TU ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 15 ก.พ.นี้ ชงผ่อนผันเงื่อนไขไม่นับขาดทุน Red Lobster
หลังจากที่ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ยอมยกธงถอนการลงทุนออกจาก Red Lobster เชนร้านอาหารชื่อดังในสหรัฐ ที่เผชิญกับภาวะการขาดทุนต่อเนื่องจากพิษโควิด
พร้อมทั้งยังเตรียมบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดในครั้งเดียวราว 18,500 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2566 ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและข้อจำกัดการจ่ายเงินปันผลที่เป็นข้อกำหนดภายใต้หุ้นกู้บางชุดที่ออกโดยบริษัทในช่วงก่อนหน้านี้
ล่าสุด TU แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อขอผ่อนผันเงื่อนไขข้อกำหนดหุ้นกู้ก่อนการประกาศผลดำเนินงานปี 2566
โดยการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวจะจัดขึ้นสำหรับผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 5 ชุด ซึ่งจะแยกนับองค์ประชุมและการลงมติสำหรับหุ้นกู้แต่ละชุด โดยกำหนดการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนกรรมสิทธิ์ วันที่ 1 ก.พ.2567 และจัดประชุมในวันที่ 15 ก.พ.2567 ส่วนวาระการประชุมสรุปได้ดังนี้
- พิจารณาอนุมัติการผ่อนผันหลักเกณฑ์ในการคำนวณ “อัตราส่วนของความสามารถในการชำระดอกเบี้ย”
- พิจารณาอนุมัติการผ่อนผันหลักเกณฑ์ในการคำนวณเงินปันผลที่สามารถจ่ายได้ตามเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผล
โดยในการประชุมผู้ถือหุ้นกู้นี้ บริษัทจะขอผ่อนผันเป็นการเฉพาะคราว เพื่อไม่นับรวมรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามหลักการทางบัญชี เพื่อการคำนวณอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย และการคำนวณเงินปันผลที่สามารถจ่ายได้ตามเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผล จากงบการเงินรวมปี 2566
ทั้งนี้เมื่อหักรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามหลักการทางบัญชีซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทดังกล่าว ผลประกอบการของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง
สำหรับหุ้นกู้ของ TU ทั้ง 5 ชุด ได้แก่
- TU24OA ครบกำหนดไถ่ถอน 9 ต.ค.2567 มูลค่า 3,500 ล้านบาท
- TU264A ครบกำหนดไถ่ถอน 11 เม.ย.2569 มูลค่า 75 ล้านบาท
- TU26NA ครบกำหนดไถ่ถอน 6 พ.ย.2569 มูลค่า 2,000 ล้านบาท
- TU271A ครบกำหนดไถ่ถอน 19 ม.ค.2570 มูลค่า 4,000 ล้านบาท
- TU29NA ครบกำหนดไถ่ถอน 6 พ.ย.2572 มูลค่า 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทขอเรียนว่าในกรณีที่บริษัทไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือหุ้นกู้ได้ บริษัทยังมีสภาพคล่องทางการเงินตลอดจนวงเงินสินเชื่อที่รองรับเพียงพอที่จะทำการไถ่ถอนบางส่วนหรือทั้งหมดของหุ้นกู้ที่ไม่ได้รับความยินยอมได้
ขณะเดียวกัน TU ยังแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ถึงความเห็นของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่มีต่อหุ้นกู้ของบริษัทด้วยว่า ทริสเรทติ้ง ได้ให้ความเห็นว่า แม้รายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวจากการลงทุนใน Red Lobster จะส่งผลอย่างมากต่อผลประกอบการปี 2566 ของบริษัท แต่ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่า กำไรสุทธิของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2567 เนื่องจากจะไม่มีผลขาดทุนจากกิจการ Red Lobster อีกต่อไป ดังนั้นทริสเรทติ้งจึงมีมุมมองว่ารายการด้อยค่านี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทที่อยู่ในระดับ A+
ก่อนหน้านี้ TU แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัทได้พิจารณาอย่างรอบคอบและตัดสินใจถอนการลงทุนจาก Red Lobster เนื่องจากเห็นว่า ธุรกิจ Red Lobster มีความต้องการใช้เงินสูง ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดสรรเงินลงทุนของบริษัท และเห็นควรถอนการลงทุน ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทศึกษาช่องทางที่เป็นไปได้ในการถอนการลงทุน ทางบริษัทจะบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช้เงินสดครั้งเดียวจำนวน 530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18,500 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 ปี 2566
คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและการบันทึกรายการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวนี้ จะไม่มีผลกระทบทางลบอย่างมีนัยสาระสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ ทรัพย์สิน หรือสภาวะทางการเงินของบริษัท
อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและข้อจำกัดการจ่ายเงินปันผลซึ่งเป็นข้อกำหนดภายใต้หุ้นกู้บางชุดที่ออกโดยบริษัทก่อนหน้านี้ ซึ่งบริษัทจะดำเนินการเพื่อผ่อนผันเงื่อนไขดังกล่าวกับผู้ถือหุ้นกู้ก่อนการประกาศผลประกอบการในเดือนก.พ.นี้
สำหรับ Red Lobster นั้น ทาง TU ได้เข้าซื้อหุ้นดังกล่าวตั้งแต่ปี 2559 มูลค่าราว 575 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยถือหุ้นสัดส่วน 49% และกลายเป็นประเด็นที่กดดันราคาหุ้น TU มาโดยตลอด เนื่องจากมีผลขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งล่าสุด TU ได้ตัดสินใจถอนการลงทุนออกมา
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.