เช็คลิสต์! 7 ความผิดพลาดทำเฟลหุ้นปี66 ทริคไม่พลาดซ้ำปี67

     “น้าแดง - จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์” หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ โพสต์ในเพจ Liberator Securities ในหัวข้อ "7 โครตเฟลหุ้น 2023 โดย #น้าแดงLIB" ระบุว่า เปิดแนวคิดง่ายๆในตลาดหุ้นคือ “ถ้าเราไม่ทำผิดพลาดซ้ำ โอกาสที่จะชนะในครั้งถัดไปก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ” เพราะจริงๆตลาดหุ้นมันก็มีท่าให้แพ้ไม่กี่ท่า หากเราเข้าใจมันและหลีกเลี่ยงท่าที่เคยโดนแล้ว มันก็คงเหลือไม่กี่ท่าให้เราแพ้(ฮา) 

     วันนี้ "น้าแดง" มารีวิว 7 ความพลาดในปี 2023 เอาไว้เตือนใจชาว LIBFAM จะได้ไม่พลาดซ้ำในปี 2024  

     1. เป้าที่ร้อนแรงต้นปี : เพราะผู้บริหารมักตั้งเป้าสูงๆไว้ก่อน ข้อดีคือ ทำให้ดูมุ่งมั่นแข็งขัน คนฟังก็เคลิ้มจนมือคันซื้อหุ้นไปด้วย แต่ข้อเสียคือ หากทำไม่ได้ตามเป้า ราคาหุ้นจะถูกทำโทษแรง คนซื้อต้นปีเลยกลายเป็นติดดอยตั้งแต่ต้นปี 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : จงรอดูงบ 1Q หรือ 2Q ก่อน แล้วคอยฟังโทนเป้าหมายของ ผบห. ว่าเปลี่ยนไปหรือไม่ ค่อยตัดสินใจเชื่อ ในปี 2023 หลาย บจ. มีการปรับเป้าลงตลอดทาง 2-3 ครั้งเลยทีเดียว และโดยสถิติบอกว่า SET EPS ตอนต้นปี มักจะสูงกว่า EPS จริงๆตอนท้ายปีราว 7% ดังนั้นการรอคอยสัก 3-4 เดือนเป็นเรื่องที่ดี การรีบจัดหนักตั้งแต่ต้นปีอาจพลาดได้นะ

     2. IPO แจกตังค์ : เจ้าของก็อยากได้ตังค์เยอะๆ  FA และ โบรกเกอร์ ก็อยากได้ค่าธรรมเนียมแยะๆ เลยนำมาซึ่งการตั้งราคา IPO สูงๆ ผสมกับกระบวนการ PR ประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทำให้ นลท.ที่ติดภาพเดิมๆว่า IPO ยังไงก็วิ่งกระจาย จึงมักกลายเป็นเหยื่อ 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : นักลงทุนต้องแม่นเรื่อง valuation อ่านให้ออกอ่านให้ขาดว่า ราคาขายนั้นถูกหรือแพง และต้องรู้เท่าทันเกมส์จัดสรรหุ้น รวมถึงโครงสร้าง IPO ว่ามาเพื่อระดมเงินทุนขยายกิจการ หรือ มาเพื่อสร้างความร่ำรวย เหล่านี้ต้องใช้ประสบการณ์สูง

     3. ไม่ขายไม่ขาดทุน :  ไม่ว่าจะลงทุนสไตล์ไหน การจำกัดความเสียหายด้วยการStop loss เป็นสิ่งที่ต้องมี แค่อาจต่างกันได้จากวิธีการลงทุนที่ต่างกัน โดยหลักง่ายๆในการสร้างเงื่อนไขเพื่อ stop loss คือ “การผิดแผนการลงทุน” เช่น หากลงทุนแบบ VI จุด stop loss อาจใช้อัตรากำไรขั้นต้นรายไตรมาสที่ต่ำกว่า x% ที่ยอมรับได้ หรือ หากเป็นสาย day trade ก็อาจใช้การขาดทุน 2-3% หรือ เวลาถือหุ้น 30-60 นาที เป็นจุดตัดสินใจก็ได้ หรือ หากเป็นสายโมเมนตัมไม่มีเวลาดูหุ้นมาก ก็อาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย EMA 5-10 วัน เป็นจุดตัดสินใจได้ จะเห็นว่าทั้งหมดมันอยู่ที่การวางแผนแต่แรก 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : ก่อนซื้อหุ้น 1.เราจะลงทุนด้วยรูปแบบอะไร เดย์เทรด / vi / โมเมนตัม 2.กำหนดขนาดความเสียหายที่ยอมรับได้ก่อน 3.สร้างจุดตัดสินใจว่า ถ้าจะstop loss เราจะใช้อะไรเป็นตัวตัดสินใจหลัก

