“ดร.ธิติวัฐ” วอนแบงก์ชาติ ทบทวนมาตรการดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย
ดร.ธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ได้แสดงความกังวลต่อมาตรการดอกเบี้ยในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและประชาชนที่มีภาระผูกพันกับสถาบันทางการเงินต่างๆ โดยจะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง 8 ครั้ง จากอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% โดยล่าสุดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.50% ซึ่งส่งผลทำให้ต้องตั้งข้อสังเกตว่ามาตรการดอกเบี้ยนั้นยังเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันหรือไม่
ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 106.98 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ 108.18 ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปลดลงร้อยละ 1.11(YoY) โดยลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และต่ำในรอบ 35 เดือน การปรับลดลงของเงินเฟ้อนี้สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ยังส่งผลต่อ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกันเมื่อเทียบกับเดือน ธันวาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 54.8 โดย เดือน มกราคม 2567 อยู่ที่ระดับ 54.5 การปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย ยังเป็นคำถามสำคัญและเป็นข้อกังวลต่อมาตรการดอกเบี้ยในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ดร.ธิติวัฐ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดมาตรการดอกเบี้ยที่เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทย มาตรการทางการเงินที่เอื้อต่อการเสริมสภาพคล่องยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อการลดภาระต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและผู้บริโภค
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.