BIOTEC ควัก 285 ล้าน เข้าซื้อธุรกิจแวร์เฮาส์ในแหลมฉบัง จากกลุ่มนทลิน

นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2566 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 ก.พ.2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เค.อาร์.ซี. โลจิสติกส์ จำกัด (บจก. เค.อาร์.ซี) จาก บริษัท แวร์เฮ้าส์ เอ็กเพรส จำกัด (บจก. แวร์เฮ้าส์) จำนวน 12,999,998 หุ้น ในราคา 165,000,000 บาท บวกส่วนเกินเงินสดของ บจก. เค.อาร์.ซี ระหว่างวันโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นที่ซื้อขายและวันที่ 30 ก.ย.2566 

ทั้งนี้ คาดว่าราคาซื้อขายจะเป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 285,000,000 บาท (แบ่งเป็นมูลค่ากิจการ 165,000,000 บาท และเงินสดของ บจก. เค.อาร์.ซี 120,000,000 บาท) และคาดว่าจะดำเนินการเข้าลงทุนแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2567

สำหรับ บจก. เค.อาร์.ซี เป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิการเช่าพื้นที่ของท่าเรือแหลมฉบัง โซน 2 จำนวนเนื้อที่ประมาณ 28,318 ตารางวา เป็นระยะเวลา 25 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2559 สิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค.2584) จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตามสัญญาเช่าพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง โซน 2 เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า

โดย บจก. เค.อาร์.ซี ได้มีการก่อสร้างอาคารคลังสินค้าจำนวน 2 อาคารให้เช่า มีพื้นที่ใช้สอยแต่ละอาคารประมาณ 30,000 ตารางเมตร และ บจก. เค.อาร์.ซี ได้เข้าทำสัญญาเช่าอาคารคลังสินค้า 1 กับผู้เช่ารายหนึ่ง โดยมีระยะเวลาการเช่า 21 ปี(สัญญาสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค.2584) และอาคารคลังสินค้า 2 กับผู้เช่ารายหนึ่ง โดยมีระยะเวลาการเช่า 17 ปี 4 เดือน (สัญญาสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค.2584)

ขณะที่ บจก. แวร์เฮ้าส์ เป็นบริษัทย่อยในเครือของ บริษัท นทลิน จำกัด ซึ่งกลุ่มนทลิน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทผ่าน Austin Asset Limited และมี นายปวีณ ปานบุญห้อม ซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่มนทลิน โดย ณ วันที่ 22 ธ.ค.2566 กลุ่มนทลิน ถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 27.73% โดย Austin Asset Limited และ นายปวีณ ปานบุญห้อม ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วน 19.44% และ 8.29% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท

ทางด้านแหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว จะมาจากเงินที่ได้รับจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่ 1/2566  (BIOTEC255A) ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินงานของบริษัท

สำหรับผลประโยชน์ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากการเข้าลงทุนใน บจก.เค.อาร์.ซี ซึ่งประกอบธุรกิจที่มีศักยภาพและมีผลตอบแทนที่มั่นคง อันจะส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มเติมจากโครงการได้ทันที โดยไม่ต้องพัฒนาโครงการและรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเอง 

รวมไปถึงบริษัทมีนโยบายการลงทุนระยะยาวใน บจก.เค.อาร์.ซี ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จากรายได้ที่แน่นอนตามสัญญาเช่าของลูกค้าของ บจก.เค.อาร์.ซี ที่มีสัญญาเช่าระยะยาวจนครบอายุโครงการอีกกว่า 17 ปี ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น และจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวในอนาคต