คลังเปิดเกณฑ์ VAT Refund ใหม่ เพิ่มวงเงินคืนภาษีจาก 5 พันเป็น 2 หมื่น
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เรื่องนี้ได้เคยหารือร่วมกับกรมสรรพากร และกรมศุลกากร ให้พิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเข้ามาประเทศไทย อีกจำนวนมากตามเป้าหมายของรัฐบาล เช่น หาวิธีการลดคิวการรอตรวจสินค้า ที่เราเห็นได้ที่สนามบิน ในบางช่วงเวลาจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่อคิวรอตรวจสินค้าเพื่อขอคืนภาษีเป็นจำนวนมาก หากประเทศไทยสามารถลดอุปสรรค เพื่อให้สามารถคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย รวมทั้งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 3 ฉบับ เพื่อปรับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยวให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน (หลักเกณฑ์เดิมได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2562) โดยหลักเกณฑ์ที่ปรับใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป
ดังนั้น ตั้งแต่เริ่ม High Season’66 นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องรอคิวเพื่อตรวจสินค้าจะลดลงมาก โดยหลักๆ ที่ปรับเป็นการเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าที่ไม่ต้องผ่านพิธีการศุลกากร
1. ปรับเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าที่ต้องแสดงต่อศุลกากร จากเดิมตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป เป็น 20,000 บาทขึ้นไป หลักเกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องแสดงสินค้าลงจาก 1.7 ล้านรายต่อปี หรือ 67% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขอคืนภาษีทั้งหมด เหลือประมาณ 500,000 รายต่อปี หรือร้อยละ 20 ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขอคืนภาษีทั้งหมด หรือลดจำนวนคิว/การขอตรวจเอกสารที่ต้องตรวจสินค้า จาก 4,800 คนต่อวัน เหลือเพียง 1,400 คนต่อวันหรือปรับลดลงกว่า 70%
2. ปรับเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ต้องนำไปแสดงต่อสรรพากร 9 รายการ ได้แก่ เครื่องประดับ ทองรูปพรรณ นาฬิกา แว่นตา ปากกา สมาร์ทโฟน แล็ปท็อปหรือแท็บเล็ต กระเป๋า (ไม่รวมกระเป๋าเดินทาง) เข็มขัด จากเดิมมูลค่าต่อชิ้นตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป เป็น 4 หมื่นบาทขึ้นไป และของที่สามารถถือขึ้นเครื่องได้ (carry-on) จากเดิมมูลค่าต่อชิ้นตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป เป็น 1 แสนบาทขึ้นไป หลักเกณฑ์ใหม่นี้จะช่วยลดจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต้องแสดงสินค้าลงจาก 1.2 แสนรายต่อปี (หรือ 4.7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขอคืนภาษีทั้งหมด) เหลือประมาณ 30,000 รายต่อปี (หรือ 1.2% ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขอคืนภาษีทั้งหมด) หรือลดลงจาก 333 คนต่อวันที่ต้องแสดงสินค้าเหลือเพียง 84 คนต่อวัน โดยประมาณ หรือลดลงกว่า 75%
สำหรับเงื่อนไขการขอคืนภาษีในปัจจุบันนั้น นักท่องเที่ยวต้องมียอดซื้อไม่น้อยกว่า 2,000 บาทต่อร้านต่อวัน และจากการปรับหลักเกณฑ์ข้างต้นนี้จะช่วยลดขั้นตอนการขอคืนภาษี ของนักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้ามูลค่ารวมไม่ถึง 20,000 บาท สามารถไปขอรับคืนภาษีจากเจ้าหน้าที่สรรพากรได้โดยไม่ต้องผ่านพิธีการทางศุลกากรแต่อย่างใด
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.