     4. Rating ดีไม่มีเจ๊ง : เครดิตเรตติ้ง หรือ คะแนน ESG ต่างๆ หรือ การได้บรรจุในดัชนี SET50/100 หรือ MSCI เป็นเพียงการเอาข้อมูลการเงิน ข้อมูลการซื้อขาย สภาพคล่องในอดีต มาสร้างให้เป็นรูปธรรมในรูปแบบง่ายๆเพื่อให้ผู้ที่ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูล หรือ ผู้มีความรู้ความเข้าใจทางการเงินไม่มากเอาไปร่วมตัดสินใจลงทุน ซึ่งมันจะมีรอบของการทบทวน (Rebalance, Review) ทำให้เราต้องเข้าใจว่าคะแนนต่างๆข้างต้น มันย่อมไม่ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่เกิดขึ้นทุกวันได้ 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : นักลงทุนต้องศึกฝนการดูงบรายไตรมาสให้มากขึ้นเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการฝึกอ่านอัตราส่วนด้านสภาพคล่อง เช่น Cash conversion cycle, Inventory days, AR days และ D/E ratio, Cash flow from Operation, Current portion of Long term debt/debenture เป็นต้น โดยหุ้นที่มีปัญหาทางการเงินในปี 2023 นั้น จริงๆแล้วเค้าได้มีสัญญานออกผ่านอัตราส่วนทางการเงินเหล่านี้มาแล้วหลายไตรมาส ใครช่างสังเกตจะรอดจากเหตุการณ์นี้

     5. ยึดติด Valuation แต่ลืมเรื่องสภาพคล่อง : ปัจจัยที่มีผลกับราคาหุ้นมี 3 ส่วนง่ายๆ คือ "ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ + ความคาดหวังข้างหน้า + สภาพคล่องของตลาด" โดยน้ำหนักจะแตกต่างกันในบางเวลา ในยาม “ตลาดกระทิง” ความคาดหวังจะมีบทบาทมาก หุ้นสามารถเทรด P/E สูงๆได้อย่างไม่เคอะเขิน การประเมินมูลค่าด้วย P/E 30x หรือ PEG 1.0x กลายเป็นเรื่องปกติ 
     แต่ในทางตรงข้ามในยาม “ตลาดหมี” (อาจดู SET indexต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เป็นเกณฑ์ก็ได้) ความคาดหวังแทบไร้ค่า P/E 10-15 เท่า พอจะคุยกันได้ แต่ความโหดสุดๆคือ ในยาม “ตลาดไม่เชื่อมั่น” ว่าเงินที่นักลงทุนใส่ไปจะได้อะไรกลับมาไหม เอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า ส่งผลให้สภาพคล่องไหลออกจากตลาด รู้ไหมว่าประเด็นนี้ สามารถกด P/E ให้ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานได้เลย อย่างประเด็น Naked short ยังโบ้ยกันไม่จบ จนส่งผลให้ความเชื่อมั่นหดหาย ทำให้มูลค่าซื้อขายปลายปี 2023 เหลือเพียงวันละ 3 หมื่นล้านบาท+/- (จากเฉลี่ย 7.1 หมื่นล้านบาทในปี 2022) จนทำให้มีหุ้นต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน(Undervalued) เต็มตลาด หลายๆตัวต่ำกว่าช่วง Lockdown จาก COVID-19 ในปี 2020 ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีกว่ามาก จนเซียนหลายๆคนที่ชอกช้ำจากตลาดต่างประเทศ หรือ จากกฎหมายภาษีใหม่ ยังเริ่มกลับมาเลือกหาหุ้นไทยดีๆหลายคน 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : จงมีสติ ยอมทำความเข้าใจในพฤติกรรมตลาด แล้วหา valuation ที่ปัจจัยพื้นฐาน(เนื้อๆ)ให้เจอก่อน แล้วทยอยซื้อหุ้นที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่ในทางตรงข้าม หากสภาพคล่องกลับมาคึกคัก คุณก็อาจต้องเพิ่มความกล้าเข้าไป

