG ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 200.40 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจในปี 2567 – 2568 เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสการต่อยอดธุรกิจในการประมูลงาน รวมถึงยกระดับความแข็งแกร่งสถานะทางการเงินให้เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน
โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการใหม่ๆทั้งในส่วนของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน มูลค่ารวมกว่า 3,500 - 4,000 ล้านบาท และคาดว่าจะคว้างานใหม่เข้ามาไม่น้อยกว่า 40% หรือประมาณ 1,600 ล้านบาทของมูลค่ารวม จากปัจจุบันมีมูลค่างานที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 1,158 ล้านบาท ดังนั้น หากได้รับงานใหม่ก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มและแรงขับเคลื่อนให้บริษัททำให้มีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งแผนการเข้าประมูลสอดรับกับภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างที่มีการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ประกอบกับภาครัฐเตรียมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ในเร็วๆ นี้ยิ่งส่งผลเชิงบวกต่อ QTCG อย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยบวกของ QTCG ขณะนี้คือการได้รับอานิสงส์จากนโยบายเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เนื่องจากอุตสาหกรรมก่อสร้างและรับเหมาได้รับผลกระทบจากการอั้นของงบประมาณของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้จากนี้ไปทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องเร่งขับเคลื่อนภาคการก่อสร้างและสาธารณูปโภคเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ดังนั้น QTCG ในฐานะผู้รับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร (Mechanical & Electrical : M&E) อย่างครบวงจร ประกอบด้วย 1) ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร 2) ระบบปรับอากาศและการระบายอากาศ 3) ระบบสุขาภิบาลและระบบประปา
และ 4) ระบบป้องกันไฟภายในอาคาร จึงเชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ เพราะ QTCG คือพันธมิตรผู้ร่วมก่อสร้างรากฐานและงานระบบที่มั่นคงให้กับทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ที่มีศักยภาพการรองรับงานระบบวิศวกรรมสำหรับโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ในปี2567 บริษัทฯ จะเติบโตแบบ overshoot หรือโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 20%
นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการ จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า ความสำเร็จในวันนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่มั่นใจในศักยภาพความแข็งแกร่งและโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ เนื่องจาก QTCG เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ต่อยอดความสำเร็จในการสร้างรากฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างในการวางระบบวิศวกรรมภายในอาคาร ซึ่งจะเติบโตสอดรับกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ รวมถึงงบการเบิกจ่ายปี 2567 ที่จะออกมาในเร็วๆนี้ ดังนั้น มองว่า QTCG เป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน
ดร.วีรพัฒน์ เพชรคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเข้าเทรดของ QTCG ในวันแรกได้รับการตอบรับ คึกคัก เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯที่มีความแข็งแกร่ง จึงสะท้อนถึงความน่าลงทุนในครั้งนี้
อีกทั้งด้วยศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจของบริษัทฯยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า QTCG เป็นหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีนโยบายจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.