เตรียมตัว! ราคายาปี 67 พุ่งกว่า 20% สะท้อนต้นทุนพุ่ง
นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัช อุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP และประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดอุตสาหกรรมยาทั่วโลกในปี 2567 มีแนวโน้มจะปรับราคายาขึ้นไปอย่างต่ำ 20% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่นำมาเป็นส่วนผสมยาปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับจากมีการระบาดของโควิด -19 โดยเฉพาะต้นทุนส่วนของผสมพาราเซตามอล เพนนิซิลิน ไอบรูโพรเฟน และส่วนผสมของยาปฏิชีวนะส่วนใหญ่ล้วนปรับตัวสูงขึ้น
โดยธุรกิจวัตถุดิบและสารปรุงแต่งยาทั่วโลกส่วนใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ที่เอเชีย ซึ่งมีอินเดียและจีนเป็นผู้เล่นหลัก จีนและอินเดียครองส่วนแบ่งการตลาดสำหรับวัตถุดิบทางเภสัชกรรม 60% โดยมีลูกค้า 80% อยู่ในประเทศในสหภาพยุโรป
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคายาในปี 2567 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนั้นมาจาก ปัจจัยหลัก 4 ด้าน ดังนี้
1. ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้ง รัสเซีย - ยูเครน , อิสราเอล - ฮามาส รวมถึงความขัดแย้งภายในประเทศในพื้นที่อื่นๆเช่นพม่า ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ความต้องการยามีสูงขึ้น
2. ต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยนี้เป็นผลต่อเนื่องมาจากปัจจัยความไม่สงบในพื้นที่ต่างๆ ที่กระทบมาถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตยามีต้นทุนในการขนส่งมากขึ้น ในปี 2565
3. สังคมผู้สูงอายุที่กำลังเกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ความต้องการยามีมากขึ้น จากความต้องการที่มากขึ้นนี้ส่งผลให้ยาบางประเภทขาดตลาด และทำให้มีราคาสูงขึ้น
4. ต้นทุนการผลิตโดยรวมที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าแรง และ เครื่องจักร
หากราคายาเปลี่ยนแปลง การเข้าถึงการรักษาพยาบาลก็เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลประมาณ 65% ขึ้นอยู่กับยา ดังนั้นเทรนด์ในการดูและสุขภาพของคนรุ่นใหม่ในปี 2567 จึงจะได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น เทรนด์การดูและสุขภาพเชิงป้องกันไม่ให้เกิดการเจ็บป่วย และการกินอาหารเป็นยา เป็นต้น
ซึ่งเทรนด์เหล่านี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจสมุนไพรและอาหารเสริม ทั้งหมดนี้ถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการผลักดันสมุนไพรและอาหารเสริมให้มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานระดับสากล ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าถึงห้องแล็ปมาตรฐาน
ปัจจุบันไทยส่งออกสมุนไพร 20% ใช้ในประเทศ 80% หากสามารถยกระดับการผลิตให้ได้มาตรฐานโลกก็จะส่งผลให้ตลาดสมุนไพรไทยเติบโตได้อีกหลายเท่า
“ปีหน้า JSP มีแนวโน้มยอดขายโตขึ้นจากลูกค้าสมุนไพรที่เข้ามา OEM มากขึ้น เนื่องจากเป็นการจับมือกันระหว่างโรงงานมาตรฐาน คือ JSP กับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสายป่านไม่ยาวมาก แต่ต้องการผลิตยาและอาหารเสริมที่ได้มาตรฐานระดับโลก เทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันจึงส่งผลดีต่อ JSP ทั้งทางตรงและทางอ้อม” นายสิทธิชัย กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.