     6. มั่นใจในสถิติ : แม้ในบางกรณีจะมีสถิติแน่ชัดว่า หากเกิดเหตุการณ์นี้ หุ้นจะต้องขึ้นแทบทุกครั้ง แต่มันก็จะมีบางครั้งที่ไม่เป็นไปตามนั้น เช่น Rally election ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งมีสถิติดีมาตลอดปลายสิบปีที่ผ่านมา ทุกคนประสานเสียงหุ้นไทยปลดล๊อควิ่งแน่ๆ แต่ทว่าปี 2023 นี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งก็ต้องทำความเข้าใจว่าในแต่ละเหตุการณ์ เราต้องเทียบเคียงถึงไส้ในหรือบริบทว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรด้วย ดังนั้น ชื่อเหตุการณ์เดียวกัน แต่ผลลัพธ์อาจไม่เหมือนกันได้ สถิติในอดีตจึงเป็นเพียงตัวบอกโอกาสในอนาคต แต่ไม่ได้เป็นการการันตี โดยตลาดถูกเสมอและจะเป็นคนเฉลยคำตอบ
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : ใช้สถิติเพื่อเป็นแนวทาง แต่ไม่ควรเชื่อสถิติ 100% กลยุทธ์ที่ดีคือ เชื่อแค่ไหน ก็ใส่เงินเท่านั้น

     7. เสพภาพมหภาค จนพลาดหุ้นดี : ปี 2023 มีหุ้นที่ outperform มีหลายกลุ่ม เช่น นิคมอุตสาหกรรม เครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งจริงๆผลกำไรที่แสดงรายไตรมาส หรือ ตีมการลงทุน มันไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย เพียงแต่ว่าเสียงของข่าวสารด้าน Macro ที่นักเศรษฐศาสตร์มหภาคออกมาประสานเสียงเล่าถึงความน่ากลัวสยดสยอง ทั้งเรื่องนโยบายการเงินของเฟด, Inverted yield curve หรือ เศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ Recessionทำให้ความกล้าที่จะถือหุ้นดีๆเหล่านั้นลดลงอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่บริษัทเหล่านั้น มีความเก่ง มีภูมิต้านทานที่ดี (จาก business model หรือ ผบห.ที่เก่ง) หรือแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย 
     เตรียมตัวไม่ให้เฟล : เปลี่ยน mindset เสียใหม่ว่า ภาพ Macro เป็นข่าวสารที่ทำให้ตลาดผันผวน เป็นเรื่องคอยเตือนให้เราตระหนัก แต่ไม่ได้เป็นสรณะในการตัดสินใจ แต่หากความเก่งของบริษัทที่เราสนใจไม่ได้เปลี่ยนแปลง ไม่ได้รับผลกระทบ เป็นสิ่งที่เราต้องสนใจมากกว่า ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีในการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดในการทยอยซื้อหุ้นที่เรามั่นใจในราคาที่ต่ำ

     น้าแดง LIB หวังว่า 7 ความเฟลนี้จะไม่เกิดซ้ำในปีหน้านะครับ พวกเรา LIB talks ทุกเช้าๆจะพยายามย้ำเตือนเรื่องพวกนี้บ่อยๆ เพื่อครอบครัว LIBFAM จะได้ไม่พลาดพลั้งกัน และจะได้ประสบความสำเร็จในปีมังกร 2024 ไปด้วยกันนะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.